“ครอบครัวของข้าไม่มีทางทำทันเ้ารู้หรือไม่ แค่จำนวนของวันแรกทางโรงเตี๊ยมห่ายเทียน้าเท่าใด? สองร้อยจินเต็มๆแม้จะเป็ของหลายอย่างรวมกัน แต่สองร้อยจินเท่ากับจำนวนที่พวกเราไปขายด้านนอกสองถึงสามเท่าเ้าบอกสิว่าครอบครัวข้าจะทำทันหรือ?”
“อืมได้เ้าค่ะ ครั้งนี้ข้าจะร่วมมือกับท่านชั่วคราวไม่ให้พวกท่านสองคนเหนื่อยเกินไปจนจากไปก่อนวัยอันควร นี่เป็จำนวนที่ต้องทำส่งในวันพรุ่งนี้หรือ?” เมื่อหลายวันก่อนเฉินเนี้ยนหรานพูดว่าจะเลิกร่วมหุ้นด้วยทำเอาเฉินจื่อิโกรธมาก
ตอนนั้นเฉินเนี้ยนหรานพูดอย่างมีเหตุมีผลแม้อาหารตุ๋นพวกนี้จะได้กำไรแต่ก็ได้เพียงเล็กน้อย พวกนางสองครอบครัวทำด้วยกันเงินที่ได้มาแบ่งกันจึงไม่มาก นางอยากจะตั้งใจบ่มเพาะลูกมือเสียก่อนต่อไปคลอดลูกแล้วจึงสามารถให้พวกเขามาทำงานแทนตำแหน่งนางได้ แต่อย่างไรเฉินจื่อิก็ไม่ยอมให้นางเลิกร่วมมือกัน
ผู้ใดจะคาดคิดเื่กำไรเล็กน้อยที่เฉินเนี้ยนหรานกังวลอยู่ตลอดจะถูกแก้ไขลงในวันนี้โรงเตี๊ยมห่ายเทียนเข้ามาติดต่อเขาด้วยตนเอง พร้อมทั้งเจรจาเื่อาหารตุ๋น ทำให้เฉินจื่อิมีความสุขมาก
“แต่ลูกค้าของโรงเตี๊ยมห่ายเทียนต่างเป็คุณชายคุณหนูทั้งนั้นรสนิยมการทานของพวกเขาดูแลยากมากเลยนะ กิจการอาหารตุ๋นของพวกเรา จะต้องคิดให้ดีจึงค่อยส่งไปให้พวกเขาแม่หนู การค้านี้มาหาถึงที่แล้ว แต่พวกเราจะรับได้หรือไม่ ข้าไม่มั่นใจจริง ๆ”
เฉินเนี้ยนหรานได้สติกลับมาจากความตื่นเต้นนางทำหน้าเคร่งขรึม “ใช่งานนี้คุยงานกันไปแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการทดลองนี่นา โรงเตี๊ยมห่ายเทียนแน่นอนว่าจะต้องระดับสูงสักหน่อย จะทำอย่างไรจึงจะสามารถแสดงถึงความเป็อาหารของคนกลุ่มนี้รักษาความสดใหม่ รสชาติไม่เปลี่ยนทั้งยังทำให้คนพวกนี้รู้สึกว่าเป็อาหารระดับสูงกัน?”
