05:00น.
พรึบ
ติ๊ดๆๆๆๆๆ(เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของพีเค)
ยี่หวา หวันยิหวา….
“อื้อออ”เสียงครางอย่างรำคาญของคนร่างสูงที่นอนกอดฉันแน่นอยู่ร้องขึ้น ฉันจึงขยับร่างกายไปมาในอ้อมแขนของเขา
“พี่เคคะ….”
“อื้อ!”พี่เคครางในลำคออย่างหงุดหงิดที่ฉันปลุกเขา นาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์เขาดังขนาดนั้นเขาไม่ได้ยินเหรอไงเนี่ย
“นาฬิกาปลุกค่ะ”ฉันเอ่ยบอกเขาไป เพราะพี่เคตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีห้าเพื่อตื่นและออกไปจากห้องนอนของฉันและจะขับรถซูเปอร์คาร์ของเขากลับเข้าบ้านมาตอนเจ็ดโมงครึ่งอย่างไม่ให้พี่ปอนสงสัยว่าเขาแอบเข้ามานอนกับฉัน
“ปิดให้หน่อย”เสียงอู้อี้ดังบอกฉันก่อนที่ใบหน้าหล่อของพี่เคจะซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอของฉันพลางกอดรัดร่างของฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม แล้วไหนเขาบอกให้ฉันไปปิดนาฬิกาปลุกที่โทรศัพท์ให้เขาไม่ใช่เหรอไง แต่ทำไมกลับกอดฉันแน่นขึ้นกว่าเดิมล่ะ?
“พี่เคคะ….”
“จุ๊ฟ”ฉันเบิกตาโตขึ้นทันทีที่พี่เคเงยหน้าจากซอกคอฉันมาจุมพิตที่ปากฉันเบาๆก่อนจะค่อยๆสะลึมสะลืองัวเงียลืมตาตื่นมามองหน้าฉันเลยทำให้เราสองคนสบตากันเข้าอย่างจังเพราะฉันลืมตามองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว
“พี่เค…..กำลังจีบใยไหมอยู่เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่เคไปอย่างสงสัย เพราะในใจของฉันยังคงค้างคาใจกับคำพูดที่พี่เคบอกฉันเมื่อคืนนี้ว่าอีกไม่นาน?อะไรคืออีกไม่นาน
“มันไม่ใช่เื่ของเธอ….”พี่เคตอบฉันแค่นั้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเดินเปลือยกายออกไปจากเตียงนอนฉัน เขาเข้าไปล้างหน้าล้างตาและอาบน้ำแปรงฟันโดยที่เขาใช้แปรงสีฟันของฉันเราใช้อันเดียวกันเพราะถ้าฉันมีแปรงสีฟันสองอันพี่ปอนอาจจะสงสัยได้ ฉันที่ระหว่างรอพี่เคอาบน้ำฉันก็เดินไปยังตู้เสื้อผ้าของฉัน ฉันหยิบชุดนอนของฉันที่เป็เสื้อสายเดี่ยวกระโปรงสั้นมาสวมใส่และหยิบชุดออกกำลังกายโดยเฉพาะของนักมวยที่เป็ของพี่เคที่ฉันซักและนำมาเตรียมไว้ให้เขาเปลี่ยนก่อนจะออกไปจากห้องฉันออกมาจากที่ซ่อนใต้เสื้อผ้าของฉัน พี่เคเขาจะต้องไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านทุกเช้าเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงและน้ำหนักตัวคงเดิมตามสไตล์นักมวยเพื่อขึ้นชกในครั้งต่อไป
พรึบ
“ยี่หวาเตรียมชุดไว้ให้พี่เคแล้วนะคะ”ฉันเอ่ยบอกพี่เคไปในขณะที่เขาเดินเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องน้ำของห้องนอนฉันแล้ว โดยที่เขาก็ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกของเขาและเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับเดินมาหยิบชุดออกกำลังกายไปจากมือฉันและเขาก็ไปเปลี่ยนชุดออกกำลัง ฉันก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าของพี่เคที่เป็เสื้อนักศึกษาและกางเกงสแล็คสีดำของเขาขึ้นมาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของพี่เคเดินตรงไปให้พี่เคที่ตอนนี้โทรศัพท์ของเขาเครื่องได้ดับไปแล้ว สงสัยน่าจะแบตหมด
“โทรศัพท์น่าจะแบตหมดค่ะ”ฉันเอ่ยบอกพี่เคไป เขาก็พยักหน้าและยื่นมือมาหยิบโทรศัพท์ของเขาไปจากมือฉันและเขาก็เดินไปหยิบรองเท้าของเขาที่เขาเตรียมมาเมื่อคืนที่วางอยู่หน้าประตูทางออกห้องฉันมาถือไว้ มันเป็รองเท้าผ้าใบสำหรับใส่ออกกำลังกายน่ะ เขาจะเตรียมพร้อมแบบนี้ทุกวัน
