“แล้วต้นไม้แห่งชีวิตหล่ะ มีอยู่มาก่อนหรือหลังพวกท่าน” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“พวกเ้าคงหมายถึง “พระมารดาแห่งหมู่ซู่ (พระมารดาแห่งจิติญญาทั้งปวง) ” ท่านคือต้นกำเนิดดวงจิต ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีพวกเราสักดวงิญญา แน่นอน พระนางคือผู้ให้กำเนิดให้ชีวิตให้จิตวิญาณกับพวกเราทั้งหมด” ผู้เฒ่าหมู่ซู่ตอบ
“พวกเราทั้งหมด ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราจากทุกที่หรอ” ฮวาเฟยฟาถามต่อ
“พวกเราหมายถึง ต้นไม้ มนุษย์ ุ์ ิญญา ภูติผี ปีศาจ เทพเซียนเทวดา ภูติ เดรัจฉาน ทั้งหมดล้วนกำเนิดมาจาก ต้นไม้แห่งชีวิต” หลานหลี่เซ่อกล่าว ทุกคนที่ได้ยินอ้าปากค้างตะลึงทึ่ง และสงสัยคืออะไรกัน
“พระมารดาแห่งชีวิต หรือชื่อที่ผู้คนเรียกและถูกบันทึกไว้ “ต้นไม้แห่งชีวิต” คือสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มของทุกสิ่ง ถัดจาก ผู้สร้าง ผู้ปกปักษ์ ผู้ทำลาย ผู้พิทักษ์” หลานหลี่เซ่อเริ่มเล่าพร้อมใช้พลังเวทย์สร้างภาพนิมิตรไปพร้อมเื่ราว ในภาพเป็ยุคอดีตั้แ่ก่อนดาวจะสร้างตัวมีเพียงต้นไม้แห่งชีวิตสีขาวยืนต้นลำต้นกิ่งก้านสาขาใบเถาวัลย์ล้วนฉาบไปด้วยสีขาว พร้อมหัวใจแห่งพฤกษาสีทองโปร่งแสงเต้นตรงกลางลำต้นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านดวง
เมื่อยืนต้นได้ยาวนานเกินหมื่นปี ก็เกิดเป็ร่างโปร่งแสงสีขาวของผู้หญิงสยายผมหน้าตาอ่อนโยนใจดีงดงาม ผุดขึ้นจากกอต้น ในมือประคองอยู่ตรงอกและค่อยสร้างดวงจิตขึ้นทีละดวงและปล่อย บ้างก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า บ้างก็ลอยละลิ่วไปคนละทิศคนละทาง นั่นคือดวงจิตของสิ่งมีชีวิตที่ต่างพากันไปกำเนิดในภพภูมิต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้นใหม่ตามๆ กันมาในอนาคต และหลังจากการให้กำเนิดดวงิญญามากมาย หนึ่งในผู้ที่กำเนิดมาก่อนคือพวกเผ่ายืนต้นหมู่ซู่ ในขณะที่เผ่าพันธุ์อื่นถูกสร้างดวงจิตและปล่อยไปหาร่างในภพไกลโพ้นที่เหมาะกับตนหมู่ซู่ และเหล่าพฤกษาถือกำเนิดจากเศษเสี้ยวของต้นไม้แห่งชีวิตที่ขยายออก และสร้าง และทิ้งบางชิ้นลงหรือแบ่งออกจากเล็กน้อยก็กลายเป็พืชพันธุ์มากมาย และท้ายสุดภพพืชพันธุ์ก็ถือกำเนิดขึ้น ในขณะที่พฤกษาเกิดก้มาพร้อมดวงจิตเสี้ยวหนึ่งจากตัวพระแม่แห่งจิติญญาเช่นกัน ดังนั้นเมื่อดวงจิตของหมู่ซู่หลุดจากร่าง ก็จะแค่วนเวียนกลับหาร่างต้นไม้แห่งชีวิตเหมือนดวงิญญาอื่นๆ แต่จะไม่ไปไหนไกลจากพระแม่ และท้ายสุดจะคืนลับร่างหมู่ซู่ในภพภูมินี้ต่อไป และในขั้นต่อมาก็เป็การมาของผีเสื้อราตรีที่บินมาเกาะ เริ่มจากหนึ่งตัวกลายเป็สองตัวสามตัวร้อยตัวพันหมื่น แต่ผีเสื้อนี่ไม่ได้มาแต่ตัว และปีกเรืองแสงที่งดงามแต่นำพาดวงิญญามากมายที่ไร้ทางไปกลับมาสู่ต้นไม้แห่งชีวิต และนำทางต่อสู่ภพภูมิที่ควรไป
“หิมะ! เกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงบนต้นไม้แห่งชีวิตนั่น จริงๆ แล้วคือดวงิญญาที่ดับสูญ” ฮวาเฟยฟาเอ่ยแทรกขึ้น
“ถูกต้อง ที่พวกท่านเห็นว่าเป็หิมะ แท้จริงคือดวงิญญาที่กลับมาขอพลังจากต้นไม้แห่งชีวิต และจะถูกนำทางต่อไปสู่ภพที่คู่ควรโดยผีเสื้อยมทูต ทุกดวงจิตต้องเดินทางกลับสู่บ้านที่ตนจากมา ในที่นี้ก็คือผู้ให้กำเนิดพระแม่แห่งจิติญญา” หลานหลี่เซ่อเล่าต่อ
หลังจากนั้นโลกเริ่มวุ่นวาย แต่ละภพภูมิมีการตีรันฟันแทง สร้างอำนาจเบ่งขยาย เพื่อหลีกลี้หนีความวุ่นวาย และการให้ดวงจิตจากภพอื่นทราบการกำเนิด และมีตัวตนของพระแม่แห่งจิติญญา ท่านจึงให้คนทราบแค่ในนามต้นไม้แห่งชีวิตที่เป็ผู้ให้กำเนิดภพพฤกษา และปิดผนึกการเข้าออก และการับรู้จากภพอื่นๆ เด็ดขาด เว้นแต่ดวงิญญาที่ดับสูญจะสามารถเดินทางแวะเวียนผ่านมาทางภพนี้ได้
ทุกคนหันมองไปที่ต้นไม้แห่งชีวิต เห็นหิมะที่ร่วงหล่นซึ่งความจริงก็คือิญญาที่ดับสูญ ช่างดูเปราะบาง งดงามแบบไม่มีพิษมีภัยเหมือนยามมีชีวิตอยู่ และลำแสงเส้นสายลากยาวฉวัดเฉวียนไปมาจากบนฟ้าสู่ใต้ดิน จากใต้ดินสู่บนฟ้า จากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย ของการนำทางของผีเสื้อราตรี ก็รู้สึกสะท้อนถึงความไม่แตกต่างของทุกดวงจิต ที่ต้องเวียนว่ายและไปตามทางที่ตัวเองได้กระทำมา
“แล้วท่านหล่ะ หลานหลี่เซ่อ ตัวตนของท่าน” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ข้าก็คือ หนึ่งในเศษเสี้ยวของต้นไม้แห่งชีวิตอย่างที่ทุกคนลือกัน หลังจากที่เกิดเหตุะเิที่จัตุรัสเฟิงสุ่ย แรงกระแทกทำให้เศษเสี้ยวหนึ่งหลุดไปภพภูมิมนุษย์ และ เมื่อข้าถือกำเนิด แรกเริ่มข้าไม่สามารถมีรูปร่างแบบมนุษย์ได้ แต่ด้วยความผิดเพี้ยนของพลังงานที่หมู่บ้านชุนเทียนทำให้ข้าได้รูปร่างมนุษย์มาและกลายเป็หลานหลี่เซ่อ หลังจากที่ข้าได้รับแต่งตั้งมาเป็ปรมาจารย์ภพกระจก ข้าก็อยากกลับมาช่วยแบ่งเบาภาระพระแม่ พร้อมกับสร้างภพ พืชพันธุ์ จึงได้พยายามสร้างหมู่ซู่ขึ้นมาโดยใช้รูปร่างหน้าตาข้า