เฉินเนี้ยนหรานพยายามนึกย้อนกลับไปถึงโรงแรมใหญ่ๆในยุคปัจจุบัน
นางคิดถึงหัวห่านและยังมีของพวกจิ่วจ่วนต้าฉาง[1]
เพียงแต่ที่พวกนางดำเนินกิจการอาหารตุ๋น แน่นอนว่าจะพัฒนาการกินรูปแบบใหม่ๆ
พวกหัวห่านตุ๋นเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หัวห่านตุ๋นในยุคปัจจุบันเป็อาหารจานใหญ่
สำหรับเื่อื่นเป็อาหารตุ๋นเหมือนกัน เหตุใดโรงแรมเ่าั้จึงไม่ยกอาหารจานรวม[2]ออกมาร่วมกับอาหารชนิดอื่นเพราะพวกเขามักใช้จานกระเบื้องเคลือบสวยงาม จะเหมือนพวกนางที่ใช้จานชามธรรมดาใส่อาหารได้อย่างไร
พวกเขาทั้งประดับด้วยพวกผักชีและนำของอื่นๆ มาตกแต่งภายในจาน จนถึงกระทั่งอาหารบางชนิดก็นำมาแกะสลัก…เอาเถิดนางเพียงแนะนำให้ทำอย่างที่โรงแรมเ่าั้ทำ ถึงตอนนั้นอาหารที่เดิมทีเป็อาหารตุ๋นธรรมดาเมื่อรวมกับน้ำปรุงรสที่นางปรุงขึ้นมาเป็พิเศษ…เชื่อได้เลยว่าอาหารตุ๋นเหล่านี้สามารถขายได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินเนี้ยนหรานจึงลากเฉินจื่อิมาด้านข้างและพูดถึงความคิดของตนเองอีกทั้งแกะสลักดอกไม้สดๆ ดอกหนึ่ง โดยการใช้แคร์รอตมาแกะสลักเป็ดอกไม้ แล้วค่อยใช้ไม้จิ้มฟันมาจิ้มดอกไม้สวยงามเป็อันเสร็จเรียบร้อย
“แบบนี้ได้ด้วยหรือ? ทานข้าวยังต้องดูของแกะสลัก?” เฉินจื่อิมองดอกไม้ดอกนั้นถามออกมาอย่างคนโง่เขลาเขาเป็คนหยาบกระด้าง เคยเห็นของประณีตสวยงามเสียที่ใด
“ท่านลุงเ้าคะต่อไปกิจการของท่านจะต้องใหญ่โตแน่นอน ของหรูหราพวกนี้ ั้แ่นี้ไปท่านจะต้องััเรียนรู้มันเสียหน่อยโดยเฉพาะการทักทายกับคนที่โรงเตี๊ยม ของพวกนี้ท่านยิ่งต้องเรียนรู้ จริงสิดอกไม้นี่ ข้าทำไม่ค่อยดีเท่าใด ท่านลุงสามารถทำมันได้หรือไม่? ไม่ใช่วัตถุดิบพวกนี้นะ”มองดอกไม้แกะสลักที่บูดๆ เบี้ยวๆ เฉินเนี้ยนหรานยังทำได้ไม่ดีนัก หากนำของแกะสลักนี้ออกไปเกรงว่าไม่ว่าจะสามารถพูดโน้มน้าวคนได้ นางไม่ใช่คนที่เก่งไปเสียหมดทุกด้าน ทำได้เพียงอาหารง่ายๆพวกงานแกะสลักดอกไม้นี่ฝีมือแย่มาก!
