ท่านาุโเหลียนร้อง “โอ๊ะ” ขึ้นมาในตอนนี้เอง นางชี้ไปที่ลูกแก้วคริสตัลแล้วะโเสียงดัง “ดูสิ! นางกำลังทำอะไร?”
คนทั้งหมดหันไปมองลูกแก้วคริสตัลพร้อมๆ กัน เห็นเพียงในลูกแก้วคริสตัล เฟิ่งเฉี่ยนที่เดิมทีฝ่าด่านเสาดอกเหมยสำเร็จแล้วพลันย้อนกลับมาบนเสาดอกเหมยอีกครั้ง!
นี่...
ท่านาุโเฉินและท่านาุโเหลียนที่เป็ผู้คุมสอบของหอดอกเหมยถึงกับงงงันอีกครั้ง นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาคุมสอบมาหลายครั้งพบว่ามีคนฝ่าด่านสำเร็จแล้วย้อนกลับไป!
หรือนางออกจากบ้านวันนี้ลืมนำเอาสติปัญญามาด้วย ไม่ก็สมองกลวง หาไม่แล้วบนโลกนี้ไฉนจึงมีคนฝ่าด่านสำเร็จแล้วย้อนกลับไปทางเดิมอีกเล่า
ท่านาุโกู่โมโหจนลุกขึ้นเต้น “เด็กคนนี้ เสียสติไปแล้ว! ฟั่นเฟือนไปแล้ว! นางรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
ณ หอดอกเหมย เมื่อเห็นเฟิ่งเฉี่ยนย้อนกลับมาบนเส้นทางเสาดอกเหมย ท่านหญิงชิงเสียถึงกับตื่นตะลึงเช่นกัน นางร้องะโใส่เฟิ่งเฉี่ยนด้วยความร้อนใจ “รีบกลับไป! ไปฝ่าด่านสุดท้าย! เ้ากลับมาทำอะไร?”
ท่านหญิงชิงเสียได้ยินเฟิ่งเฉี่ยนตอบกลับมาว่า “ข้าเป็คนไม่มีความสามารถอันใด ทว่ากฎของข้าคือมีบุญคุณต้องตอบแทนมีแค้นต้องชำระ ท่านหญิงเคยช่วยเหลือข้า บุญคุณนี้ข้าต้องตอบแทนแน่นอน!”
ท่านหญิงชิงเสียได้แต่ยิ้มฝาดเฝื่อน “ข้าก็แค่เพียงยกฝ่ามือเท่านั้น...”
เฟิ่งเฉี่ยนตอบกลับ “สำหรับท่านแล้วอาจเป็เพียงการยกฝ่ามือ แต่สำหรับข้ากลับเป็การส่งถ่านมาในยามหิมะตก! ท่านและข้าเดิมทีไม่รู้จักกัน ท่านไม่ช่วยข้าเป็สิทธิ์ของท่าน ท่านช่วยข้าเพราะมีน้ำใจไมตรี ข้าเฟิงเฉี่ยนไม่มีเงินและไม่มีอำนาจ มีเพียงเืลมพลุ่งพล่าน ทำในเื่ที่ข้าพอจะทำได้เท่านั้น”
ระหว่างที่พูด นางเดินกลับมาถึงหนึ่งในสามส่วนของเสาดอกเหมยแล้ว
กระบอกตาของท่านหญิงชิงเสียแสบร้อนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ในใจรู้สึกตื้นตัน เมื่อหันไปมองโจวเซี่ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อสักครู่นางเพิ่งจะมอบยาสมานแผลให้เขาขวดหนึ่ง ถือว่าเป็น้ำใจเล็กน้อย อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขอบคุณซ้ำยังลอบยิงธนูทำร้ายคนอื่น ลอบกัดนาง
แล้วเฟิ่งเฉี่ยนเล่า? วันนั้นเพียงแค่ช่วยเหลือนางเล็กน้อย นางก็จดจำมาจนถึงวันนี้ ซ้ำยังไม่เสียดายที่จะละทิ้งชัยชนะที่ได้ไป ย้อนกลับมาช่วยเหลือนาง
เมื่อเปรียบเทียบคนทั้งสองแล้ว น้ำใจของมนุษย์ด้วยกันแท้ๆ แต่กลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
หันมาดูโจวเซี่ยน ดวงตาของเขาทอประกายเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง ความหวังราวกับถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง!
