“คนอุตส่าห์บอกด้วยความหวังดี แต่เ้ากลับไม่เห็นค่า หรือสมองสวะอย่างเ้าจะกลวง? มีคนไหนบ้างที่ด้อยกว่าเ้า? มองโลกแคบเสียจริง!” คำพูดของหญิงชุดเหลืองโอหังกว่าเดิม ดูถูกเหยียดหยามเย่เฟิงตรง ๆ
ดวงตาของเย่เฟิงฉายแววเยือกเย็นขณะมองหญิงชุดเหลือง คำพูดของอีกฝ่ายกระตุ้นต่อมโมโหของเขา หากไม่ใช่ว่าหญิงชุดขาวเล่าเื่หุบเขาเทียนเสวียน เย่เฟิงคงไม่เกรงใจหญิงชุดสีเหลืองคนนี้แน่นอน
“ศิษย์น้อง ไยเ้าพูดจาเยี่ยงนี้เล่า? ศิษย์น้องคนนี้เพียงระดับการบ่มเพาะยังน้อยก็เท่านั้น อย่าพูดแบบนี้อีกเชียว” หญิงชุดขาวกล่าวคล้ายยอมรับที่ศิษย์น้องพูดไม่ได้
“เ้าอย่าโกรธไปเลย ศิษย์น้องข้ามักพูดจาโผงผาง ถือว่าเห็นแก่ข้า เ้าอย่าถือสานางเลย” หญิงชุดขาวกล่าวขอโทษเย่เฟิงอย่างจริงจัง
“ศิษย์พี่ ท่านจะไปสนใจเขาทำไม? ต่อหน้าเฉินข่าย เขาก็แค่เศษสวะ แต่กลับกล้าทำตัวอวดดีที่นี่ ช่างน่าขันนัก! เมื่อครู่ข้าแค่เกิดความเมตตา อยากดึงเ้าเข้ากลุ่มเพื่อเข้าหุบเขาด้วยกัน แต่เห็นทีตอนนี้คงไม่จำเป็แล้ว!” หญิงชุดสีเหลืองกล่าวโดยไม่สนใจคำตักเตือนของศิษย์พี่นาง นี่ทำให้คนรอบข้างหันมามองทางนี้ด้วยความสนใจ
“ศิษย์น้อง เ้า...” หญิงชุดสีขาวตัวสั่นสะท้านเพราะถูกหญิงชุดสีเหลืองยั่วโมโหจนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
“ศิษย์พี่ท่านนี้ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ ตัวข้าไม่เคยเรียกอะไรจากท่านทั้งสอง และยิ่งไม่เคยเป็หนี้กัน แต่ศิษย์น้องคนนี้ของท่านช่างพูดจาไม่เข้าหูข้าเสียเหลือเกิน ดูถูกคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองสูงส่ง แต่คิดจริง ๆ หรือว่าตัวเองสูงส่งมาก ในความเป็จริงคนประเภทนี้มักจะมีจิตใจอำมหิต แต่สิ่งที่ข้าอยากบอกคือ ศิษย์น้องของท่านก็งั้น ๆ แหละ” เย่เฟิงกล่าวพลางคิ้วขมวดแน่น เขาไม่อยากเสียเวลาไปกับคนไม่รู้จักอย่างหญิงชุดสีเหลืองผู้นี้ พอพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดสิ่งใด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงชุดเหลืองผู้นั้นรังควานเย่เฟิงไม่หยุด พูดจาดูถูกสารพัดทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน อีกฝ่ายไม่เพียงไม่รู้จักทำตัวสงบเสงี่ยม แต่ยังก้าวร้าวมากขึ้น ในเมื่อเป็เช่นนี้เย่เฟิงก็ไม่มีความจำเป็ต้องอดทนอีกต่อไป
“หึ!” หญิงชุดเหลืองแค่นเสียงเ็าพลางสีหน้าดูไม่ค่อยดี ก่อนจะะโเสียงดัง “ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะอยู่รอดในหุบเขาได้ยังไง? ถึงเวลานั้นอาจกลายเป็อาหารรสเลิศของสัตว์อสูรก็เป็ได้ สามัญชนย่อมไม่รู้ว่าท้องฟ้าที่อัจฉริยะเผชิญหน้าด้วยกว้างขวางเพียงใด!”
