จุนห่าวและหานรุ่ยพาลูกๆ มายังหุบเขาที่ผลไม้ชิงลัวดำรงอยู่ ภายในหุบเขาแออัดไปด้วยผู้คน จุนห่าวมองกลุ่มคนเล็กๆ ที่กระจุกอยู่รวมกัน ที่ต่างยึดที่มั่นของตัวเอง ส่วนด้านหน้าสุดคือสัตว์อสูรที่กำลังจดจ้องต้นไม้เล็กๆ บนหน้าผา ต้นไม้เล็กๆ ต้นนี้มีสีคราม สูง 2 เมตร และกระจัดกระจายไปด้วยใบไม้สีคราม มี 9 หน่อ แต่ละหน่อจะมีผลไม้สีคราม ซึ่งมีขนาดเท่ากำปั้นของทารก จุนห่าวคิดในใจ ผลไม้สีครามนี้คือผลไม้ชิงลัวที่เลื่องลือนี่เอง คาดไม่ถึงว่าผลไม้เล็กๆ นี้ จะมีพลังงานมหาศาลขนาดนั้น แม้แต่นักพรตที่มีลมปราณขั้นสิบเอ็ดก็เลื่อนขั้นเข้าสู่ลมปราณขั้นสิบสอง ต้องทราบก่อนว่า นักพรตลมปราณขั้นสิบเอ็ดต้องสะสมพลังปราณมหาศาลกว่าจะเลื่อนขั้นเข้าสู่ลมปราณขั้นที่สิบสอง ในแง่พลังิญญาบนแผ่นดินชางหลาน ลมปราณของนักพรตธรรมดาผู้หนึ่งกว่าจะถึงระดับลมปราณขั้นสิบสองต้องสะสมเป็เวลาหลายสิบปี แน่นอนว่า การทานยาวิเศษช่วยลดระยะเวลาการสะสมพลังิญญา ทว่าของล้ำค่าชั้นเลิศนั้นหายากยิ่ง แม้แต่ยาิญญาทั่วไป นักพรตธรรมดาก็ไม่อาจใช้ได้ ดังนั้น นักพรตลมปราณขั้นสิบสองบนแผ่นดินชางหลานจึงมีน้อยนัก ต่อให้ไม่มีข้อจำกัดจาก์ แต่ความเข้มข้นของพลังิญญาบนแผ่นดินชางหลาน ก็ยากที่จะสร้างรากฐาน มีเพียงการสร้างรากฐานเท่านั้น ถึงจะเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียรได้ จากนั้นถึงจะมีอิทธิฤทธิ์ อายุขัยก็เพิ่มขึ้นเป็ 500 ปี ต้องบอกว่านี่คือเื่เศร้าของพลเมืองบนแผ่นดินชางหลาน ดังนั้น นักพรตที่มีพร์เหล่านี้ถึงพยายามออกจากแผ่นแดนนี้
มองผลไม้ทั้ง 9 ผล จุนห่าวรู้สึกเสียดายนัก ของดีแท้ๆ แต่กลับใช้ได้เพียงครั้งเดียว ความพิเศษของผลไม้ชิงลัวคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ต่อให้ผลไม้ชิงลัวจะมีพลังิญญามากกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจดูดซับได้หมด เพราะเหตุนี้ มันจึงเป็แค่ผลไม้ิญญาทั่วไป ต้นชิงลัวจะเติบโตบนหน้าผาสูงชัน และะเติบโตเพียงลำพัง ไม่มีต้นไม้ใดๆ รอบข้าง นี่คือความพิเศษของพืชิญญา ที่ไม่อนุญาตให้พืชิญญาชนิดอื่นเติบโตในอาณาเขตของมัน เพื่อแย่งชิงพลังิญญากับมัน สำหรับนักพรตแล้ว การจะมีอิทธิฤทธิ์ ถือว่าเป็เื่ยากเย็นไม่น้อย ทว่าสำหรับสัตว์อสูร ถือเป็ข้อได้เปรียบ จุนห่าวแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า มีสูตว์อสูรบินวนเวียนอยู่ในท้องฟ้าจำนวนมากอย่างรอคอยเวลา ส่วนงูเหลือมเผือกที่มีสีขาวดุจหิมะ กำลังรออยู่ด้านข้างผลไม้ชิงลัว มันเชิคหัวขึ้้น พร้อมคายลิ้นสีแดงสองแฉก ดวงตาคู่นั้นจดจ้องสัตว์อสูรและนักพรตที่เป็มนุษย์อย่างเ็าและร้ายกาจ แม้ว่าผลไม้ชิงลัว จะไม่อาจช่วยให้มันบุกทะลวงได้ ทว่าผลชิงลัวทั้ง 9 ลูกนั้น ทำให้พลังิญญาของมันลงลึกยิ่งขึ้น ทั้งยังถ่ายทอดพลังให้แก่ทายาทได้ สัตว์อสูรตั้งครรภ์ยากกว่ามนุษย์นัก ดังนั้น สัตว์อสูรทุกตัวจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อทายาทของมัน
มองงูเหลือมเผือกตัวนี้ จุนห่าวคิดในใจ มันคือหนึ่งในาาทั้งสิบบนเทือกเขาอู๋หยิน มันมีสายเืของสัตว์โบราณ...เทพเ้างู ว่ากันว่า เทพเ้างูทุนเยามีความสามารถในการกลืนกินั้แ่เยาว์วัย ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเทพเ้างูทุนเยา หากงูเหลือมเผือกตัวนี้มีต้นกำเนิดของสัตว์อสูรโบราณ