เดิมทีเขาเข้าใจว่าเฟิ่งเฉี่ยนฝ่าค่ายกลธนูของเสาดอกเหมยได้แล้วจะตรงขึ้นไปชั้นสามทันที นางย่อมแย่งชิงดอกเหมยสีทองท่ามกลางสถานการณ์ที่ไร้คู่ต่อสู้ เวลานั้นเขาถึงกับสิ้นหวังอย่างแท้จริง!
ความรู้สึกสิ้นหวังเพิ่งจะบังเกิด พลันเห็นเฟิ่งเฉี่ยนย้อนกลับมาตามทางเดิมของเสาดอกเหมย เขารู้สึกยินดีอย่างที่สุด
เยี่ยม โอกาสของเขากลับมาอีกครั้ง!
เขาถูมือทั้งสองข้างไปมาด้วยท่าทีโง่เขลา
ไม่นานนัก เฟิ่งเฉี่ยนย้อนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นของเสาดอกเหมย นางก้าวเข้ามาหาท่านหญิงพร้อมกับพูดว่า “ท่านหญิง ข้ารู้เคล็ดลับของค่ายกลธนูในเสาดอกเหมยแล้ว...”
ท่านหญิงชิงเสียเห็นเช่นนั้นจึงรีบตัดบท “ห้ามพูดนะ!”
นางใช้สายตาส่งสัญญาณโดยมองไปทางโจวเซี่ยน นางเป็ห่วงว่าหากอีกฝ่ายได้ยินเคล็ดลับจะไม่ส่งผลดีต่อพวกนาง แต่เฟิ่งเฉี่ยนดูเหมือนจะไม่ได้รับรู้เจตนาของนาง ยังคงพูดต่อไปอีกว่า “ที่จริงแล้วค่ายกลธนูนี้ออกแบบด้วยการใช้เสียง! ข้าจำได้ว่ากองทัพของเรามีบทเพลงที่มีชื่อเสียงอยู่บทเพลงหนึ่ง ค่ายกลธนูนี้ได้ออกแบบตามเสียงกลองของบทเพลงนี้! หากไม่เชื่อ ท่านลองดูก็ได้ ข้ารับรองว่าครั้งนี้ท่านจะต้องฝ่าด่านสำเร็จแน่นอน!”
ท่านหญิงชิงเสียได้ยินแล้วถึงกับตะลึงงัน “บทเพลงจัดทัพ?”
เฟิ่งเฉี่ยนหันมาลอบขยิบตาใส่นาง ท่านหญิงชิงเสียยังไม่ทันได้กระจ่างแจ้งอันใดก็เห็นโจวเซี่ยนเหินกายออกไปบนเสาดอกเหมยแล้ว เขาแย่งชิงฝ่าด่านก่อนใคร ท่านหญิงชิงเสียจึงเข้าใจทันใด
“ที่เ้าท่านเช่นนี้ จะร้ายกาจเกินไปหรือไม่?”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้ว “เทียบกับการลอบยิงธนูใส่ผู้อื่น การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของข้าไม่คู่ควรจะกล่าวถึงด้วยซ้ำ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงของโจวเซี่ยนที่ร้องโหยหวนด้วยความเ็ปดังขึ้นจากด้านหน้า เห็นเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงหนึ่งในสี่ส่วนของเสาดอกเหมย บนร่างกายเต็มไปด้วยธนูนับไม่ถ้วน ยากที่จะก้าวเดินต่อไป ผลงานครั้งนี้ทำได้แย่กว่าการฝ่าด่านครั้งแรกเสียอีก เขาได้แต่ย้อนกลับมาอย่างจนปัญญา
บนหัวไหล่ของเขาทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีธนูปักอยู่สองดอก แผ่นหลังยังมีอีกดอกหนึ่ง บนขาขวามีดอกหนึ่งเช่นกัน เขาเกือบจะถูกธนูยิงจนกลายเป็เม่น
เืสดๆ ไหลออกมาจนกลายเป็ภาพน่าอนาถ
เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียเห็นเช่นนั้นจึงสบตากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน
เ้าคนหัวทึ่มคนนี้ หลงกลจริงๆ!
ครานี้ แค้นจากธนูดอกนั้นได้รับการชำระแล้ว
“ไป พวกเราไปฝ่าด่านด้วยกัน!”
สตรีสองนางหัวเราะพร้อมกันก่อนจะจับมือและะโขึ้นไปบนเสาดอกเหมยเริ่มฝ่าด่าน
โจวเซี่ยนโมโหแทบคลั่ง เขาด่าทอคนทั้งสอง “พวกเ้ากล้าหลอกข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสังหารพวกเ้าให้ตาย!”
