ชย่าลิ่วอีได้กวาดล้างอุปสรรคภายนอกและจัดการปัญหาภายใน กลุ่มลูกน้องของเขาล้วนเป็คนที่ฉลาดและรู้จักคิด พวกเขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรต่อสู้และเมื่อไหร่ควรฆ่า โดยไม่ต้องให้เขาต้องกังวล เขาจึงประหยัดเวลาและพลังงานไปกับการเล่นเกมแมวไล่จับหนูกับสารวัตรเซี่ย ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกและรับหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก
หลังจากที่เหอชูซานจูบเขาเป็ครั้งที่สองในวันนั้น เขาก็กล้าที่จะลองแตะเนื้อต้องตัวเขาอีก แต่เขาตบมือกลับไป เ้าเด็กนี่รู้สึกผิดหวังและจากไป วันรุ่งขึ้นเขาก็ลาป่วยและรีบกลับมาทำอาหารให้เขาทั้งสามมื้อ และดูหนังกับเขาตลอดทั้งวัน วันที่สาม บริษัทมีธุระด่วนเขาจึงถูกเรียกตัวไปทำโอทีเป็เวลาหนึ่งเดือนเต็มไม่ได้เจอหน้ากันเลย ได้แต่คุยผ่านโทรศัพท์พลางพิมพ์งานไปพลางพูดจาหวานๆ กับเขา: "พี่ลิ่วอี ผมคิดถึงพี่" "พี่ลิ่วอี วันนี้พี่แปรงฟันหรือยัง?"
"ไร้สาระ! ไปให้พ้น!" ชย่าลิ่วอีด่าเขา
เหอชูซานหัวเราะคิกคักเบาๆ แล้วพูด "ฟังดูเหมือนพี่ก็คิดถึงผมเหมือนกันนะ"
“....”ชย่าลิ่วอี
ชย่าลิวอีทุบโทรศัพท์มือถือวันละครั้ง จิกที่นอนสองครั้ง แปรงสีฟันพังไปสามอันในหนึ่งเดือน และยังไปทำฟันที่คลินิกทันตกรรมอย่างลับๆ ด้วยความโกรธและหงุดหงิด
เหอชูซานทนนอนในห้องเช่าที่รกและสกปรกมาสิบกว่าวัน ในที่สุดก็มีเวลาว่างมาจัดห้อง เปลี่ยนกุญแจใหม่ ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม หลังจากนั้นเขาก็ไปค้นหาของที่ชย่าลิ่วอีซ่อนไว้ใต้โซฟาในวันที่เขาถูกจับ
แต่กลับเจอเพียงกล้องถ่ายรูปที่ถูกชย่าลิ่วอีทุบจนแตกเป็สองซีก ไม่พบรูปถ่ายและฟิล์มม้วนนั้น
เขาสงสัยในใจ ค้นหาทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบอะไร จึงทำได้เพียงคิดว่าคงถูกหนูคาบไป ในขณะเดียวกันก็ปลอบใจตัวเองว่า —— ยังไงคนก็เป็ของเขา อยากจะแอบถ่ายยังไงก็ได้ แค่ต้องซื้อสนับเข่าเพิ่มอีกสองอันก็พอ
……
สุดสัปดาห์นี้มีแสงแดดอบอุ่น ท่ามกลางปลายฤดูใบไม้ร่วงที่ยังไม่หนาวเย็นนัก ชย่าลิ่วอีขับรถมารับเหอชูซานที่กำลังทำโอทีที่บริษัทด้วยตัวเอง แล้วพาเหอชูซานไปปิ้งย่างที่ชายหาด บอดี้การ์ดของเขาก็ทำตัวกร่าง เคลียร์พื้นที่ชายหาดทั้งหมด เสี่ยวหม่ากับไอ้หัวบากถือโอกาสก่อไฟย่างอาหาร ส่วนชุยตงตงกับนักร้องสาวหน้ากลมของเธอก็นอนอยู่บนเก้าอี้อาบแดด ดูความสนุกสนานอย่างเดียว
"ลูกพี่! พลิกปีกไก่ตรงกลางหน่อยไหม้หมดแล้ว! นี่แกย่างเป็หรือเปล่าเนี่ย" ชุยตงตงบ่นไป จิบน้ำมะนาวไป แถมยังทำท่าทางประกอบอีกต่างหาก
"บ่นอีกทีก็มาย่างเองเลย!" ชย่าลิ่วอีะโ หน้าดำไปด้วยเขม่าควัน "เหออาซาน! น้ำมันอยู่ไหน!"
เหอชูซานนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เตา มองดูวัตถุดิบต่างๆ พอได้ยินก็ลุกขึ้นยื่นขวดน้ำมันที่วางอยู่ข้างเตาให้ ก่อนจะกลับไปนั่งยองๆ ที่เดิมเงียบๆ
ชย่าลิ่วอียกเท้าถีบเขา "ออกมาเที่ยวแล้วจะอ่านหนังสืออะไรของแก! อ่านอีกทีเดี๋ยวก็เอาไฟเผาทิ้งเลย!"
"เดือนหน้าผมมีสอบวัดระดับวิชาชีพ อ่านหน้านี้จบแล้วจะไปช่วยนะครับ" เหอชูซานพูดปลอบใจ
ชย่าลิ่วอีใช้ที่คีบหนีบหนังสือขึ้นมาถือไว้เหนือเปลวไฟ เหอชูซานรีบลุกขึ้นมาคว้าหนังสือคืน "ได้ๆๆ ผมไปช่วยแล้วๆ"
"ไอ้เด็กบ้า! ไม่โดนซักวันก็เริ่มคันใช่ไหม! ไปพลิกปีกไก่เดี๋ยวนี้!"
