ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็วงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังิญญาให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังิญญาเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้น
สำหรับราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้
บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!
ตู้ม!
สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็ดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรง้าเห็นเป็เกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื้นปรากฏเป็แท่งน้ำแข็งใสกระจ่างน้อยใหญ่ผุดขึ้นดั่งผลึกน้ำงามที่ส่องประกายหยอกล้อกับแสงแดด แม้ไม่ได้ััก็รับรู้ได้ถึงความแหลมคมที่เปี่ยมไปด้วยอันตรายของมันไม่น้อย
หนิงอ้ายปรับเปลี่ยนบทเวทย์นี้ให้เป็ระดับเทวะโดยอ้างอิงจากปราณธาตุน้ำที่เป็หนึ่งในปราณธาตุหลัก แม้ว่าเขาจะเป็ผู้ฝึกตนที่สามารถใช้ปราณธาตุได้มากกว่าหนึ่งก็จริง แต่สำหรับปราณสุริยะธาตุนั้นเขา้าเก็บไว้เป็ไพ่ลับมากกว่ายิ่งท่านแม่บอกว่าปราณสุริยะธาตุนั้นเป็ปราณธาตุหายากที่ไม่ปรากฏมานานแล้ว หากเขาเปิดเผยความสามารถนี้ไปไม่แคล้วว่าจะต้องถูกดึงตัว เกิดการแย่งชิงจากสำนักน้อยใหญ่หรือบางทีอาจจะถูกตามล่าเพื่อนำเืของเขาไปทำส่วนผสมของโอสถระดับสูงก็เป็ไปได้ เพราะมีความเชื่อที่ว่าเพียงแค่เืหนึ่งหยดของผู้ฝึกตนปราณสุริยะธาตุธาตุต้นกำเนิดสามารถนำมาเป็ส่วนผสมในโอสถสำหรับฟื้นคืนชีวิตของผู้คนได้
หนิงอ้ายตั้งใจว่าหากเมื่อใดที่เขาสามารถเป็ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ สักวันเขาคงจะเปิดเผยความสามารถของปราณสุริยะธาตุอย่างแน่นอน เพราะจะให้หนีปัญหาไปตลอดเช่นนี้ไม่กล้าเผชิญหน้าย่อมไม่ใช่ตัวเขาอยู่แล้ว
''เหตุใดวันนี้เ้าจึงซ้อมเพียงไม่นานเล่า?''
''ท่านเยว่ซินให้มาตามคุณชาย เห็นว่ามีเื่จะคุยด้วยขอรับ...'' ลู่ซีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนต้องทำอะไรจึงเอ่ยแจ้งเด็กหนุ่มในทันที
''เช่นนั้นวันนี้ฝึกซ้อมพอเเค่นี้เเล้วกัน...'' หนิงอ้ายตอบกลับพร้อมกับเดินนำอีกฝ่ายออกไปยังเรือนของตน
ใช้เวลาเพียงไม่กี่เค่อหนิงอ้ายกับลู่ซีก็มาถึงเรือนหลังนี้ โดยบ่าวรับใช้ที่ยืนรออยู่ได้กล่าวว่าฮูหยินเอกได้รออยู่ในห้องโถงรับรองเเล้ว หนิงอ้ายพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในทันที
''มาแล้วอย่างนั้นรึ...มานั่งตรงนี้เถิดมารดามีเื่จะคุยด้วยกับเ้า'' เยว่ซินเอ่ยออกมาพร้อมกับจับเเขนเด็กหนุ่มให้นั่งลงที่ข้างตนเองทันที
''ว่าท่านเเม่มีเื่ใดจะพูดคุยกับข้าหรือขอรับ?''
''มารดามีเื่ที่ต้องบอกให้เ้ารับรู้ ในตอนนี้มารดากับบิดาของเ้าได้ทำการหย่าขาดกันเเล้ว วันรุ่งขึ้นเราจะกลับไปยังตระกูลหวังที่แคว้นเต่าดำ หนิงเอ๋อร์เ้าคิดเห็นเป็อย่างไร?'' เยว่ซินเอ่ยออกมาพร้อมกับสังเกตท่าทีของเด็กหนุ่ม ด้วยเพราะกลัวว่าการตัดสินใจของนางจะทำให้บุตรชายต้องเสียใจ
เเต่มีหรือที่หนิงอ้ายจะไม่รับรู้ความหมายของสายตาที่มารดาของตนมองมา ''ท่านแม่อย่าได้เป็กังวลขอรับ อย่างไรแล้วข้าล้วนเชื่อฟังและเคารพการตัดสินใจของท่านในทุกเื่ขอรับ…''
''...''