พวกท่านเข้าใจใช่ไม๊ ข้าไม่สามารถสร้างรูปร่างคนขึ้นมาตามอำเภอใจ มันแย้งกฎธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องเป็ตัวเองเต็มไปหมดให้ทุกคนมาช่วยงานและสลับตัวกันไปมา เพราะทุกร่างและดวงจิตแห่งหมู่ซู่ล้วนพันผูก และรับรู้ถึงกันได้หมด ดังน้นทุกร่างของหลานหลี่เซ่อก็มีความคิดความทรงจำประสบการณ์ไม่ต่างกัน และในขณะที่พวกเราสร้างกระจกพืชพันธุ์ พวกเราบรรพาจารย์ทุกคนที่ต่างล้วนมีต้นกำเนิดจากภพนั้นๆ ก็ได้ออกความเห็น ให้ภายใต้กระจกคือภพที่แท้จริง คือการดึงภพที่แท้จริงมาอยู่ใกล้ และสามารถใช้วิตได้ทั้งภพของตัวเองเจอหน้าค่าตาญาติมิตร และที่สำคัญคือการได้กลับสู่ภพต้นกำเนิด คือการเติมพลังแห่งจิติญญา อย่างที่พวกท่านทราบ ทุกดวงจิตจะอ่อนแอและสูญสลายหากไม่ได้รับพลังจากภพกำเนิดเลย และที่สำคัญพวกเรายังสามารถป้องกันการะเิแบบในอดีตอีก การปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ หมู่บ้านชุนเทียนเป็หน้าที่ร่วมกันของทุกภพ”
“ฮะ! แบบนี้ก็หมายความว่าภายใต้กระจกทุกบานที่สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตราคือทางสู่ภพอื่นทั้งหมด แบบนี้ทุกคนก็ฝ่าฝืนกฏทั้งหมดมาโดยตลอดหน่ะสิ” เ้าวั่งซูเอ่ย
“จะพูดแบบนั้นก็ได้ ฝ่าฝืนกฏการข้ามภพ แต่กระจกและพวกข้าไม่สามารถนำพาสิ่งอื่นหรือดวงจิตใดๆ ข้ามไปมาได้ เว้นแต่พวกเราเหล่าบรรพาจารย์และผู้สร้างกระจกภพนั้นๆ ซึ่งก็น่าจะเป็คนจากภพอื่น แม้แต่ดวงจิตเดิมกำเนิดจากภพนั้นๆ ก็ไม่สามารถข้ามไปมาได้ และจุดประสงค์ของพวกเราบรรพาจารย์ อย่างที่พวกท่านก็ทราบก็คือการปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้ และฝึกปรือเหล่าผู้ฝึกตนให้ชำนาญและรับรู้สภาพภพต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเพื่อป้องกันภัยร้ายที่อาจจะเกิดในอนาคต” หลานหลี่เซื่อเอ่ย
“อีกอย่าง จริงๆ แล้ว พวกข้าข้ามไปมาได้สองภพและพาคนเข้าออกไปไม่ได้ แต่ไม่มีคนไหนเค้าสามารถข้ามไปข้ามมาได้ทุกภพแบบท่านสองคนด้วย ฮ่าๆๆ” หลานหลี่เซ่อเสริมประชด
“แหะ! แหะ! ก็จริงของเค้าเนอะ” เ้าวั่งซูหันมาทางฮวาเฟยฟา