หญิงชุดเหลืองเห็นเย่เฟิงเป็เพียงสามัญชน ส่วนอัจฉริยะที่ว่านั่นก็น่าจะเป็คนรักของนาง เฉินข่ายบ่าวรับใช้ที่ตระกูลเฉินประทานแซ่เฉินให้
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่สนใจเื่พวกนี้ หลังจากแค่นเสียงหัวเราะก็เดินออกไปจากที่นี่
หลังจากนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยถอนตัว แววตาของผู้าุโคนนั้นวาบประกาย ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดการณ์ของเขา อย่างไรเสียก็ใช่ว่าทุกคนจะยอมเอาชีวิตตนไปเสี่ยงในหุบเขาเทียนเสวียน “เอาล่ะ จำนวนคนก็แน่นอนแล้ว เมื่อเข้าไปในหุบเขาแล้วจะเป็การทดสอบอย่างแท้จริง การทดสอบที่พวกเ้าต้องเจอไม่เพียงแต่จะมาจากสัตว์อสูรในหุบเขา แต่อาจมาจากคนที่เข้าหุบเขาด้วยกัน ดังนั้นศึกปะทะจึงเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็ตายล้วนขึ้นอยู่กับลิขิต์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ห้ามลงมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายา หากใครฝ่าฝืนก็เท่ากับฝ่าฝืนกฎของหุบเขา ผลที่จะตามมาพวกเ้าไม่มีทางชดใช้ได้ ส่วนใครที่ผ่านการทดสอบจะได้รับรางวัลจากทางสำนัก แต่ผู้ได้อันดับหนึ่งจะได้รางวัลพิเศษคือสามารถขอสิ่งที่อยากได้หนึ่งอย่าง ตราบใดที่มันไม่มากเกินไป ทางสำนักจะสนองให้เ้าได้อย่างแน่นอน”
ผู้าุโอธิบายกฎระเบียบการเข้าหุบเขา ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ตาทอประกาย หุบเขาเทียนเสวียนนั้นเป็หนึ่งในสามแดนทดสอบแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน หลายปีมานี้มีคนผ่านการทดสอบน้อยมาก และหากใครผ่านการทดสอบ ทางสำนักย่อมตกรางวัลให้อย่างงาม แต่พอทุกคนทวนกฎเมื่อครู่อีกครั้งก็ต้องรู้สึกหนาว พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าหุบเขาเทียนเสวียนไม่เพียงแต่เป็สถานที่อันตราย แต่ยังไม่ห้ามทุกคนที่เข้าไปในนั้นต่อสู้กัน ใครจะฆ่าแกงใครก็ย่อมได้ หากศัตรูเข้าหุบเขาด้วย ในหุบเขาคงเป็สถานที่ที่ดีในการแก้ปัญหาความบาดหมาง
แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากคิดว่ากฎนี้โเี้มาก ผู้อ่อนแอต้องทนกับความกดดัน พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากสัตว์อสูร แต่ยังต้องป้องกันตัวเพื่อระวังคนรอบข้าง หากพลาดแม้แต่นิดเดียวอาจถึงแก่ชีวิตได้
หากศัตรูเข้าไปในหุบเขาด้วย นั่นก็เท่ากับหายนะและอาจเจอการปิดล้อมฆ่า อย่างเช่นเย่เฟิงที่มีศัตรูหลายคนอยู่ในที่แห่งนี้ เขาต้องเสียเปรียบมากแน่นอน
เป็ไปตามคาด ทันทีที่สิ้นเสียงของผู้าุโคนนั้นก็มีสายตาเยือกเย็นหลายคู่มองมาที่เย่เฟิงและไม่ปกปิดจิตอาฆาตแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเ้าของสายตาเหล่านี้คือ เฉินอ้าวเทียน โจวมู่ไป๋ เฟิงเฉียน และมีอีกคนที่เย่เฟิงไม่รู้จัก แต่จิตอาฆาตในดวงตาของคนผู้นี้ไม่ด้อยไปกว่าอีกสามคน เห็นชัดว่าเกลียดเย่เฟิงมากเพียงใด
