“เต๋อเฟย เรือนหลินหลางส่งข่าวมาว่าถงซิ่วหนี่ว์เสียชีวิตแล้วเ้าค่ะ!”
นางกำนัลคล้ายจะเป็คนขี้กลัว นางตัวสั่นสะท้าน เพราะกลัวว่าหากตนเองพูดผิดไปจะทำให้นายหญิงท่านไม่พอใจ
ทุกคนต่างรู้ว่าเมื่อวานฝ่าาบีบบังคับให้หมอหลวงช่วยให้สนมเหยียนฟื้นคืนสติกลับมา ว่ากันตามเหตุผล สถานะของถงซิ่วหนี่ว์กับสนมเหยียนมีความแตกต่างกัน ช่วยชีวิตไม่ได้นับเป็เื่ปกติ
ทว่าถงซิ่วหนี่ว์ผู้นี้...…ถงซิ่วหนี่ว์ผู้นี้นางมิได้ป่วยตาย หากแต่ตายด้วยพิษ!
“สาเหตุใด เอ่ยให้ชัดเจน” เต๋อเฟยเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง อย่างไรเสียวันนี้ก็เป็วันแรกที่นางรับ่มาดูแลตำหนักหลัง ไฉนจึงมีคนตายได้?
แม้กล่าวได้ว่าคำพูดของเต๋อเฟยผู้นี้มีความร้อนใจอยู่บ้าง ทว่านางกำนัลผู้นี้เป็คนขี้ขลาด มิหนำซ้ำยังเป็ครั้งแรกที่ได้คุยกับนายหญิงอย่างเต๋อเฟย ด้วยความที่ไม่รู้นิสัยใจคอแน่ชัดจึงไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดมากนัก
เต๋อเฟยลุกขึ้นขอตัวลาเตรียมจากไป
เหยียนอู๋อวี้รู้ว่าเื่นี้ส่วนใหญ่ไม่พ้นเกี่ยวข้องกับตนเอง คิดดูแล้วคงเป็ลูกไม้ใหม่ที่ฮวารั่วซีสร้างขึ้นมาเป็แน่ จึงร้องขอที่จะไปด้วย ตามเหตุผลแล้วสถานการณ์ปัจจุบันของเหยียนอู๋อวี้ไม่ควรไปสถานที่เช่นนี้ ทว่าเต๋อเฟยไม่แน่ใจในความคิดของเหยียนอู๋อวี้ จึงไม่กล้าตอบรับโดยง่ายนัก
ทว่าเหยียนอู๋อวี้ตัดสินใจไปแล้ว นางกล่าวอ้อนวอนเต๋อเฟยเสียงแ่ “พระสนม ถงซิ่วหนี่ว์รับโทษพร้อมหม่อมฉัน วันนี้เกิดเื่เช่นนี้กับนาง หม่อมฉันจึงอยากไปส่งนางสักครั้งเพคะ”
เต๋อเฟยคิดว่าสมเหตุสมผล อีกทั้งเห็นว่านางมีท่าทีจริงใจไม่เสแสร้งจึงพยักหน้าอนุญาต
เนื่องจากการตายที่ผิดปกติเกินไปจึงไม่มีผู้ใดแตะต้องศพของถงซวงเอ๋อร์ จากการที่หมอหลวงชันสูตรพลิกศพ พิษที่นางได้รับเป็พิษเดียวกันกับของเนี่ยเจิน เพียงแต่ปริมาณยาพิษกลับพบว่ามีปริมาณสูงกว่ามากนัก เหยียนอู๋อวี้ไม่เอ่ยคำใดั้แ่ต้นจนจบ
เนี่ยเจินไม่ใช่คนของฮวารั่วซี ดังนั้นฮวารั่วซีจึงสังหารเนี่ยเจินในทันที
ทั้งยังมีความเป็ไปได้ว่าผู้ที่สังหารเนี่ยเจินไม่ใช่ฮวารั่วซี ทว่าเป็ถงซวงเอ๋อร์
ถงซวงเอ๋อร์มีนิสัยบุ่มบ่าม อีกทั้งความจำไม่ดีนัก วันนั้นคำพูดของนางที่เอ่ยต่อหน้าฮวารั่วซีนั้นผิดปกติ ยามนี้นางได้ตายไปแล้ว เช่นนั้นเหตุและผลนั้นกระจ่างชัดยิ่งนัก
เพียงแต่เหตุใดจึงได้เกิดเื่ยามที่เต๋อเฟยอยู่ตำหนักเฟิ่งชัย?