''หากเ้าไม่ติดขัดในเื่ใดเช่นนั้นอย่าลืมให้ลู่ซีช่วยเก็บข้าวของด้วยเล่า เพราะพรุ่งนี้พวกเราคงเริ่มออกเดินทางกันเเต่เช้า...'' หนิงอ้ายพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่จะเอ่ยขอแยกตัวจากเยว่ซินเพื่อไปจัดการเก็บข้าวของในทันที...
''จริงหรือขอรับคุณชายที่ท่านเยว่ซินได้หย่ากับท่านประมุขจางเลี่ยงหวงแล้ว?'' ลู่ซีถามขึ้นในขณะที่กำลังช่วยหนิงอ้ายเก็บของ
''แน่นอนว่าเป็เื่จริง เเล้วเ้าเล่าอยากไปกับข้าหรือไม่?'' หนิงอ้ายถามกลับไป
''ข้าอยากติดตามกลับไปยังแคว้นหงส์แดงเพื่อคอยรับใช้คุณชายขอรับ!!'' ลู่ซีตอบตกลงด้วยความยินดี
''ลู่ซีเ้าอยู่กับหนิงอ้ายตั้งเเต่เด็กข้าเชื่อว่าเ้าย่อมรับรู้และสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงว่าข้าไม่ใช่หนิงอ้ายคุณชายของเ้าใช่หรือไม่?''
''...''
''ข้าจะไม่ปิดบังเ้า ตัวข้านั้นชื่อนทีและไม่ใช่คนในโลกนี้ หลังจากข้าตายในโลกเดิมเมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าได้เข้ามาอยู่ในร่างของจางหนิงอ้ายผู้นี้เสียเเล้ว...''
''...''
จริงอยู่ที่ลู่ซีััได้ว่าคุณชายของตนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนแม้จะมีใบหน้าและรูปร่างที่เหมือนเดิมก็ตาม ไม่ว่าจะเป็การกระทำต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป หรือความสามารถในอีกหลากหลายด้านที่ไม่คาดคิด สิ่งเหล่านี้คุณชายของเขาย่อมทำไม่เป็อย่างแน่นอน ลู่ซีหัวใจกระตุกวูบให้ความรู้สึกราวกับถูกพลักตกจากที่สูงเมื่อคิดได้เช่นนั้น
''เช่นนั้นแสดงว่าคุณชายของข้าได้จากไปแล้ว คุณชายของข้า...'' ลู่ซีร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
''คุณชายของเ้าได้เข้าสู่วัฏจักรสังขาร เป็ไปตามลิขิตของโชคชะตาไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว เ้าต้องยอมรับให้ได้เพราะนี่เป็สัจธรรมแห่งชีวิตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้...''
''คุณชาย...คุณชายของข้า''
''ท่านยังมีข้าอยู่นะลู่ซี แม้ว่าดวงจิตนี้จะเป็ของข้าจากโลกอื่นก็จริง แต่ร่างกายนี้ยังคงเป็คุณชายที่เ้าคอยดูแลมาั้แ่เจ็ดปีไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้...เ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?''
