แผลเป็บนร่างกายของอวิ๋นโส่วจู่หายดีแล้ว ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครทำงาน เขาอยากจะนอนตื่นสายก็ไม่ได้ ถูกผู้เฒ่าอวิ๋นปลุกให้ตื่นแต่เช้าตรู่ แล้วพาลงไปทำงานในไร่ด้วยกัน
ผู้เฒ่าอวิ๋นอายุหกสิบกว่าปีแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงแข็งแรงดี เพียงแต่ที่บ้านไม่ได้เลี้ยงวัว ผู้เฒ่าอวิ๋นจึงไปขอยืมวัวจากอวิ๋นโส่วจง การไถนาด้วยวัวไม่เพียงแต่รวดเร็ว ทั้งยังช่วยประหยัดแรงอีกด้วย เนื่องจากผู้เฒ่าอวิ๋นเป็บิดาของอวิ๋นโส่วจง บิดาลงไปทำงานในไร่ บุตรชายจะไม่ให้ยืมวัวก็กระไรอยู่
เนื่องจากที่บ้านต้องส่งเสียให้อวิ๋นโส่วหลี่เรียนหนังสือ ผู้เฒ่าอวิ๋นจึงคำนวณอย่างรอบคอบ แล้วให้คนอื่นเช่าที่ดินไปสิบหมู่ ส่วนตนเองเก็บไว้ทำกินสิบหมู่ เช่นนี้แล้วอย่างน้อยก็มีผลผลิตจากที่ดินสิบหมู่เป็ของตนเองทั้งหมด
่เช้าไม่นานนัก พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น อวิ๋นโส่วจู่ก็เริ่มบ่น “ท่านพ่อ ข้าว่าท่านก็จริงๆ เลยเชียว อายุมากขนาดนี้แล้วก็ยังจะลงมาทำงานในไร่ ข้าว่านะพวกเราน่าจะให้คนอื่นเช่าที่ดินไปทั้งหมด แล้วเก็บค่าเช่าก็พอแล้ว เหตุใดท่านต้องทนลำบากด้วยเล่า?”
ทำให้ตัวเขาเองก็ต้องลำบากไปด้วย ทั้งหมดเป็เพราะพี่รอง หากไม่ใช่เพราะพี่รอง ตอนนี้คนที่ทำงานในไร่ก็คงเป็พี่ใหญ่กับพี่สามแล้ว
ตอนที่อวิ๋นโส่วจู่คิดคำนวณเงินทอง ก็รู้สึกโชคดีที่แยกบ้านกันแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเงินเลี้ยงดูคนอื่น มีเงินทองและที่ดินเพิ่มขึ้น แต่พอถึงเวลาทำงาน เขาก็เริ่มบ่นว่าที่บ้านไม่มีคนทำงานแล้ว
ผู้เฒ่าอวิ๋นถลึงตาใส่เขา ดุด่าว่า “ดูเ้าสิ ี้เีเหลือเกิน เ้าไม่ได้เป็ห่วงว่ากระดูกแก่ๆ ของข้าจะทำงานไม่ไหวหรอก แต่เ้าไม่อยากทำงานเองมากกว่ากระมัง?”
อวิ๋นโส่วจู่รีบยิ้มแห้งๆ แล้วตอบ “ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรน่ะ ก็ท่านอายุมากแล้วข้าเป็ห่วงจริงๆ นะ หรือไม่พวกเราไปขอให้พี่ใหญ่มาช่วยทำงานหน่อยดีไหม? ท่านดูสิ ต้นกล้าของบ้านอื่นเขาเริ่มปักดำกันแล้ว แต่บ้านเรายังไม่มีวี่แววเลย!”
“พี่ใหญ่ของเ้าว่างหรือไง? บ้านพี่ใหญ่ของเ้าเช่าที่ดินของเ้ารองมาทำกินตั้งยี่สิบหมู่ แถมยังต้องช่วยเ้ารองดูแลเื่ต่างๆ ในไร่ เขาจะมีเวลาที่ไหนมาช่วยพวกเราทำงาน?”
“บ้านคนอื่นเขาทำที่ดินยี่สิบหมู่ยังทำไหว บ้านเราแค่สิบหมู่ทำไม่ไหวหรือไง? เ้าอย่าเอาแต่นั่งบ่นไร้สาระ ไม่สู้รีบทำงานให้เสร็จๆ ไปเถอะ! เ้าก็รู้ว่าบ้านเรายังไม่ได้ปักดำต้นกล้า หากเ้ายังี้เีเช่นนี้อีก พอถึงเวลาที่ดินไม่มีผลผลิต เ้าก็รออดตายเถอะ!”