“ดอกไม้พวกนี้ข้าคงจะพอทำได้ งานฝีมือของข้าไม่เลว ข้าจะบอกเ้าให้นะ เมื่อยังหนุ่มๆข้าเรียนงานแกะสลักจากท่านทวดมากพอสมควร มา เ้ามานี่ ข้าจะทำให้ดู แค่แกะสลักดอกไม้ไม่ใช่หรือ” หลังหายจากอาการตกตะลึงเฉินจื่อิจึงรับมีดแกะสลักในมือของนางไป
อย่าได้ดูถูกไปเขาสามารถเรียนรู้ได้เพียงแค่มองนางทำ เพียงครู่เดียว เขาก็สามารถแกะสลักดอกไม้ออกมาได้ราวกับดอกไม้จริง
“ดีๆไม่เลวเลย แกะสลักกระต่ายออกมาอีกหนึ่งตัว หรือทำอย่างอื่นของสวยงามที่ท่านสามารถคิดได้ ดอกไม้สวยๆ หรือพวกสัตว์ก็ได้เ้านี่หลังจากแกะสลักออกมาแล้ว ค่อยใช้ไม้จิ้มฟันมาเชื่อมต่อกัน ท่านลุงเข้าใจใช่หรือไม่เ้าคะ” เฉินเนี้ยนหรานคล้ายเจอสิ่งใหม่จึงพูดถึงเหล่าสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ
เฉินจื่อิครุ่นคิดแล้วจึงก้มหน้าลงไปแกะสลัก อดพูดไม่ได้เลยว่า เขาเคยเป็ยอดฝีมือด้านการแกะสลัก แม้แต่ทำงานแกะสลักนี้ยังทำได้อย่างง่ายดายไม่ได้ทำสิ่งใดมาก ของพวกนี้ล้วนถูกเขาแกะสลักเป็ดอกไม้สวยงามมากมายหลากหลายแบบรวมถึงพวกสัตว์น้อยใหญ่ที่แกะสลักออกมาได้ราวกับมีชีวิต
รอจนกระทั่งจ้าวซื่อล้างพวกจานในเรือนออกมาพร้อมทั้งจัดวางอาหารเรียบร้อย ก่อนจะวางกระต่าย ด้านข้างตกแต่งด้วยผักชีรวมถึงผักใบเขียวอื่นๆ
“์นี่คืออาหารตุ๋นที่พวกเรามักจะกินกันบ่อยๆ หรือ!” จ้าวซื่อถามออกมาเสียงเบา
“เ้านี่…เหตุใดเพียงเปลี่ยนจานตกแต่งเล็กน้อย กลับรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ” เฉินจื่อิถามออกมาอย่างโง่เขลาอีกครา
มีเพียงเฉินเนี้ยนหรานที่มองทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยอย่างพอใจ
“เอาล่ะของพวกนี้พวกเราจัดการได้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือต้องทำของตุ๋นใหม่ๆ ออกมามากขึ้นอีก โรงเตี๊ยมนี้ซึมซับวัฒนธรรมมากมายของอาหารตุ๋นแต่พวกเราต้องทำอาหารสำหรับโรงเตี๊ยมโดยเฉพาะและไม่สามารถซื้อจากข้างนอกได้เป็เช่นนี้ อาหารตุ๋นของพวกเราจึงจะมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ท่านลุงเ้าคะข้าจะบอกท่านให้ฟัง นี่ดูเหมือนการค้าเล็กๆ แต่หากทำได้ดีแล้ว ต่อไปคนที่ได้ทานอาหารจากโรงเตี๊ยมจนติดใจและหากอาหารของพวกเราทานจนติดปาก ในอนาคตพวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆอีกทั้งมีความเป็ไปได้ที่อาจจะนำพาการค้าที่พวกเราคาดไม่ถึงมาได้นะ จะต้องรู้ว่าจำนวนลูกค้าที่เดินทางมาโรงเตี๊ยมห่ายเทียนเยอะมากเพียงใด”
