เหนียนยวี่ครุ่นคิดเช่นนั้น ฉู่ชิงมองมาที่นางโดยมิได้เอ่ยอะไร ทว่าชัดเจนอย่างมากว่าเขา้าสิ่งใด
จะให้นางทายาให้หรือ?
ชาติก่อนในค่ายทหาร นางเคยเห็นบุรุษเปลือยกายมานับไม่ถ้วน และได้ช่วยคนมากมายทายา นางเคยชินกับสถานที่ที่มีบุรุษมากมาย
ยิ่งกว่านั้น ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางไม่มีอารมณ์ต่อหน้าผู้ป่วย แต่ฉู่ชิงต่างออกไป
วันนั้นในสวนร้อยสัตว์ ภาพที่นางรักษาาแให้เขายังวนเวียนอยู่ในหัว แม้นจะผ่านมานานแล้วก็ตาม ทว่าตอนนี้นางยังต้องมาทายาให้เขาอีกแล้วหรือไร
ระหว่างที่เหนียนยวี่ครุ่นคิด ฉู่ชิงได้ถอดเสื้อของเขาออกแล้ว ไร้ซึ่งเสื้อสีดำคลุมกาย ร่างกายของชายผู้นั้นไม่ต่างจากใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากนัก มันเป็สิ่งที่ทำให้ผู้คนหน้าแดงก่ำหัวใจเต้นแรง เพียงชั่วพริบตาบรรยากาศผันเปลี่ยนและคลุมเครือขึ้นทันที และผู้ที่ทำให้บรรยากาศกลับกลายเป็เช่นนี้กำลังนั่งอยู่บนตั่ง จ้องมองตรงมาที่นาง
เหนียนยวี่ดวงตาพร่าเลือนทันทีครั้นได้เห็นประกายเจิดจ้าที่เปล่งออกมาจากเนื้อหนังมังสาของเขา ผนวกกับสายตาของเขาที่มอง ทำให้หัวนางรู้สึกชาไม่น้อย
“ท่านแม่ทัพชื่นชอบการเปลื้องผ้าต่อหน้าหญิงสาวั้แ่เมื่อใด?” เหนียนยวี่ลืมตาขึ้นและเอ่ยอย่างแ่เบาราวกับจะปกปิดคลื่นอารมณ์ในใจของตัวเอง
ดวงตาของฉู่ชิงตะลึงงันไปเล็กน้อย ทว่ากลับยังคงจ้องมองเหนียนยวี่โดยไม่เอ่ยอะไร
เสียงในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเหนียนยวี่จึงตัดสินใจเดินไปหาเขา แววตาไม่เต็มใจอยู่ในสายตาของฉู่ชิง มุมปากภายใต้หน้ากากพลันค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นช้าๆ โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
“ท่านแม่ทัพหลวง ท่านพาเหนียนยวี่มาที่นี่ คงมิใช่แค่อยากล้อเลียนเหนียนยวี่ใช่หรือไม่”
เหนียนยวี่หยิบกล่องยา กวาดตามองของที่อยู่ข้างใน นางหยิบขวดกระเบื้องออกมา เปิดจุกฝาและเอาขึ้นมาดมเล็กน้อย ครั้นรู้แล้วว่าข้างในบรรจุยาอะไร และเมื่อนางเจอยาที่้า เหนียนยวี่จึงแกะผ้าโปร่งบางที่พันรอบตัวฉู่ชิงออกอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นล้างทำความสะอาดาแและใส่ยา การกระทำของนางช่างคล่องแคล่วว่องไวเป็อย่างมาก
ครั้งก่อนที่สวนร้อยสัตว์ ฉู่ชิงได้เห็นความเชี่ยวชาญของนางในการรักษาาแแล้ว จึงไม่แปลกใจกับความสามารถของนางแต่อย่างใด
ล้อเล่นงั้นหรือ?
ฉู่ชิงยิ้มโดยไม่พูดอะไร แม้นางจะทายาพันแผลให้เขา ทว่าเขากลับรู้สึกว่านางพยายามหลีกเลี่ยงการััร่างกายของเขาอย่างมาก
เขาไม่ชอบเปลื้องผ้าต่อหน้าสตรี แต่เหนียนยวี่ตรงหน้า...
ฉู่ชิงขมวดคิ้วมุ่น เพราะนางเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากของตัวเอง เพราะเช่นนั้น เขาเลยไม่ค่อยระวังตัวเมื่ออยู่ต่อหน้านางงั้นหรือ?
คำถามนี้ผุดขึ้นในหัวของฉู่ชิง สิ่งที่อธิบายไม่ได้ในใจพลันหายวับไป
“ทักษะการรักษาของเ้าดียิ่งกว่าหมอในค่ายเสียอีก สิ่งนี้ก็เรียนมาจากนักเล่าเื่ในโรงน้ำชาด้วยหรือไม่?”