ทว่าเย่เฟิงไม่สนใจสายตาเหล่านี้ เพราะไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้หมด ในเมื่อคนเหล่านี้้าชีวิตเขา เช่นนั้นเขาเย่เฟิงกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ใดอยากฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าคนผู้นั้น
“เข้าสู่หุบเขาได้ ณ บัดนี้!” เสียงของผู้าุโดังขึ้น จากนั้นผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มทะยานร่างเข้าไปในหุบเขาเทียนเสวียน พวกเขาทุกคนต่างมีสายตาทอประกายด้วยความตื่นเต้น และเตรียมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ
เย่เฟิงก้าวเข้าสู่หุบเขาเช่นเดียวกัน ทว่ามีสายตาจำนวนไม่น้อยมองมาที่เย่เฟิงด้วยความดูถูก อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 แต่เข้าหุบเขาเทียนเสวียนเท่ากับรนหาที่ตาย
ไม่นานนักผู้คนก็ข้ามผ่านม่านแสง และเข้าสู่หุบเขาเทียนเสวียนอย่างเป็ทางการ เมื่อหันกลับไปมองก็จะพบว่าภาพนอกหุบเขาได้หายไปแล้ว นี่เป็ตัวพิสูจน์ว่าหุบเขาเทียนเสวียนตัดขาดจากโลกภายนอก ถูกม่านแสงนั่นปิดผนึก หาก้าออกไปก็มีเพียงทางเดียว นั่นคือผ่านหุบเขาไปยังอีกฟากหนึ่ง หรือใช้ยันต์เคลื่อนย้ายอย่างที่ผู้าุโคนนั้นบอกไว้
“เ้าขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 หวังว่าจะยืนหยัดได้นานนะ” เฟิงเฉียนกล่าวพลางเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนจะเดินเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขา บางทีในใจของเฟิงเฉียนอยากรีบตามหาหญ้าเทียนเสวียนโดยเร็ว เย่เฟิงเป็เพียงเศษสวะไร้ค่า เขาอยากฆ่าตอนไหนก็ย่อมได้
โจวมู่ไป๋ก็เหลือบมองมาที่เย่เฟิงเช่นเดียวกัน ก่อนจะเดินเข้าหุบเขาไปพร้อมกับซ่งซินหลิงและคนของเขา
ผลเทียนเสวียนและการทดสอบยั่วยวนโจวมู่ไป๋เป็อย่างมาก ดังนั้นเขาไม่อยากเสียเวลาไปกับเย่เฟิง
ตอนที่คนของตระกูลเฉินเดินผ่านเย่เฟิง หนานกงหลิงซวงปรายตามองเย่เฟิงด้วยความเย็นเยียบ บนเวทีประลองในการทดสอบวันนั้น เย่เฟิงทำให้นางต้องรู้สึกอับอายขายหน้า นางจะต้องเอาคืนเย่เฟิงให้หลายร้อยพันเท่า
เฉินอ้าวเทียนเหลือบมองเย่เฟิงแวบหนึ่งด้วยท่าทีเฉยชา แม้เย่เฟิงมีพลังที่ไม่เลว แต่ก็ไม่น่าสนใจพอที่จะเข้าตาเขาได้ เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 และปลุกิญญาาที่สองแล้ว ทั้งยังอยู่อันดับที่ 3 แห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน เกรงว่าเย่เฟิงไม่มีวันเทียบเคียงเขาได้
“ศิษย์พี่เราไปกันเถอะ ดูสิว่าเขาจะเอาตัวรอดจากพวกสัตว์อสูรได้ยังไง” มีเสียงเย้ยหยันดังมาจากด้านหลัง ซึ่งเป็เสียงของหญิงชุดเหลืองที่พูดจาดูถูกเย่เฟิงก่อนหน้านี้
“ศิษย์น้อง เรารีบไปจะดีกว่า” หญิงชุดขาวดึงมือหญิงชุดเหลืองเดินไปด้วยความรวดเร็ว เพราะว่าพวกนางมีเวลาไม่มาก
ทุกคนต่างรีบเข้าไปในหุบเขาด้วยความรวดเร็ว ครู่ต่อมาพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกตัวกันไป และยังไม่มีการปะทะใด ๆ เกิดขึ้น
เย่เฟิงทอดสายตามองเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขาเทียนเสวียน ที่นี่มีหมอกลงจาง ๆ และดูสลับซับซ้อน ทำให้ผู้คนคาดเดาอะไรไม่ได้ จากนั้นเย่เฟิงมุ่งหน้าไปยังส่วนลึก ไม่รู้ว่าผ่านมานานเพียงใด แต่จู่ ๆ มีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังมาจากที่ไกล ๆ ซ้ำยังเป็เสียงคำรามที่ดูกระหายเืมาก พลันมีปราณอสูรคละคลุ้งกลิ่นคาวเืลอยมาในอากาศ
“สัตว์อสูร!” เย่เฟิงขมวดคิ้ว เขาเพิ่งเข้าหุบเขามาได้ไม่นานก็มีสัตว์อสูรโผล่ออกมาแล้ว หากอยากผ่านการทดสอบนี้ไปให้ได้ก็ต้องผ่านพวกสัตว์อสูรและอุปสรรคนานัปการ ซึ่งเย่เฟิงก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล หลังจากที่เขาผ่านป่าทึบมาก็เป็พื้นที่โล่งกว้าง
มีหลายซากศพนอนเกลื่อนอยู่บนพื้นดินซึ่งเต็มไปด้วยเื และตายอย่างน่าอนาถ ดูเหมือนว่าจะเป็ศพของผู้เข้าร่วมการทดสอบ
สัตว์อสูรหมาป่าสามตนอยู่คนละที่ เืไหลออกจากปากพลางส่งเสียงคำราม หมาป่าหนึ่งในนั้นกำลังกัดกินศพของผู้เข้าทดสอบคนหนึ่ง เห็นชัดว่ากระหายเืมากเพียงใด เมื่อเย่เฟิงเห็นฉากนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ความกระหายเืของสัตว์อสูรไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะรับมือได้ง่าย ๆ
สัตว์อสูรสามตน แบ่งเป็ระดับแปด 2 ตน ส่วนอีกตนอยู่ระดับเก้า และศพหลายร่างที่อยู่บนพื้นก็เป็ตัวพิสูจน์พลังของสัตว์อสูรสามตนนี้เป็อย่างดี
“โฮก!” หมาป่าแผดเสียงคำราม ทันทีที่เย่เฟิงเดินมาพวกมันก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งโจมตีเย่เฟิงจากทิศที่ต่างกัน
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลันแสงกะพริบพร้อมหอกัเงินประกายปรากฏบนมือ เคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรภายในกายเองพลางมีพลังหอกรายล้อมกาย
“โฮก!” หมาป่าระดับแปดทางซ้ายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนกรงเล็บขนาดใหญ่จะตะปบเย่เฟิง ซึ่งกรงเล็บนี้ทรงพลังมาก มันสามารถฉีกกระชากร่างมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโพร้อมปล่อยหอกออกไปอย่างไม่ลังเล เสียงัดังคำราม รังสีหอกทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง
“ฟิ้ว” หอกทะลวงผ่านหว่างคิ้วของหมาป่าตนนั้นอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น เืเป็ต้องไหลทะลัก!
หมาป่าตนนั้นคำรามอย่างโหยหวน มันถูกเย่เฟิงฆ่าตายภายในหนึ่งหอก
“โฮก ๆ!” เมื่อเห็นสหายถูกฆ่า หมาป่าอีกสองตนก็แผดเสียงคำรามด้วยความโกรธ พวกมันะเิพลังพร้อมแยกเขี้ยวคมด้วยท่าทีกระหายเื
หมาป่าระดับแปดที่อยู่ทางขวาพลันพุ่งเข้าหาเย่เฟิง พร้อมปลดปล่อยพลังอสูรที่ราวกับกวาดล้างทุกอย่างได้
“พวกสัตว์ป่า ตายซะเถอะ!” แววตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ จากนั้นปล่อยหอกัเงินประกายที่อัดแน่นด้วยอำนาจหอกออกไป พร้อมด้วยพลังอันไร้เทียมทาน
“อั้ก!” มีเสียงโอดครวญดังขึ้นอีกครั้ง รังสีหอกที่สว่างไสวทะลวงผ่านร่างของหมาป่าตนนั้น จากนั้นพลังทำลายล้างอาละวาดภายในร่างหมาป่าอย่างบ้าคลั่ง อวัยวะภายในร่างกายของหมาป่าถูกทำลายจนตายอย่างน่าอนาถ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้