อวิ๋นโส่วจู่ยิ้มแหยๆ “ข้าจะอดตายได้อย่างไร? พี่รองมีเงินตั้งเยอะ ซื้อที่ดินไปตั้งมากมายจนกลายเป็เศรษฐีที่ดินไปแล้ว เขาจะทนเห็นพ่อตัวเองอดตายได้ลงคอหรือ?”
“ไม่กลัวคนอื่นนินทาว่าอกตัญญูหรือ? วางใจเถอะท่านพ่อ หากถึงเวลานั้น พี่รองต้องเลี้ยงดูท่านแน่ ถึงตอนนั้นข้าก็จะได้พึ่งพาท่าน อย่างน้อยๆ ก็คงไม่ต้องอดตาย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เฒ่าอวิ๋นก็โกรธจนตัวสั่น เขายกแส้ในมือขึ้นหมายจะฟาดอวิ๋นโส่วจู่ “ข้าจะตีเ้าให้ตายไอ้ลูกไม่รักดี! ข้าจะตีเ้าไอ้ตัวี้เี!”
อวิ๋นโส่วจู่ใ รีบยกมือขึ้นป้องหัวแล้ววิ่งไปหลบที่คันนา ผู้เฒ่าอวิ๋นกำลังจะวิ่งไล่ตี ก็เห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามา จึงยอมหยุด คนผู้นั้นสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีเทา รองเท้าพื้นหนาสะอาดสะอ้าน สะพายย่ามผ้า บนย่ามผ้ามีตัวอักษรคำว่า ‘ยา’ ตัวใหญ่ หากอวิ๋นเจียวอยู่ที่นี่ ต้องจำได้แน่ว่าคนผู้นี้ก็คือผู้ดูแลจางของร้านจี้เหรินถัง!
“ท่านตา ที่บ้านมีสมุนไพรขายหรือไม่ขอรับ?” ผู้เฒ่าอวิ๋นยังไม่ทันได้เอ่ยปาก อวิ๋นโส่วจู่ก็ตาเป็ประกาย รีบพูดขึ้น “มี แน่นอนว่ามี! ไป ข้าพาท่านไปเอาที่บ้าน”
ในฐานะพ่อ เขาย่อมรู้ดีว่าบุตรชายของตนเป็คนเช่นไร จึงรีบดุว่า “บ้านเราจะมีสมุนไพรจากที่ไหนกันล่ะ อย่าเอาแต่ี้เีจนทำให้เขาต้องเสียการเสียงาน!”
อวิ๋นโส่วจู่โต้แย้ง “ท่านพ่อ ท่านไม่รู้หรอก คราวก่อนข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะขายได้ราคาหรือไม่”
กล่าวจบเขาก็วิ่งนำหน้าไป ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนตาแทบถลน จู่ๆ เขาก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมา บุตรชายที่เกียจคร้านเช่นนี้ หากเขาตายจากโลกนี้ไปแล้ว จะทำอย่างไรดี...
อวิ๋นโส่วจู่พาผู้ดูแลจางเดินมาเกือบถึงบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า ก็ตบหน้าผากตัวเองเบาๆ แล้วหันไปพูดขอโทษกับผู้ดูแลจางด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขออภัย ข้าจำผิดแล้ว ที่บ้านไม่มีสมุนไพร ขอโทษด้วย!”
เขาแค่หาเื่ออกมาเพื่อแอบอู้งานเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะพาเขาไปเอาสมุนไพรที่บ้านจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นที่บ้านก็ไม่มีสมุนไพรให้เอาด้วย!
ผู้ดูแลจางมองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ก็หยิบก้อนเงินออกมาจากแขนเสื้อแล้วโบกไปมาตรงหน้าให้อวิ๋นโส่วจู่ดู อวิ๋นโส่วจู่ตาลุกวาวด้วยความโลภ “ท่านดูเถิด ต่อให้ท่านมีเงิน แต่ข้าก็ไม่มีสมุนไพรจริงๆ นะ!”
ผู้ดูแลจางเอ่ยขึ้น “ไม่เป็ไร หาที่ลับตาคนสักหน่อย ข้ามีเื่อยากจะถาม หากเ้าตอบคำถามข้าได้ เงินก้อนนี้ก็เป็ของเ้า!”