“กระปุกออมสินเหรอ?”พี่เคที่กำลังจะก้าวผ่านร่างฉันที่ยืนอยู่ตรงข้างๆเตียงนอนเขาก็เอ่ยถามฉันขึ้น ฉันก็หันหน้าไปมองยังโต๊ะเขียนหนังสือของฉันที่มีกระปุกออมสินรูปหมูสีชมพูตัวอ้วนตุ้ยวางอยู่
“ค่ะ”
“จะเก็บตังค์….ไปทำไร?”พี่เคเอ่ยถามฉันพลางนั่งลงบนเตียงนอนฉันเพื่อเขาจะใส่ถุงน่องและรองเท้าของเขา
“จะซื้อไอแพดค่ะ….เอาไว้จดงาน”ฉันตอบพี่เคไปตามความจริง ฉันยอมอดค่าขนมที่พี่ปอนให้เพื่อจะไปซื้อไอแพดเลยนะ เพราะเพื่อนๆฉันมีกันทุกคน จะให้ฉันจดใส่สมุดบันทึกก็ไม่ค่อยจะสะดวกแล้ว
“อืม…”พี่เคตอบสั้นๆพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่เขาสูงกว่าฉันมาก หัวของฉันเท่าหน้าอกเขาเอง ฉันก็เม้มริมฝีปากเป็เส้นตรงแล้วเดินไปเปิดประตูทางออกของระเบียงห้องที่เป็บานกระจกเตรียมพร้อมให้พี่เค พี่เคก็ไม่ได้หันมามองหน้าฉันกลับเดินออกไปที่ระเบียงและปีนที่กั้นของราวระเบียงะโลงไปยังพื้นหญ้าข้างบ้านทันที ฉันยืนมองพี่เคที่เขาเดินไปปีนประตูรั้วข้างบ้านของตัวเองเพื่อออกไปยังข้างนอก ซึ่งมันเป็แบบนี้เป็ประจำเขามักจะขับรถซูเปอร์คาร์ของเขาออกไปตอนดึกเขาเอามันไปจอดไว้ที่ไหนฉันก็ไม่รู้ และเขาก็จะเดินกลับมาที่บ้านบางวันก็ปีนระเบียงบ้านชั้นสองมาเคาะประตูกระจกที่ระเบียงห้องฉันบางวันก็เดินเข้ามาทางหน้าบ้านเลยและจะกลับออกไปจากห้องฉันตอนเช้ามืดแบบนี้ทุกวัน เมื่อแผ่นหลังกว้างของพี่เคละสายตาฉันไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูกระจกและเดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อออกไปยังชั้นล่างของบ้านเพื่อทำอาหารให้พี่ปอนและพี่เคทานในตอนเช้า
แอดดดดด
ฉันเปิดประตูห้องของตัวเองก็พบว่าบ้านด้านนอกยังเงียบสนิทอยู่ ไฟยังไม่ได้ถูกเปิดขึ้นมาสักดวง นั้นหมายความว่าพี่ปอนยังไม่ตื่นฉันก็โล่งใจเดินลงบันไดไปหุงข้าวและทำกับข้าวและเตรียมน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวไว้ให้พี่เคกับพี่ปอน กว่าฉันจะทำอะไรเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเจ็ดโมงครึ่งแล้วฉันจึงเดินขึ้นบันไดขึ้นไปยังห้องนอนของฉันเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปมหาลัยโดยมีสิบทิศเป็คนมารับ
20นาทีต่อมา
“เอ๊ะ?”ฉันที่นั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งก็ต้องร้องเอ๊ะใจออกมาเมื่อสายตาของฉันมองเห็นแผ่นกระดาษที่สะท้อนในเงาของกระจกโต๊ะเครื่องแป้งของฉัน มันเป็ป้ายสีขาวที่ส่วนหัวของกระดาษมีรูปฟันเฟืองที่เป็สัญลักษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์วางอยู่บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ทางเข้าประตูห้องนอนฉัน
พรึบ
ฉันลุกขึ้นยืนและหันหลังเดินตรงไปยังป้ายชื่อใช่มันคือป้ายชื่อเ้าปัญหาที่หายไปของฉันเมื่อวานนี้มันมาอยู่ที่ห้องของฉันได้ยังไง?
“มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?”ฉันหยิบป้ายชื่อขึ้นมาดูและพึมพำออกมาแต่แล้วมันก็ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติของป้ายแผ่นนี้ เพราะมันไม่ใช่ป้ายชื่ออันเดิมของฉันแต่มันคือป้ายชื่ออันใหม่ เพราะอันเดิมของฉันมันหายที่มหาลัย และลายมืออันนี้ก็ไม่ใช่ลายมือของพี่ปีสองที่เขียนให้ฉันเมื่อวันแรกของการรับน้องด้วย แต่มันคือลายมือที่แสนจะคุ้นตาฉัน
“พี่เค?”ฉันพึมพำชื่อของพี่เคออกมา ใช่มันคือลายมือของพี่เค ฉันจำลายมือของเขาได้ดี ลายมือที่ชุ่ยแสนชุ่ยแต่นี้ก็ถือว่าสวยที่สุดของเขาแล้วนะ อะไรไม่รู้ทำให้ฉันยิ้มออกมาและมันก็ทำให้
ฉันหยุดยิ้มไม่ได้เลยด้วย^_^
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้