โรงเตี๊ยมห่ายเทียนกล่าวกันแล้วก็คือโรงเตี๊ยม ความจริงแล้วยังรวมถึงหอพัก อาหาร ความบันเทิงเป็สถานที่สำหรับพักร้อน อีกทั้งยังเป็โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งอันดับสองสถานที่ที่มีแขกเข้าพักอาศัยเยอะเช่นนี้ หากทำให้แขกบอกต่อกันไปได้ ต่อไปอาหารตุ๋นของท่านลุงจะยิ่งพัฒนาไปมากขึ้นเรื่อยๆกิจการเล็กๆ ต่างมีเหตุผลของการมีอยู่…
เนื่องจากเป็กิจการโรงเตี๊ยมอีกทั้งยังเป็ครั้งแรก ดังนั้นครั้งแรกทุกคนต่างใส่ใจมาก
ด้านวัตถุดิบเฉินเนี้ยนหรานคิดถึงของมากมายที่เหมาะกับโรงเตี๊ยม
อีกทั้งนางทำพวกหัวห่านในครั้งนี้ยังมีพวกปีกไก่ ขาไก่ เต้าหู้และวัตถุดิบอีกมากมาย ไม่ได้ใช้น้ำตุ๋นธรรมดาแต่ใช้การตุ๋นในน้ำแกงสีเหลือง[3]หรือตุ๋นแบบน้ำแดง
นี่คือวิธีการทำหัวห่านตุ๋นในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน คิดไปแล้วก็พอใช้ได้อยู่บ้าง อีกทั้งในยุคสมัยนี้มีเพียงการตุ๋นแบบน้ำใสนางนำวัตถุดิบการตุ๋นสองชนิดออกมา คิดไปแล้ว เพียงแค่มองก็รู้สึกถึงความแตกต่างแล้วตรงนี้สามารถอธิบายได้ว่าโรงเตี๊ยมใช้ของที่แพงที่สุดได้พอดี ฮ่าๆ ราคาแพงเมื่อคิดถึงคำนี้ เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
แต่วิธีการตุ๋นสองแบบนี้พูดไปแล้วก็ทั้งไม่เลวและเหมาะสม ทว่าเมื่อทำขึ้นมาจริงๆ เป็อย่างที่นางพูด นั่นคือมีความยากอยู่สักหน่อยอย่างไรชาติก่อนนางเพียงเคยทานเท่านั้น เคยได้ยินวิธีทำว่าการตุ๋นแบบเหลืองเป็เช่นไรแต่หากพูดถึงวิธีการทำว่าเป็อย่างไร ยังไม่ชัดเจนนัก
ตุ๋นแบบให้เนื้อออกมาเหลืองครั้งแรกนางใส่วัตถุดิบลงไปเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็เป็แค่การทดลอง เฉินเนี้ยนหรานยืนอยู่ด้านข้างและให้เฉินจื่อิกับจ้าวซื่อทำร่วมกัน ของพวกนี้นางทำแค่คอยสั่งทำครั้งแรกใช้เม็ดพุดหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง ใบกระวานหนึ่งร้อยชั่ง ซานน้ายห้าสิบชั่งฮวาเจียวยี่สิบห้าชั่ง ข่าห้าสิบชั่ง เหลียงเจียงห้าสิบชั่งซาเหรินยี่สิบห้าชั่ง กระเทียมเจียวหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง เปลือกส้มเจียวหนึ่งร้อยห้าสิบชั่งฉินช่ายหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง ขิงสดหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง บรั่นดีหนึ่งพันชั่งน้ำมันฉ่ายจื่อสองร้อยห้าสิบชั่ง ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ ต้องเป็ยุคปัจจุบันจึงจะมีเช่นผงกระหรี่ รสชาติพวกนี้ในยุคนี้ไม่มีทางหาได้
แต่วัตถุดิบในยุคสมัยนี้มีหลายอย่างปราศจากมลพิษของพวกนี้สามารถใช้วัตถุดิบอื่นมาทดแทนได้
อย่างเช่นน้ำปรุงรสถั่วเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ และที่นี่ไม่มีวัตถุดิบเสียด้วย จะทำเช่นไรดี?