''คุณชายน้อยได้ทรมานมาหลายปีแล้ว รอยยิ้มสุดท้ายคงเป็ก่อนพิธีปลุกพลังิญญาในปีนั้น ในเมื่อเื่ราวเป็เช่นนี้คงเป็ดั่งชะตาฟ้าลิขิตดั่งที่ท่านว่า อย่างไรคงเพียงต้องยอมรับให้ได้!!'' ลู่ซีเอ่ยขึ้น ในครั้งนั้นเป็เขาที่อ่อนแอเกินไป หลังจากนี้เขาจะฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องภัยอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายคุณชายให้ได้…
''สำหรับข้าแล้วเ้าไม่ใช่เพียงบ่าวรับใช้คนสนิท ข้านับถือเ้าเป็ดั่งพี่ชายของข้าคนหนึ่งด้วยซ้ำ ในโลกเดิมตัวข้านทีผู้นี้เป็เพียงเด็กกำพร้าไม่มีพ่อเเม่ไร้ซึ่งพี่น้อง หากไม่เป็อันใดมากเกินไปข้าขอนับถือท่านเป็ดั่งพี่ชายได้หรือไม่?'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกข้างในของตนอละความรู้สึกของหนิงอ้ายคนเดิมที่ยังตกค้างอยู่
''เเต่ว่า... '' ลู่ซีพยายามที่จะปฏิเสธ
''อย่าปฏิเสธเลย ทุกสิ่งที่ข้าเอ่ยขึ้นมาหนิงอ้ายคนเดิมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และข้าเชื่อว่าท่านเเม่เยว่ซินย่อมมีความเห็นที่ตรงกันกับข้าเช่นกัน เอาละ! ยังมีเวลาอีกมากที่จะพูดถึงเื่นี้ เรารีบเก็บของทั้งหมดกันเถิดเพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันเเต่เช้า''
ด้วยเนตรเเห่ง์จึงทำให้สามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งอย่างในขอบเขตรัศมีหนึ่งลี้ทั้งสิ้น ขณะที่หนิงอ้ายพูดกับลู่ซีบทสนทนาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาเชื่อว่าเยว่ซินหรือมารดาของหนิงอ้ายยืนฟังอยู่ตรงหน้าประตูย่อมได้ยินอย่างแน่นอน ด้วยััประสาททั้งห้าที่แม่นยำกว่าผู้คนทั่วไปนั่นเอง
หนิงอ้ายเชื่อว่าตั้งเเต่ที่ตนฟื้นขึ้นมาจากเหตุการ์ณที่หนิงอ้ายคนเดิมได้จากไป เยว่ซินผู้ที่รักบุตรชายยิ่งกว่าชีวิตย่อมสังเกตความเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นและรับรู้ได้ว่าบุตรชายคนเดิมของตนได้จากไปแล้ว เเต่การที่นางยังมอบความรัก ความเอาใจใส่ ตลอดจนไม่มีท่าทีต่อต้านและมองว่าเขาฉวยโอกาสมาอยู่เเทนบุตรของตนฉะนั้นเขาขอเห็นแก่ตัวสักนิดได้หรือไม่ที่จะสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวที่เขาได้รับจากโลกใบนี้...
ก่อนหน้านี้เยว่ซินได้เรียกรวมบ่าวที่คอยดูเเลรับใช้ตนที่เรือนหลังนี้ เพื่อสอบถามว่ามีบ่าวรับใช้คนใดสมัครใจติดตามกลับตระกูลหวังของนางที่แคว้นเต่าดำหรือไม่? หรือหาก้าอยู่ที่แคว้นหงส์แดงนี้นางจะได้ให้ตำลึงเงินไว้สำหรับตั้งตัวกันเล็กน้อยเพื่อเป็การตอบเเทนในทุกเื่ บรรดาบ่าวรับใช้ทุกคนได้เอ่ยขออนุญาตไม่ติดตามกลับไปด้วยเพราะต่างมีครอบครัวกันอยู่ในแคว้นหงส์แดงนี้กันทั้งสิ้น บ่าวรับใช้ในเรือนต่างก้มหัวทำความเคารพอย่างสุดใจด้วยเพราะรู้สึกโชคดีที่ได้มารับใช้อดีตฮูหยินเอกผู้นี้ซึ่งไม่เคยด่าทอทุบตีบ่าวรับใช้เหมือนกับนายท่านเรือนอื่น ๆ
หลังจากจัดการทุกสิ่งอย่างแล้ว เยว่ซินจึงตั้งใจที่จะไปคุยกับหนิงอ้ายบุตรชายของตนเกี่ยวกับการเก็บข้าวของ เสื้อผ้าและสิ่งจำเป็ต่าง ๆ เเต่ไม่คิดว่านางจะได้ยินเื่ราวที่หนิงอ้ายคุยกับลู่ซีบ่าวคนสนิท ยิ่งทำให้นางแน่ใจเเล้วว่าสิ่งที่นางคิดมาตลอดนั้นเป็เื่จริง แม้นางจะเสียใจไม่น้อยที่ต้องเสียหนิงอ้ายคนเก่าไป เเต่ถึงอย่างไรนั้น์ก็ไม่ได้ทำร้ายนางเท่าใดนักเพราะก็ได้ส่งบุตรของนางอีกคนกลับมาเช่นกัน
บุตรที่นางไม่มีโอกาสได้อุ้มชูเสียด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้เื่ราวในสิบห้าปีก่อนนอกจากหมอทำคลอด ทุกคนในตระกูลจางรวมไปถึงจางเลี่ยงหวงอดีตสามีของนางต่างเข้าใจว่านางคลอดบุตรชายได้สำเร็จ
ความจริงเเล้วในคืนนั้นนางคลอดบุตรชายฝาแฝดสองคน เเต่ด้วยเพราะนางเอาเเต่คิดเื่ราวมากมายเกี่ยวกับอดีตสามีที่ตบแต่งกับฮูหยินรองโดยที่ไม่มีการกล่าวให้รับรู้เื่ราวที่เกิดขึ้น นางจึงได้เเต่เก็บเอามาคิดและโทษว่าเป็ความผิดของนางที่ไม่สามารถเป็ที่ปรึกษาแก่อดีตสามีในทุก ๆ เื่ราวกับว่าไม่ได้รับการไว้วางใจกัน สุดท้ายผลเสียเ่าั้ได้เกิดขึ้นกับบุตรชายคนโตของนางที่ไม่มีโอกาสได้หายใจโดยทิ้งเพียงน้องชายอีกคนไว้กับนาง...