กล่าวจบผู้ดูแลจางก็เก็บก้อนเงินเข้าไปในแขนเสื้อ อวิ๋นโส่วจู่ได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น เขากลืนน้ำลายลงคอ เอ่ยกับผู้ดูแลจาง “ได้ เชิญท่านตามข้ามา!”
โอ้โห ก้อนเงินก้อนนั้นดูแล้วอย่างน้อยๆ ก็หนักห้าตำลึง แค่ตอบคำถามก็ได้เงินแล้ว ช่างเป็โชคลาภหล่นมาจากฟ้าจริงๆ
อวิ๋นโส่วจู่รีบพาผู้ดูแลจางไปยังป่าไผ่เล็กๆ ไม่ไกลจากบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า ผู้ดูแลจางเห็นว่าที่นี่เงียบสงบ มองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น จึงเอ่ยถามขึ้นตรงๆ “เ้าคืออวิ๋นโส่วจู่ใช่หรือไม่?”
อวิ๋นโส่วจู่ผงะไป คนตรงหน้ารู้จักเขาได้อย่างไร? เขาชี้ไปที่จมูกตัวเอง แล้วเอ่ยถาม “ท่าน... รู้จักข้าหรือ?”
ผู้ดูแลจางยิ้มๆ “ข้ารู้ชื่อเ้า แต่ไม่เคยพบหน้าเ้ามาก่อน”
อวิ๋นโส่วจู่เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ “ท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือ?”
ผู้ดูแลจางตอบ “ไม่มีธุระอันใดข้าคงไม่มาที่นี่หรอก! ข้ามีเื่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเ้า”
อวิ๋นโส่วจู่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น เขาไม่เคยพบคนผู้นี้มาก่อน คนผู้นี้มาหาเขาเพื่อเื่อะไรกันแน่?
ผู้ดูแลจางไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ก็พูดขึ้นตรงๆ “เ้าเคยแจ้งความว่าอวิ๋นโส่วจงเป็ทาสที่หลบหนีใช่หรือไม่?”
อวิ๋นโส่วจู่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป เขายังไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของอีกฝ่าย จึงพูดกลบเกลื่อน “ไม่มีเื่เช่นนั้น เป็เื่เข้าใจผิด ท่านบอกข้ามาเถิด ใครเป็คนพูดจาเหลวไหล ข้าจะไปดึงลิ้นมันออกมา!”
ผู้ดูแลจางยิ้มเยาะ ดวงตาที่เฉียบแหลมจ้องมองจนอวิ๋นโส่วจู่รู้สึกหวาดกลัว
เขาเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “วันนั้นเ้าหน้าที่สองคนที่ไปจับตัวอวิ๋นโส่วจงเป็พี่น้องของข้า เพราะเื่นี้พวกเขาจึงถูกท่านนายอำเภอตำหนิ ในใจรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ตอนนี้ข้าอยากจะขอให้เ้าช่วยเหลือพวกเขา หาข้ออ้างให้พวกเขามีเหตุผลที่จะจับตัวอวิ๋นโส่วจงเข้าคุก!”
อวิ๋นโส่วจู่เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็มาเพราะเื่นี้เองหรือ? หากคนในศาลาว่าการตั้งใจจะใส่ร้ายอวิ๋นโส่วจง แค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำได้แล้ว เื่นี้นับว่าเป็เื่ดีจริงๆ!
หากอวิ๋นโส่วจงถูกจับเข้าคุก ตายในคุกได้ยิ่งดี เช่นนั้นทรัพย์สินของบ้านพวกเขา ตามหลักแล้วท่านพ่อก็น่าจะได้ส่วนแบ่ง หากใช้วิธีการสักหน่อย ก็อาจจะได้มาทั้งหมดเลยก็ได้
หลังจากที่ผู้ดูแลจางพูดจบ เขาก็เริ่มลังเล แต่ก็ยังไม่ตอบตกลงทันที เขากลอกตาไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านพูดอะไรน่ะ อวิ๋นโส่วจงเป็พี่รองของข้า ข้าจะทำร้ายเขาได้อย่างไรเล่า? คราวก่อนเป็เื่เข้าใจผิด!”
ผู้ดูแลจางมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก หยิบก้อนเงินออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เขา อวิ๋นโส่วจู่รีบรับมา แถมยังเอาเข้าปากกัดดูอีกด้วย
“คราวก่อนที่ข้าแจ้งความจับพี่รอง ถูกท่านพ่อตีเสียจนเกือบพิการ!” เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้ดูแลจางก็ยื่นก้อนเงินให้เขาอีกก้อน