“แล้วทำไม ภพฝันแห่งความเงียบงัน หลี่เลี่ยงเฟิ่ง เค้าถึงไม่ทราบว่าเื้ักระจกคือภพฝัน” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“หลี่เลี่ยงเฟิ่งเป็ปรมาจารย์ที่ปรากฏตัวเป็คนสุดท้าย ภพฝันแห่งความเงียบงันเป็ภพที่ค่อนข้างลึกลับต่างจากภพพืชพันธุ์ตรงที่ไม่แน่ใจว่ามีตัวตนอยู่จริงไม๊ ขาวหรือดำ และจริงๆ เค้าเองก็ทราบว่าปรมาจารย์ทุกคนจะดึงภพต่างที่แท้จริงมาไว้ในกระจก เพื่อเพิ่มพลังชีวิต และพลังปกป้องให้กระจกทั้งเก้า และเื่นี้จะเป็ความลับแค่ระหว่างปรมาจารย์กระจก ทั้งหมด แต่ที่เค้าทำตัวเหมือนไม่รู้อะไรเลยนั่นอาจจะเป็เพราะ พันธะบางอย่างทำให้ความทรงจำของเค้าถูกกักไว้ชั่วคราว” หลานหลี่เซ่อกล่าว
“ออ นั่นเป็เหตุผลว่าทำไมเค้าถึงไม่รู้ว่า ั์ถูหลันกับเทพธิดาเม่งเซี้ยะคือพ่อแม่ และเค้าทั้งสามสามารถอยู่ด้วยกันได้ผ่านกระจกมาตลอด” เ้าวั่งซูเอ่ย
“นี่พวกท่าน ได้มีโอกาสเจอทั้งสองแล้วรึ” หลานหลี่เซ่อเอ่ยถามตื่นเต้น
“ใช่พวกข้าทั้งสองได้บังเอิญหลงเข้าไปภพฝัน และก็ค้นพบว่าภพฝันเป็ภพที่มีความขาวดำแท้จริงไม่อาจแยกแยะ และ ก็สามารถปรากฏได้ทุกที่ตามความ้าของเหล่าดวงจิตที่มีตบะถึงเรียกร้อง และทั้งสองคนก็มีชะตาที่น่าเศ้รา และเป็คนที่ยิ่งใหญ่และน่านับถือมากทีเดียว” เ้าวั่งซูเล่า
“พวกเค้าสองคนคือเทพผู้ครองจักรราศีแห่งฟ้าตะวันออกกลุ่มจักราศีแพะทะเล และ เทพผู้ครองจักรราศีแห่งฟ้าทางตะวันตกกลุ่มจักราศีหญิงพรมจรรย์ ทั้งสองคือหนึ่งในดวงจิตดวงแรกๆ ที่ถูกกอปรสร้างขึ้นในภพ์ ทั้งสองคือดวงดาวทางตะวันออกและตะวันตกที่สว่างและงดงาม ยิ่งเวลาที่ทั้งสองภพบกันปีละหนึ่งครั้ง แสงสว่างก็ยิ่งกระจายวงกว้างมาจนถึงภพนี้ แต่ตามที่เล่าหลังจากเกิดการแย่งชิง วางอำนาจบาดใหญ่อิดฉาริษยา ทั้งสองคนก็คือหนึ่งในเหยื่อของความบาดหมางเ่าั้ แต่ข้าเชื่อว่าท้ายสุดพวกเค้าก็มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันในภพภูมิที่สงบอย่างแท้จริง” หลานหลี่เซ่อกล่าวยิ้ม
“พวกท่านนี่ทุกเื่จริงๆ” เ้าวั่งซูหลุดปากเบาๆ
“ฮ่าๆ! แน่สิ! เื่พวกท่านพวกข้าก็รู้ ไม่มีเื่ไหนหลุดรอดไปจากพวกข้าหมู่ซู่หรอก ฮ่าๆๆๆ” หลานหลี่เซ่อและพวกหมู่ซู่าต่างพากันหัวเราะยกใหญ่ ทั้งสี่คนฟังอึ้ง แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความะและความสามารถของเหล่าต้นไม้หมู่ซู่จากภพพืชพันธุ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นไม้แห่งชีวิตที่แท้จริงแล้วให้กำเนิดทุกอย่าง ธรรมชาติคือต้นกำเนิดของสรรพสิ่งและอยู่ทุกที่จริงๆ
“โอ๊ะ! นั่นต้นไม้แห่งชีวิตสว่างขึ้น พวกผีเสื้อราตรีก็ดูกระวนกระวาย” เ้าวั่งซูเอ่ย
“นั่นน่าจะเป็สัญญาณว่าพระแม่แห่งจิติญญา กำลังปรากฏกาย สร้างดวงจิตใหม่สู่ภพภูมิ” ผู้เฒ่ามู่ซู่พูดเชื่องช้า