หนิงอ้าย ชื่อของบุตรชายคนเล็ก หมายถึง ความรักอันสงบ เเต่ความจริงเเล้วไม่เคยมีใครรู้ว่านางได้ซ่อนบุตรชายคนโตของนางอีกคนในชื่อนี้แม้จะฟังเเล้วดูเหมือนกันเเต่ความจริงเเล้วคำว่าอ้ายของบุตรชายคนเล็กหมายถึงความรักและบุตรชายคนโตที่จากไปคำว่า อ้าย หมายถึง หยกงาม ที่นางไม่มีโอกาสได้ดูเเลอุ้มชูแม้เพียงน้อย
ถึงแม้ว่าในวันนี้นางได้สูญเสีย หยกงาม อย่างไม่มีวันหวนกลับเเต่์ยังคงเมตตาและมออีกฝ่ายกลับเข้าสู่อ้อมอกอีกครั้งและนางสัญญาว่านางจะเเข็งแกร่งขึ้น...เข้มเเข็งขึ้นเพื่อจะที่ดูเเลบุตรชายที่นางได้คืนมานั้นอย่างดีที่สุด...
''คุณชาย ไม่สิหนิงอ้ายท่านเยว่ซินให้มาตามไปทานสำรับเช้าได้เเล้ว...'' ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยความขัดเขิน ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไปเช่นนี้
''ขอรับลู่เกอ กำลังออกไปขอรับ" หนิงอ้ายตอบกลับด้วยคำเรียกที่แตกต่างไป ด้วยเพราะในคืนที่ผ่านมาเขาได้เอ่ยกับมารดาไปว่ารู้สึกกับลู่ซีเป็ดังพี่ชายหาใช่บ่าวรับใช้ เยว่ซินที่ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยรับลู่ซีเป็บุตรบุญธรรมอีกคน จึงถือได้ว่าตอนนี้ลู่ซีเป็พี่ชายของหนิงอ้ายไปเสียเเล้ว เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสองคนไปถึงห้องรับรองก็พบว่าทุกคนอยู่พร้อมหน้าแล้ว
''พวกเ้าสองพี่น้องมาแล้วอย่างนั้นรึ? พร้อมกันแล้วใช่หรือไม่เพราะต้องออกเดินทางกลับก่อนยามสายเพื่อที่่เย็นจะได้ถึงตระกูลหวังได้ทัน...'' เยว่ซินได้สั่งการให้พวกบ่าวรับใช้ขนของเข้าไปยังรถม้าทั้งหมด ข้าวของเครื่องใช้มีไม่มากเท่าไหร่นักเพราะเลือกไปเพียงเเต่ของใช้ส่วนตัวและสินสมรสเดิมเท่านั้น สิ่งอื่นใดที่ได้รับจากตระกูลจางหรืออดีตสามีของนางเคยมอบให้นางไม่นำกลับไปด้วยแม้เพียงซักชิ้นด้วยเพราะไม่้ายุ่งเกี่ยวกันอีก
บรรดาฮูหยินรอง อนุต่าง ๆ รวมไปถึงบรรดาบุตรชาย บุตรสาวของอดีตสามีนางและบ่าวรับใช้ในตระกูลหวังต่างยืนส่งพวกเขาที่หน้าจวนตระกูลหวังพอเป็พิธีอาจด้วยเพราะว่าการหย่าเเบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแคว้นหงส์เเดงหรือแคว้นอื่น ๆ ทำให้มีผู้คนสนใจและเฝ้ารอดูเหตุการณ์ตรงบริเวณพื้นที่หน้าจวนของตระกูลหวังไม่น้อย เสียงพูดคุยดังขึ้นทั้งชื่นชมในการตัดสินใจที่ผิดแปลกไปจากสตรี จนเกิดเป็คำนินทามากมายต่างลอดเข้ามาให้รับรู้เป็ระยะเเต่เยว่ซินนางไม่ได้สนใจเลยสักนิด เมื่อทุกคนอยู่ในรถม้ากันครบถ้วนแล้วหวังฮุ่ยจึงออกคำสั่งให้ออกเดินทางในทันที