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของฉู่ชิงดังขึ้นมา ชัดเจนเลยว่าเขากำลังเอ่ยหยอกเย้า
มือของเหนียนยวี่ชะงักเล็กน้อย ทว่านางมิได้ตอบรับสิ่งใดกลับไป "ท่านแม่ทัพหลวงคิดว่าฝีมือการรักษาของหมอในค่ายไม่ดี ทว่าจวนแม่ทัพน่าจะมีหมอฝีมือดีมิใช่หรือ เหตุใดท่านแม่ทัพหลวงต้องทำเื่ให้ผู้อื่นลำบากใจเช่นนี้ด้วย?"
นี่เป็สิ่งที่เหนียนยวี่สงสัยอยู่ในใจ การทำแผลทายาในจวนแม่ทัพมิใช่ว่าจะสะดวกกว่าหรือ?
วงคิ้วภายใต้หน้ากากฉู่ชิงขมวดมุ่น ตามมาด้วยความอ่อนโยนฉายออกมาจากดวงตาที่รัดกุม “นางไม่รู้ว่าข้าาเ็”
นางหรือ?
เหนียนยวี่ฉับพลันนั้นตระหนักอะไรบางอย่างได้ทันที จึงเอ่ยหยั่งเชิงถามเขาออกมาคำหนึ่ง "ฮูหยินท่านแม่ทัพหรือ?"
ฉู่ชิงไม่ตอบ ทว่าครั้นเหนียนยวี่ก้าวเข้ามาและหยุดจ้องมองดวงหน้าเขา เห็นความอ่อนโยนที่ฉายออกมาจากดวงตาฉู่ชิง นางจึงมั่นใจในความคิดคาดเดาของตนเอง
ต้องเป็ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็แน่ มารดาของแม่ทัพหลวง ‘ฉู่ชิง’!
แม้ชาติก่อนนางจะไม่เคยเห็นฮูหยินท่านแม่ทัพมาก่อน ทว่านางเองก็เคยได้ยินเื่นี้
เล่าลือกันว่าชาติกำเนิดของฮูหยินท่านแม่ทัพนั้นต่ำต้อย ทว่านางกลับได้รับความรักอย่างลึกซึ้งจากท่านแม่ทัพฉู่เพ่ย เพราะไม่ชอบการเป็ที่สนใจหรือเป็ที่รู้จัก นางจึงมักทำตัวนิ่งสงบเรียบง่าย ในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยววันนั้น นางเคยพบฮูหยินผู้นี้ครั้งหนึ่ง นางเป็ดั่งคำเล่าลือพวกนั้นจริง ไม่ชักช้า ทั้งยังชัดเจนตรงประเด็น สำรวมสงบนิ่ง
ฉู่ชิงมาทายาเปลี่ยนผ้าพันแผลที่นี่ เพื่อไม่ให้ฮูหยินท่านแม่ทัพรู้และจะได้ไม่เป็กังวลงั้นหรือ?
แท้ที่จริงแล้วเขาช่างเป็บุรุษที่เอาใจใส่ พวกเขาสองคนน่าจะแม่ลูกที่ผูกพันรักใคร่กลมเกลียวกันมาก...
เหนียนยวี่นึกถึงเื่ราวในชาติก่อน หลังจากรู้ข่าวการเสียชีวิตของฉู่ชิง ได้ยินว่าฮูหยินท่านแม่ทัพร้องไห้คร่ำครวญเป็สายน้ำทุกวันจนล้มหมอนนอนเสื่อ ไม่นานหลังจากนั้นจึงได้จากโลกนี้ไป
การลอบโจมตีครานั้น...
เหนียนยวี่เหลือบสายตามองฉู่ชิง พยายามสลัดความคิดในใจตัวเองออก และกลับมาจดจ่อพันแผลให้ฉู่ชิงต่อ
บรรยากาศในห้องสงบเงียบไปครู่หนึ่ง ครั้นพันแผลเสร็จแล้ว เหนียนยวี่จึงจัดการสวมเสื้อผ้าให้เขา คิดอยากปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของชายผู้นั้น
ทว่ามิมีผู้ใดคาดว่า ยามที่นางหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ฉับพลันนั้นมีซองจดหมายฉบับหนึ่งร่วงลงมาจากเสื้อ เหนียนยวี่ก้มลงไปเก็บโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว ในตอนนี้บุรุษที่เดิมทีควรนั่งอยู่บนตั่ง กลับเร่งรีบรุดก้าวเข้ามาก้มตัวลงไปพร้อมนาง มือของทั้งสองเวลานี้ต่างยื่นออกมาหยิบจดหมายนั้นพร้อมกัน
คนหนึ่งดูเร่งรีบเกินไป ในขณะที่อีกคนประหลาดใจกับความเร่งรีบเข้ามาของอีกฝ่าย ชั่วขณะที่พวกเขาก้มตัวลงไป ศีรษะทั้งสองชนกัน เหนียนยวี่เสียการทรงตัวอยู่ครู่หนึ่งและล้มหงายหลังลงไป เมื่อเห็นว่านางกำลังจะลื่นล้มลงไปกับพื้น แขนยาวข้างหนึ่งของเขารีบยื่นออกไปโอบรัดเอวนาง ครู่ถัดไปเหนียนยวี่นอนลงไปกับพื้น ทว่าใต้ร่างกลับมิใช่พื้นดินอันเย็นเยียบ...