สายเืของเทพเ้างู ถ้าอย่างนั้น อนาคตของงูเหลือมตัวนี้คงมีพลังไร้ขีดจำกัด จุนห่าวทอดถอนหายใจ น่าเสียดายนัก ที่เทพเ้างูเหลือมตัวนี้เกิดมาผิดที่ หากมันไม่ไปจากที่นี่ คงจบชีวิตที่นี่แน่ และคงหมดโอกาสที่จะสืบทอดสายเืของเทพเ้างูต่อไป เมื่อถึงวาระก็ต้องตายอยู่ที่นี่ ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
ได้ยินมาว่า เทพเ้างูมีชีวิตถึงหมื่นปี แม้ว่าพลังปราณยังอยู่ที่ขั้นสิบสองระดับปลาย ทว่าการสะสมหลายหมื่นปีนั้น มนุษย์อย่างนักพรตหาเทียบได้ไม่ นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง จุนห่าวให้งูเหลือมตัวนี้ถือเป็สัญลักษณ์ของอันตรายขั้นขีดสุด
“เสี่ยวรุ่ย งูตัวนั้นที่อยู่ข้างๆ ต้นไม้สีน้ำเงินคราไม่อาจรับมือได้โดยง่าย เ้าต้องอย่าแตะต้องมันเด็ดขาด” จุนห่าวหันมาพูดกับหานรุ่ย จุนห่าวเกรงว่าหานรุ่ยจะตื่นเต้นที่ได้พบงูเหลือม นี่หาใช่เวลาอันดีในการประลองฝีมือไม่
หานรุ่ยเข้าใจความหมายของจุนห่าว พูดกับจุนห่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถอะ ข้ามิได้บ้าบิ่นเช่นนั้น ข้ารู้ว่าต้องประมาณตนเอง” จากนั้นก็มองไปรอบๆ หยุดชั่วครู่และพูดว่า “ที่นี่มีแต่ยอดฝีมือ ข้าคงไม่มีโอกาสลงมือหรอก”
จุนห่าวยิ้มแบบโล่งอก เอ่ยขึ้น “ข้าเป็ห่วงนัก เพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เ้าทำให้ข้าใ” จากนั้นเขาเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “ดูท่าผลไม้ชิงลัวยังต้องรออีกหลายวันกว่าจะสุกงอม เราหาที่ปักหลักกันก่อนเถอะ”
หานรุ่ยกลุ่มคนเล็กๆ ที่กระจุกอยู่รวมกัน ขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่นี่หายากสักหน่อย ถูกจับจองไปหมดแล้ว เรารีบตั้งเต็นท์ถัดจากคนอื่นเถอะ มิฉะนั้นคงถูกขับไล่เป็แน่”
ทันทีที่หานรุ่ยพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงะโดังกึกก้องที่อยู่ไม่ไกลว่า “รีบไปซะ เบิ่งตาของเ้าดูสิ ที่นี่คืออาณาบริเวณของใคร พวกเ้ากล้าอาณาบริเวณของทหารรับจ้างสิงโตคลั่งรึ? วันนี้ท่านปู่ของข้าใจดี จะไม่เอาชีวิตพวกเ้า รีบไปซะ หากยังไม่ไป จะได้เอาชีวิตพวกเ้า”
“ขอขอบคุณนายท่านที่ไว้ชีวิตเรา เราจะไปทันที” พูดจบทั้งสามคนก็เก็บข้าวของอย่างเศร้าหมอง ด้วยความเร็วนั้น ราวกับถูกสุนัขชั่วร้ายไล่หลัง
“เ้าพูดไร้สาระกับพวกมันทำไม? ฆ่าทิ้งก็สิ้นเื่” หนึ่งในกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งเอ่ยขึ้น
“ก็แค่มดไม่กี่ตัว ฆ่าพวกมันข้าก็รู้สึกซวย” ชายคนนั้นด่าพึมพำ
จุนห่าวมองสถานการณ์ตรงนั้น คิดในใจ คนเ่าั้ถูกด่าแล้ว ยังจะซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพราก นี่คือเื่เศร้าของการไร้อำนาจ
“กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งยิ่งใหญ่มาก?” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ย เขารู้จักกองกำลังใหญ่ๆ ในแผ่นดินชางหลานอยู่บ้าง แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกองทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง จุนห่าวคิดว่า หรือเขาจะมีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ มองดูความบ้าคลั่งของสองคนนั้น อำนาจของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งคงมิได้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม
หานรุ่ยพูดขึ้นอย่างเนิบๆ ว่า “ไม่เคยได้ยินมาก่อน อาจจะเป็อิทธิพลที่มีอำนาจอยู่บ้าง ซึ่งอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก” คิดในใจ เขาก็ไม่เคยได้ยิน ในเมื่อไม่เคยได้ยิน คงเป็เป็ผู้มีอิทธิพลระดับต่ำ ต่อให้เป็ผู้มีอิทธิพลใหญ่โตจริง หานรุ่ยก็ไม่เกรงกลัว เขาและจุนห่าวมีลมปราณอยู่ที่ขั้นที่สิบแล้วหากช่วยกันสู้กับลมปราณขั้นสิบสองได้ เมื่อมีความแข็งแกร่ง หานรุ่ยก็ไม่คิดจชะอดกลั้นแล้ว อารมณ์ยั่วยุสมัยก่อนฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ชู่ พวกเข้าเงียบหน่อย คนของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งได้ยินท่านพูดเช่นนี้ คงไม่ปล่อยพวกเ้าแน่ และคาดว่าคงจะสับพวกท่านให้เป็หมื่นท่อน” คนที่ยืนมองความคึกคักอยู่ข้างๆ กล่าวเตือน คิดในใจ ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ใด ถึงไม่รู้จักกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง
“กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งยิ่งใหญ่มาก?” จุนห่าวเอ่ยถาม คิดในใจ เขาก็มิได้บอกว่าพวกเขาคือกองกำลังขนาดเล็ก ถึงคิดจะสับพวกเขาให้เป็หมื่นท่อน ดูเหมือนว่ากลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง คงมิได้จะดีอะไรนัก
“ใช่น่ะสิ ชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งเป็ที่รู้จักกันดีทั่วทั้งจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ แม้ว่าจะไม่ใช่หนึ่งในสามของกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่ของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ ทว่าเื้ัของลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งนั้นลึกลับนัก” พูดถึงตรงนี้ ชายคนนั้นก็หยุดและมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง จุนห่าวเห็นท่าทางระแวดระวังของเขา ก็รู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรต่อ
ชายคนนั้นไม่พบว่ามีคนอื่นสนใจพวกเขา จึงเอนตัวไปข้างกายจุนห่าว เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเข้าใกล้เข้ามา จุนห่าวก็ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่คุ้นชินกับการเข้าใกล้คนแปลกหน้า ชายคนนั้นไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของจุนห่าว พูดต่อไปว่า “ท่านทราบไหมว่า น้องสาวของหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งคือใคร?”
จุนห่าวส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ไม่ทราบ”
เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่ลังเลของจุนห่าว ชายคนนั้นมองจุนห่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้น “น้องชาย เ้ามาจากไหนมุมไหยของในที่ห่างไกลอ่า?” แม้แต่น้องสาวของกองทหารรับจ้างสิงโตคลั่งก็ไม่รู้จัก? เวลานี้ไม่มีใครบนแผ่นดินชางหลานที่ไม่รู้จัก ขนาดเด็กอายุสามขวบยังรู้เลย” หากชายคนนั้นรู้ว่าบุคคลที่เขาเรียกว่าน้องชาย คือยอดฝีมือที่มีลมปราณอยู่ที่ขั้นที่สิบ คงจะเย็บปากของเขาด้วยความเกรงกลัวเป็แน่
จุนห่าวตบหัวจุนหนานที่อยู่ในอ้อมอก แล้วพูดว่า “ลูกชาย เ้ารู้จักไหม?”