"ครับๆ เดี๋ยวพลิกให้ครับ"
เสี่ยวหม่านั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกล กำลังร้อยไส้กรอกอยู่ พลางหันไปกระซิบกับหัวบากที่กำลังแล่ปลาอยู่ "ฉันรู้สึกว่าเ้าเด็กแซ่เหอนี่มันเริ่มแปลกๆ ไปทุกทีแล้วนะ แกเห็นมันยิ้มให้ลูกพี่แบบปัญญาอ่อนนั่นไหม? โอ๊ย! ดูมันทำอะไรนั่น!"
เหอชูซานกำลังเขย่งเท้าขึ้นไปใกล้ๆ เป่าเศษถ่านที่ปลิวเข้าตาชย่าลิ่วอีอย่างเบามือ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเสี่ยวหม่าะโมาจากข้างหลังว่า "ไอ้แซ่เหอ! มานี่มาช่วยเสียบไส้กรอกหน่อย!"
เหอชูซานยังไม่ทันได้ตอบ ชย่าลิ่วอีที่หลับตาอยู่ก็ะโขึ้นมาว่า "กูยังใช้มันไม่เสร็จ เมิงจะแย่งไปทำไม?!"
"ลูกพี่ ผมเปล่านะ แฮะๆ ผมแค่เห็นว่าเขายังว่างอยู่เฉยๆ "
"ไปไกลๆ เลย! รีบร้อยไส้กรอกแล้วเอามาส่งที่นี่เร็ว!"
“ครับ!”
เสี่ยวหม่าก้มศีรษะลงกัดฟันและบ่นพึมพำว่า "ให้ตายเถอะ สักวันจะลอบสับมันซะให้ได้!”
"ไอ้หัวบากก้มหน้าขูดเกล็ดปลาเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไรตอบ"
"ลูกพี่ใหญ่ชย่าทักษะการทอดห่วยแตกจริงๆ ไม่ทันไรก็เกือบเผาเสื้อตัวเองแล้ว เหอชูซานรีบเชิญเขาไปพักด้านข้าง แล้วลงมือเอง พร้อมกับคุยไปด้วย "พี่ลิ่วอี ่นี้ยุ่งไหมครับ?"
"ใครจะยุ่งสู้คุณเหอผู้มากความสามารถได้! หายไปตั้งหนึ่งเดือน ต้องให้ฉันมาเชิญเองเลยหรือ?"
"เหอชูซานหัวเราะเบาๆ "ขอโทษทีครับ งานบริษัทเยอะมาก"
ชย่าลิ่วอีพ่นลมหายใจออกทางจมูกพร้อมกับพูด "นี่นายได้เลื่อนตำแหน่งเป็ผู้จัดการทั่วไปแล้วหรือ คุณจอมนักแสดงเหอ?”
เหอชูซานยังคงยิ้ม หน้าตายังคงซื่อๆ "ไม่มีครับ แต่่นี้ยุ่งจริงๆ ผมไม่อยากทำแล้ว... ไม่งั้นผมไปทำงานที่บริษัทพี่ดีไหม? ให้ผมลาพักร้อนปีละสองเดือน?"
มือของเซี่ยลิ่วอีที่กำลังหยิบบุหรี่ชะงักไปครู่หนึ่ง
สองปีก่อน เขายังคงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดึงนักศึกษาที่มีความสามารถทางการเงินคนนี้มาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เพื่อฟอกเงินและจัดการบัญชีให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดติดตลกที่ดูเหมือนจริงบ้างไม่จริงบ้าง เขากลับลังเล
เขาไม่้าให้เหอชูซาน ผู้ซึ่งมีประวัติที่ใสสะอาด เข้ามาพัวพันกับเื่สกปรกของเขาอีกต่อไป
เขาคาบบุหรี่เข้าปาก ก่อนจะเอียงหัวจุดไฟ "เมื่อก่อนแค่ให้ดูบัญชีก็กลัวจะทำให้นายตาบอด ตอนนี้รู้จักมาขอร้องฉันแล้ว? แต่ขอโทษที ตอนนี้ฉันไม่สนใจนายแล้ว ไปให้พ้น!”
เหอชูซาน "ขยับ" เข้าไปใกล้เขาอีกก้าวหนึ่ง แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแ่เบาและอ่อนหวาน "พี่ลิ่วอี..."
ชย่าลิ่วอีใช้ข้อศอกดันเขาออกอย่างหงุดหงิด แล้วเปลี่ยนเื่ "นายบ่นว่ายุ่ง? ฉันว่านายทำได้ดีออก"
"ผมคิดดูแล้วครับ" เหอชูซานพูด "งานยุ่งเกินไปไม่ดี ถ้าเป็แบบนี้ต่อไป ผมจะไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปหาพ่อเลย"
ชย่าลิ่วอีส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอีกครั้งอย่างไม่พอใจ
"ก็ไม่มีเวลาอยู่กับพี่ด้วย"
“……”
ลูกพี่ใหญ่ชย่าที่ขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะความเลี่ยน ยังไม่ทันได้โวยวาย ข้างๆ ชุยตงตงก็อุดหูแล้วลุกขึ้นยืน "แย่แล้ว! ถ้าฟังต่อจะถูกฆ่าปิดปาก! เสี่ยวหลัว ไปๆๆ เราไปเดินเล่นกันตรงโน้น" เสี่ยวหลัวเป็ชื่อของนักร้องสาวน้อยคนนั้น
"เดินบ้าอะไร! มาทอดนี่! เหออาซาน ไปเสียบไส้กรอกโน่น!"