หรือว่า...… “ป้าโฉ่ว แค่กแค่ก...…” จู่ๆ เหยียนอู๋อวี้พลันไอเสียงเบาอย่างรุนแรง ทำให้ใบหน้าที่เดิมทีไร้สีเืแดงก่ำขึ้นมาทันที
ป้าโฉ่วได้ยินนางเรียกจึงรีบเข้ามาถามด้วยสีหน้าตึงเครียด “นายหญิงเป็อันใดไป? ไม่สบายตรงไหนเ้าคะ?”
เวลานี้ในดวงตาของเหยียนอู๋อวี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เห็นได้ชัดว่ามองไม่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว
“ข้าเห็นถงซิ่วหนี่ว์ตายอย่างน่าเวทนาเช่นนี้ ในใจข้ารู้สึกเป็ทุกข์ยิ่งนัก” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยพลางไอเสียงเบาอีกสองครั้ง
เดิมทีเต๋อเฟยก็เป็ห่วงเหยียนอู๋อวี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นนางไออย่างรุนแรงจึงสั่งให้คนข้างกายตนเองส่งนางกลับไปทันที
เหยียนอู๋อวี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกขึ้นยืนกล่าวคำอำลา
ตลอดทางนางกำนัลไม่กี่คนส่งเหยียนอู๋อวี้ที่คล้ายจะไร้เรี่ยวแรงกลับไปยังตำหนัก และรีบร้อนจากไปทันทีโดยไม่กล้าอยู่ต่อ
จนกระทั่งแน่ใจว่าภายในตำหนักไร้ผู้คน แววตาของเหยียนอู๋อวี้พลันแจ่มใสขึ้นทันทีพร้อมกระซิบกับป้าโฉ่วว่า “ดูให้ทั่วว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่!”
ป้าโฉ่วเข้าใจในทันที นางไปตรวจดูทั่วตำหนักหนึ่งรอบโดยพลัน ท้ายที่สุดแววตานางก็หยุดอยู่ที่แจกันดอกไม้ข้างเตียง
ดอกโบตั๋นในแจกันใบนี้กำลังเบ่งบานอย่างงดงาม ราวกับไร้ซึ่งความผิดปกติใด ทว่าเพียงครู่เดียวเหยียนอู๋อวี้กลับมองออกถึงความผิดปกติ นางเป็คนจัดแจกันเองกับมือ ทว่ายามนี้ดอกโบตั๋นกำลังจมอยู่ท่ามกลางกิ่งและใบ เบียดเสียดกันเสียจนน่าสงสาร
ป้าโฉ่วตรวจสอบแจกันใบนั้นทันที ไม่นานก็พบว่าด้านในนั้นมีขวดกระเบื้องเล็กๆ อยู่ แต่ละใบมีเนื้อััและลวดลายไม่คล้ายของในตำหนักนาง
ป้าโฉ่วเปิดดูแจกันขนาดเล็กอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบว่า “คล้ายเป็ของจากเผ่าแม่มด พิษโลหิตผนึกลำคอ ปัจจุบันเผ่าแม่มดสูญสิ้นแล้ว ไม่รู้ว่าจะมียาถอนหรือไม่เ้าค่ะ”
“อุบายล่อเสือออกจากถ้ำ ยัดของแล้วโยนความผิดให้ผู้อื่น”
เหยียนอู๋อวี้หัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าวเสียงเบาว่า “ป้าโฉ่ว เ้าคงรู้วิธีเปลี่ยนของด้านในกระมัง!”