ความเ็ปตามร่างกาย ผนวกกับความอับอายที่ได้รับ ทำให้เขาไม่อาจควบคุมสติได้อีกต่อไป เขาดึงธนูบนร่างกายออกมาแล้วเล็งไปที่คนทั้งสอง!
เรือนจินเฟิง ท่านาุโกู่เห็นภาพนี้ได้แต่ส่ายหน้า น้ำเสียงเ็านั้นถากถาง “พฤติกรรมและคุณธรรมเช่นนี้ คู่ควรมาเป็อาจารย์ของสำนักศึกษา?”
ท่านาุโเฉินหน้าแดงก่ำ เขาอับอายจนกลายเป็โทสะ “เ้าสิ่งของไม่เอาไหนนี้! หน้าของข้าถูกเขาทำให้อับอายจนไม่เหลือแล้ว!”
ท่านาุโเหลียนกลับสนใจเื่อื่น “พวกท่านว่า ระหว่างพวกนางทั้งสองคน ใครจะได้รับดอกเหมยสีทอง?”
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนเงียบงัน
ใช่แล้ว ใครจะได้รับดอกเหมยสีทอง? ในเมื่อดอกเหมยสีทองมีเพียงดอกเดียว!
รองอาจารย์ใหญ่เอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม “การสอบที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มขึ้นตอนนี้...”
ด้านนอกหอดอกเหมย หลันเยว่หรูและฉินมู่ชวนรออยู่นาน ไม่เห็นเฟิ่งเฉี่ยนถูกขับไล่ออกมา จึงได้แต่หงุดหงิดใจ
“นานเช่นนี้แล้ว ยังไม่ออกมาอีก คงไม่ได้เกิดเื่ไม่คาดฝันอันใดกระมัง?” ฉินมู่ชวนเป็กังวล
“เป็ไปไม่ได้! ได้ยินว่าวันนี้ท่านาุโฉินเข้าไปดูการสอบในหอดอกเหมยด้วย ท่านาุโฉินเป็อาจารย์ของท่าน ท่านควรจะรู้นิสัยของเขาดีกว่าข้า เขาจะยอมรับคนทำผิดกฎได้อย่างไรกัน?” หลันเยว่หรูมั่นใจเต็มเปี่ยม
“รออีกประเดี๋ยวเถิด เฟิงเฉี่ยนจะต้องถูกขับไล่ออกมาแน่นอน!” หลันเยว่หรูพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
ด้านในหอดอกเหมย เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียฝ่าด่านค่ายกลธนูของเสาดอกเหมย ปีนขึ้นไปตามบันไดเชือกมาถึงชั้นสามของหอ
เดิมทีคิดว่ารอให้พวกนางมาถึงด่านสุดท้ายก็จะพบอันตรายที่มากยิ่งขึ้น แต่ความจริงกลับตรงข้าม ชั้นสามของหอกลับเงียบสงบ และไม่มีเงาของดาบหรือกระบี่ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีกระทั่งกลไกหรือกับดัก ห้องอันกว้างใหญ่นั้นว่างเปล่า มีเพียงเสาหินต้นเดียวที่ทำด้วยวัตถุดิบชนิดพิเศษ ตั้งอยู่ตรงกลางของห้อง
เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียสบตากันปราดหนึ่ง
“นี่คืออะไร?” เฟิ่งเฉี่ยนเดินรอบเสาหินต้นนั้นพร้อมกับมองด้วยสายตาประเมิน
“นี่คือเสาทดสอบวรยุทธ์! ผู้ทดสอบต้องใช้พละกำลังทั้งหมดโจมตีเสาต้นนี้ เสาตนนี้ก็จะปรากฏให้เห็นวรยุทธ์ที่แท้จริงของผู้ทดสอบ” ท่านหญิงชิงเสียพลันคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หรือด่านนี้้าจะ...”
“้าอะไร?” เฟิ่งเฉี่ยนถาม
คำพูดของนางเพิ่งจะสิ้นเสียง เสียงที่สามพลันดังขึ้นมาในห้องนี้ “ยินดีกับพวกเ้า ที่ฝ่าด่านมาถึงการสอบด่านสุดท้ายอย่างราบรื่น...”
เฟิ่งเฉี่ยนมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ ทว่ากลับไม่พบเงาร่างของใคร
ท่านหญิงชิงเสียทักท้วงเสียงเบา “ไม่ต้องมองหาแล้ว คนที่พูดไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เขาน่าจะใช้พลังเทพที่มีอยู่เต็มเปี่ยมนั้นส่งเสียงผ่านดวงตาพันลี้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้