จุนหนานจดจ่ออยู่กับการฟังคำพูดของชายคนนั้น รู้สึกว่าชายผู้นี้พูดจาน่าสนใจนัก จุนห่าวคิดว่าต้องมีเื่ซุบซิบแน่ เขากำลังฟังอย่างตั้งใจ ก็ถูกจุนห่าวขัดจังหวะ จุนหนานพูดกับจุนห่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านพ่อ อย่ารบกวนข้าที่กำลังฟังลุงคนนี้เล่าเื่ ข้าอยู่กับท่านมาทั้งวันแล้ว ท่านไม่เคยได้ยิน แล้วข้าจะได้ยินได้อย่างไร ข้าขอตำหนิท่านและท่านแม่ พวกท่านมัวแต่บำเพ็ญเพียร ควรใช้ชีวิตัักับโลกจริงๆ ดูบ้าง ดูสิ เวลานี้แม้เื่ที่เด็กยังรู้ แต่พวกท่านกลับไม่รู้ เห็นได้ว่าท่านและท่านแม่โง่เขลาเบาปัญญายิ่งนัก”
จุนห่าว : ...... คิดในใจ ไม่รู้เื่ซุบซิบนิทาก็คือโง่เขลาเบาปัญญาหรือ? เขาคิดว่านั่นคือเื่ที่สตรีชอบทำ จุนหนานชอบฟังข่าวซุบซิบ ส่วนเขากับหานรุ่ยไม่ใช่คนที่ฟังเื่ซุบซิบ ดังนั้นพวกเขาจึงน้อยนักที่พวกเราจะร่วมวงสนทนาเื่ซุบซิบ จุนหนานจึงไม่พอใจเขาและหานรุ่ยเป็ทุนเดิม
ฟังคำของจุนหนาน ผู้พูดก็คิดในใจ ชายสองคนนี้คือนักพรตที่หมกมุ่นกับการบำเพ็ญเพียรนี่เอง มิน่าล่ะถึงไม่รู้จักกองกำลังของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ ชายคนนั้นมองจุนห่าวและหานรุ่ยด้วยสายตาชื่นชม สำหรับนักพรตที่บำเพ็ญเพียรอย่างหนัก เขาก็ขอชื่นชมด้วยหัวใจ เป็เื่ที่เขาเองก็ทำไม่ได้ จากนั้นเขาก็มองจุนตงและจุนหนานสายตาสงสาร คิดในใจ ผู้ใหญ่ที่บำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ย่อมทำให้เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของพวกเขาลำบากไปด้วย ทำให้เด็กน้อยทั้งสองต้องใช้ชีวิตอย่างพเนจรร่อนเร่ นึกถึงตรงนี้ เขาไม่เข้าใจอยู่บ้าง ในเมื่อทั้งสองคนคือนักพรตที่ตรากตรำ เหตุใดถึงมีบุตรเร็วเช่นนี้ นี่ถือเป็การทำให้ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรล่าช้าหรือ? ชายนั้นสับสนเล็กน้อย
จุนห่าวเห็นชายคนนั้นมองเขาด้วยสายตาชื่นชม ขณะเดียวกันก็มองจุนตงและจุนหนานด้วยสายตาสงสาร จุนห่าวรู้สึกงุนงง
ในเมื่อพวกจุนห่าวไม่รู้จัก ชานคนนั้นก็รู้สึกสนใจ คิดในใจ พวกเขาควรได้รู้เื่ใหญ่เช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการไปหาเื่คนที่มิควรหาเื่ อาจได้เมื่อไหร่ก็ตาย ถือว่าเขาหวังดีต่อพวกเขา
ชายคนนั้นเรียบร้องภาษาและกล่าวว่า “น้องสาวของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งนามว่า หงอวี้หรู คือสาวงามที่งามที่สุดในแผ่นดิน เธอและพี่ชายของเธอ...หงอวี้ชิ่ง ถือกำเนิดในหมู่บ้านเล็กๆ บนูเาที่ยากแค้น ทว่าทั้งคู่โชคดีนัก ได้ช่วยองค์ชายสามที่าเ็ ระหว่างที่เ้าชายองค์สามอยู่ใน่รักษาตัว หงอวี้หรูดูแลเขาเป็อย่างดี ชายหล่อเหลาย่อมเหมาะกับหญิงงาม” พูดกับจุนห่าวอย่างขยิบตา แล้วพูดอย่างอบอุ่นว่า “ชายหล่อเหลาอยู่กับหญิงงามทุกวัน เป็ธรรดาที่ย่อมเกิดความรู้สึก ส่วนองค์ชายสามของเราเป็คนรู้บุญคุณคน หลังจากอาการาเ็ขององค์ชายสามดีขึ้น หงอวี้หรูสองพี่น้องก็ถูกนำตัวไป” พูดถึงตรงนี้ เขาหยุดอีกครั้ง งและพูดอย่างตื่นเต้น “เช่นนี้ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว พวกเ้าลองเดาดูว่าเกิดเื่อันใดขึ้น”
พูดจบ ชายคนนั้นเห็นท่าทีของจุนห่าวและหานรุ่ยที่ดูไม่สนใจนัก และมิได้ตื่นเต้นเหมือนเมื่อครู่นี้ ทว่าเห็นดวงตาเปล่งประกายของจุนหนานและจุนตง ที่เกิดความสนใจอีกครั้ง คิดในใจ มิใช่ว่าข่าวคราวของเขาไม่น่าติดตาม แต่เป็เพราะสองคนนี้ขาดความสนใจเื่ข่าวซุบซิบ คิดถึงตรงนี้ เขาก็กระแอมในลำคอ