เนตรแห่ง์เมื่อถูกเรียกใช้ในยามที่มีระดับพลังิญญาที่มากขึ้นขอบเขตความสามารถดังกล่าวก็ทวีเพิ่มขึ้นเช่นกัน หนิงอ้ายสามารถอ่านใจของคนที่้าได้หากคนผู้นั้นไม่ได้มีระดับพลังิญญาสูงกว่าหรือมีบทเวทย์ป้องกันที่เเข็งแกร่งมากพอ หนิงอ้ายรับรู้ได้ว่าแม้มารดาของตนจะเอ่ยหย่ากับบิดาของเขาดูคล้ายกับว่าไม่รู้สึกอะไรเเต่ความจริงเเล้ว บางครั้งมารดาของเขามักจะทอดสายตาราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เมื่อรู้สึกตัวก็จะทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและหาอะไรทำเสียมากมายคล้ายกับว่าไม่้าให้ตนว่างเท่าใดนัก
น่าโมโหไม่น้อยนี่เป็โอกาสครั้งสุดท้ายที่มารดาจะได้พบกับบิดาของเขา สุดท้ายเเล้วบิดาตัวดีก็ไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น หนิงอ้ายจดชื่อบิดาของตนลงบัญชีดำเเล้วที่บังอาจทำให้มารดาของตนต้องเสียใจร้องไห้ เอาเถอะสักวันเขาจะเอาคืนอย่างสาสม...
เื่ราวของอีกด้านหนึ่ง...
''นายท่านจะเอาเเต่อยู่สำนักศึกษาไม่ได้นะขอรับ ยิ่งวันนี้ฮูหยินเอกไม่สิท่านเยว่ซินจะกลับแคว้นแล้วท่านควรที่จะไปส่งฮูหยินเอกสักนิดนะขอรับ" ฝู่หรงเอ่ยแนะนำขึ้นแก่นายท่านของตนด้วยความเป็ห่วงด้วยเพราะในตอนนี้นั้นเลี่ยงหวงเอาเเต่อยู่ในห้องตำราในสำนักศึกษาผิงอานและเอาเเต่ดื่มเหล้าเเทนสำรับอาหารครั้นเมื่อเหล้าหมดไหเเล้วก็สั่งให้บ่าวนำมาให้เรื่อย ๆ
''ข้าจะมีหน้าไปพบกับนางได้เยี่ยงไรข้าทำผิดต่อนางถึงขนาดนี้แล้วนางคงไม่้าพบหน้าข้าด้วยซ้ำ...'' เลี่ยงหวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ดวงตาแดงกล่ำคล้ายกับว่าก่อนหน้านี้ได้ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง
''ในเมื่อรู้ว่าตนผิดก็ต้องขอโทษขอรับเเต่หากไม่้าที่จะปล่อยมือจากท่านเยว่ซินนายท่านควรที่จะตั้งสติและเเก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุดขอรับ เพราะเป็สิ่งที่ท่านเยว่ซินนั้นคาดหวังกับท่านไม่น้อยเลย'' ฝู่หรงไม่รู้ว่าเนื้อหาที่ด้านในม้วนกระดาษที่อดีตฮูหยินเอกมอบให้แก่นายท่านของเขาคืออะไรเเต่คงสำคัญยิ่ง เพราะจนถึงตอนนี้ม้วนกระดาษดังกล่าวยังอยู่ในอกเสื้อของนายตนอยู่
''นั้นสินะ ข้าก็มีเื่ที่ต้องจัดการเช่นกัน!!'' เลี่ยงหวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่สงบไม่ปรากฏคลื่นอารมณ์ใดใด...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้