ใช้เครื่องปรุงรสอย่างอื่นมาทดแทนแล้วกัน
ที่มาของน้ำปรุงรสถั่วก็คือประเทศไทยความจริงแล้วเครื่องปรุงรสนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่ค่อยจะคุ้นเคยมากนักนางรู้เพียงแค่เล็กน้อย นั่นคือวิธีการทำน้ำปรุงรสถั่วของฝูเจี้ยนในยุคปัจจุบัน
แต่น้ำปรุงรสถั่วจำเป็ต้องมีน้ำจิ้มซาฉาดังนั้นในขั้นตอนการทำ นางจึงพยายามทำน้ำจิ้มซาฉาออกมาใช้
ก่อนอื่นต้องทำน้ำจิ้มซาฉาออกมาเสียก่อนแค่เครื่องปรุงนี้ ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม เมื่อได้กลิ่นหอมของน้ำจิ้มซาฉาทุกคนต่างคิดว่าของที่มีกลิ่นหอมเช่นนี้หากตุ๋นอาหารออกมาและยังไม่อร่อยจะต้องรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
ตอนที่ผัดน้ำจิ้มเฉินเนี้ยนหรานผ่อนคลายลงมาก
“พี่จ้าวตอนนี้เ้าดำเนินการตามที่ข้าสั่ง คือล้างแคร์รอต ขิงสดให้สะอาด หั่นให้เป็แผ่น”
“ต่อมาล้างฉินช่ายเซียงช่าย หลัวเหล่ยให้สะอาด หั่นเป็ท่อนๆ ”
“ก่อนจะล้างใบหนิงเิและเผือกให้สะอาดหั่นให้เป็ฝอย”
“พริกแดงถั่วต้มสุกแบ่งออกมาใช้ทำให้เป็ชิ้นเล็กๆ และวางไว้ด้านข้างเพื่อใช้ต่อไป”
“ตอนนี้ที่พวกเราจะต้องทำคือเทลงน้ำ จากนั้นใส่เผือก ใบหนิงเิ เซียงช่าย แคร์รอตฉินช่าย ขิงสด และหลัวเหล่ยลงไปต้มจนเดือดแล้วจึงใช้ไฟอ่อนค่อยๆ ตุ๋น หลังจากตุ๋นได้ประมาณครึ่งชั่วยาม จึงจะตักเผือกใบหนิงเิ เซียงช่าย แคร์รอตพวกนี้ออกมาก เหลือทิ้งไว้แค่น้ำหอมเครื่องเทศ”
ใน่ว่างระหว่างกำลังตุ๋นทุกคนเริ่มยุ่งกับการเลือกวัตถุดิบที่สามารถใช้ได้มาทำการทดลอง
มองน้ำพะโล้ที่ใช้เครื่องปรุงมากมายหลายร้อยชนิดปรุงออกมาเฉินเนี้ยนหรานถอนหายใจ หากใช้เครื่องปรุงมากมายเช่นนี้ปรุงรสน้ำพะโล้ออกมาและยังไม่ถือว่าดีนักเช่นนั้นนางก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีแล้ว
“นายหญิงของพวกนี้กลิ่นหอมมากเลย รสชาติที่ตุ๋นออกมาจะต้องดีมากแน่นอน หากข้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองคงไม่กล้าเชื่อว่าแค่วัตถุดิบยังใช้มากเพียงนี้ พูดตามความจริง จนถึงตอนนี้ข้ามองแล้วัยังตาลายลำบากเ้านายแล้วที่สามารถจัดวัตถุดิบเหล่านี้ได้ทั้งหมด” จ้าวซื่อพูดด้วยความนับถืออยู่ด้านข้าง
แม้นางจะไม่รู้จักแผนการเครื่องปรุงของเฉินเนี้ยนหรานแต่ตอนที่ผัดเครื่องปรุงเมื่อครู่สามารถมองออกเลยว่า ลำพังของพวกนี้ก็มีมากกว่าร้อยชนิดแล้วตอนที่เฉินจื่อิออกไปซื้อก็ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วยาม
[1] 九转大肠 จิ่วจ่วนต้าฉาง หมายถึงไส้ม้วน
[2] อาหารจานรวมหมายถึง การนำอาหารง่ายๆ มาจัดรวมกัน คล้ายๆ ออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อย
[3]การตุ๋นในน้ำแกงสีเหลืองจะเป็เหมือนน้ำแกงกระหรี่ เพียงแต่ในยุคโบราณนั้นยังไม่มีตัวนางเอกจึงใช้วัตถุดิบอื่นที่ทำให้น้ำออกมาสีเหลืองแทน