ป้าโฉ่วเข้าใจความหมายของนางทันที
สงบนิ่งรับทุกสถานการณ์! ผู้อื่น้าหาขวดกระเบื้องใบนี้ เช่นนั้นก็เติมเต็มความปรารถนาให้พวกเขาโดยการเก็บขวดกระเบื้องใบนี้ไว้เสียก็สิ้นเื่
ทว่าของข้างในใช้การไม่ได้แล้ว...…
เวลากลางวัน ซ่งอี้เฉินเลิกประชุมจากท้องพระโรง ทรงเดินไปได้ครึ่งทางก็เลี้ยวไปตำหนักเฟิ่งชัย เห็นไกลๆ ว่าเหยียนอู๋อวี้กำลังพิงตั่งนุ่มอ่านหนังสือนิยายด้วยสีหน้าโศกเศร้า
เขาเดินไปด้านหน้านาง ฝ่ามือใหญ่โอบนางไว้ในอ้อมแขน “ไฉนจึงอ่านหนังสือนิยายอีกแล้วเล่า? น้ำตาเอ่อคลอเต็มดวงตาแล้วเห็นหรือไม่?”
“ไม่ใช่เสียหน่อยเพคะ” เหยียนอู๋อวี้ตอบกลับเสียงออดอ้อน แสร้งทำเป็เอ่ยเสียงเศร้าสร้อย “ข้าเพียงเห็นบุรุษใจร้ายสังหารภรรยาคนแรกเพื่ออนาคตของตนเองเพคะ”
เมื่อครั้งยังเด็กนางมักคิดว่าหากสตรีทุ่มเทความรักให้บุรุษมากพอ บุรุษใจร้ายไม่มีทางมีอยู่จริง
ทว่าจวบจนบัดนี้นางจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ สิ่งที่เรียกว่าความรักนั้น ไม่ใช่ว่าผู้ใดทุ่มเทไปมากแล้วผู้นั้นจะได้รับตอบแทนกลับคืนมา
แม้ไม่พบอุปสรรค ทว่าผู้ใดเล่าจะรู้ว่าความไร้เดียงสาของตนเองนั้นน่ากลัวเพียงใด
ขณะที่เหยียนอู๋อวี้จงใจแสร้งเอ่ยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “มิอาจทอดทิ้งภรรยาผู้ร่วมทุกข์ ไฉนจึงยังมีคนสังหารภรรยาตนเองด้วยเล่า?”
ระหว่างที่เอ่ยวาจา นางพลันรับรู้ได้ว่ามือของซ่งอี้เฉินกระตุกอย่างไม่สามารถอธิบายได้
เขามองเหยียนอู๋อวี้เบื้องหน้าผู้นี้ด้วยแววตาลึกซึ้ง สายตาล้ำลึกพยายามมองทะลุเข้าไปในหัวใจของนาง
ทว่ายามที่เขาเห็นดวงตาสีดำขาวที่ตัดกันอย่างชัดเจนสดใสคู่นั้น เขากลับนิ่งเงียบไป
สตรีเบื้องหน้าไม่รู้ว่าเขาเองก็เป็บุรุษที่สังหารภรรยาผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยมือตนเอง!
“บางครั้งสิ่งที่เห็นด้วยตาอาจไม่ใช่ความจริง หากไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือก ผู้ใดจะเต็มใจทอดทิ้งภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันของตนเองเล่า?”
ซ่งอี้เฉินเอ่ยตอบอย่างมีความนัยแฝง หากเป็คนธรรมดาทั่วไปคงไม่อาจเข้าใจความนัยนั้น
เหยียนอู๋อวี้อดยิ้มเยาะดูถูกในใจไม่ได้
นางไม่คาดคิดว่าซ่งอี้เฉินจะไร้ทางเลือกถึงขั้นที่ต้องทำให้ตระกูลอวิ๋นของนางต้องถูกปะาทั้งตระกูล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้