มีเสียงพ่นลมหายใจอยู่ใต้ร่างนาง ััได้ถึงไออุ่นของร่างกายมนุษย์ที่แผ่เข้ามา เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว แทบจะยันตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างตื่นใ
“ท่าน...ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” แม้เหนียนยวี่จะไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขา ทว่านางได้ยินเสียงพ่นลมหายใจและความอึดอัดของฉู่ชิง าแบนตัวเขา นางเข้าใจอย่างดี วันนั้นเขาถูกดาบแทงเข้าไปลึกมาก หากเปลี่ยนเป็คนธรรมดาทั่วไปแล้ว เกรงว่า่เวลานี้คงยังนอนซมอยู่บนเตียง ทว่าท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว รู้ว่าตัวเองาเ็ถึงเพียงนี้ เมื่อครู่นี้ยังเข้ามาปกป้องนางอีก!
ฉู่ชิงโบกสะบัดมือ ร่างกายของเขาทิ้งตัวลงนอนบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง “ขอข้านอนพักสักครู่เถิด”
เหนียนยวี่มิได้เอ่ยอะไร จ้องมองชายหนุ่มที่นอนทิ้งตัวอยู่บนพื้น ร่างกายอันงดงามปรากฏตรงหน้านาง ครั้นเปลี่ยนมุมมอง ท่าทีนั้นยิ่งดูงดงามอ่อนโยน
เหนียนยวี่นึกภาพใบหน้าอันงดงามเป็เอกลักษณ์ที่ซึ่งหลบซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากใบนั้น เห็นได้ชัดว่าฉู่ชิงผู้นี้เป็มารร้าย ทว่ากลับเปี่ยมคุณธรรม!
หากวันหนึ่งหน้ากากใบนี้ถูกเปิดออก วันนั้นก็คือวันที่ความลับภายใต้หน้ากากใบนี้ถูกเปิดเผย
ในชาติก่อน ฉู่ชิงมิเคยเปิดเผยใบหน้าใต้หน้ากากจนกระทั่งเขาสิ้นลมหายใจ เกรงว่าความลับนั่นก็คงยังมิถูกเปิดเผยและตายตกตามเขาไป
“ทำไม? เ้าพอใจในร่างกายของข้าหรือ?” ความเ็ปของฉู่ชิงดูเหมือนจะบรรเทาลง ฉู่ชิงยกมือขึ้นมารองศีรษะและจ้องมองเหนียนยวี่ นึกถึงใบหน้าแดงก่ำของเหนียนยวี่ในวันนั้นที่สวนร้อยสัตว์ รวมถึงความจดจ่อของนางที่มองมาที่ตัวเอง แม้แต่เขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองเอ่ยคำพูดวาจากำกวมออกไปเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
เหนียนยวี่ตะลึงงันไปเล็กน้อย รู้สึกใที่ตัวเองกำลังจ้องมองร่างกายของเขา ดวงตานางพลันลุกวาว เหนียนยวี่ถลึงตาใส่เขาอย่างอดไม่ได้ ท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้เป็คนช่างหยอกเย้าไปั้แ่เมื่อใด?
เหนียนยวี่เบนสายตา พลันเห็นซองจดหมายตกอยู่ข้างกายเขาพอดี เหนียนยวี่หยิบมันขึ้นมา นางขมวดคิ้วเมื่อเห็นข้อความที่เขียนบนนั้น
ทางด้านบุรุษที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น ยามนี้ไร้ซึ่งความรีบร้อนฉุกละหุกเช่นที่มีก่อนหน้านี้ ทั้งตัวของเขาราวกับแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ลายมือในจดหมายฉบับนั้น เหนียนยวี่ไม่ค่อยแน่ใจนัก วันนั้น นางส่งข่าวเื่รังรักแสนสุขของฉินอัน คุณชายจวนเ้าเมืองชุ่นเทียนนั่นให้เขา และเขาก็เขียนลอกเื่รังรักนั่นตามที่นางหวัง แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ผ่านมาหลายวันแล้ว จดหมายนี้...เขายังเก็บไว้กับตัว!
คนฉลาดเฉลียวเช่นเขาจะรู้หรือไม่ว่านางเป็คนเขียนจดหมายฉบับนี้?
เมื่อนึกถึงท่าทีของฉู่ชิงเมื่อครู่นี้ เหนียนยวี่เดาว่าเขาน่าจะรู้
เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่ชิง "ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็ข้า?"
นางคิดว่านางทำเป็ไม่รู้ไม่สนใจได้แล้ว ทว่ามิรู้เลยว่าฉู่ชิงผู้นี้จะ...