ศิลปะลายเส้นเดี่ยวลงสีแบบระนาบก็เริ่มมีขึ้นในสมัยรัชศกเจียจิ้งเช่นกัน
เครื่องเคลือบในสมัยนั้นมักจะใช้ศิลปะลายเส้นเดี่ยวลงสีแบบระนาบในการเขียนลวดลายซึ่งก็คือการเขียนลายเส้นเดี่ยวออกมา แล้วค่อยเติมสีครามลงไป ด้วยเหตุนี้เวลาลงสีมักจะเกิดเหตุการณ์สีล้นออกมาจากลายเส้น เมื่อถึงสมัยรัชศกว่านลี่ศิลปะการเขียนภาพก็ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ช่างฝีมือต่างพัฒนาศิลปะลายเส้นเดี่ยวลงสีแบบระนาบแบบเดิมขึ้นมาโดยการใช้เทคนิคการแบ่งสัดส่วนน้ำในการผสมสีครามเ่าั้ทำให้สีครามที่ได้นำมาเขียนภาพบุคคล ต้นไม้ใบหญ้าต่างๆเกิดเป็รูปร่างลักษณะที่มีมิติมากยิ่งขึ้น ทำให้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นและส่วนหนึ่งก็ได้ใช้เทคนิคจากการวาดภาพน้ำหมึกจีนที่แบ่งหมึกออกเป็ 5 สี คือ เข้ม อ่อน แห้ง ชื้น และดำเข้ามาประกอบทำให้สีครามที่เคยมีเพียงสีเดียวกลายเป็สีที่มีการไล่ระดับ มีสีเข้มสีอ่อนสวยงามเกิดเป็ภาพที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
เครื่องเคลือบในมือของหลินเยว่ชิ้นนี้ก็ใช้เทคนิคการแบ่งสัดส่วนน้ำได้อย่างสวยงามเป็ที่สุดเสื้อผ้าของบุคคลในภาพก็ถูกลงสีอย่างงดงามด้วยลายเส้นเดี่ยว เกิดภาพ “ชุดลายเส้นเดี่ยว”ที่เป็การลงเส้นอย่างอิสระอย่างแท้จริง และภายในนั้นก็มีส่วนที่ยับย่นเสื้อผ้าปลิวไสว ซึ่งเป็การเขียนภาพให้เกิดจินตนาการในระดับสูงสุดและดอกเหมยที่อยู่รอบๆ นั้นก็ใช้ศิลปะลายเส้นเดี่ยวลงสีแบบระนาบอย่างเห็นได้ชัดเป็การสะท้อนเครื่องเคลือบที่เป็ศิลปะการเขียนภาพใน่รอยต่อระหว่างรัชศกว่านลี่แห่งราชวงศ์ิตอนกลางไปจนถึงราชวงศ์ิตอนปลายได้เป็อย่างดี
เป็หลักฐานชั้นดีอีก 2 จุด!
หลินเยว่เกิดความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
หลักฐานทุกอย่างล้วนแสดงว่าชามเคลือบในมือของหลินเยว่เป็ชามเคลือบจากเตาเผาชาวบ้านในรัชศกว่านลี่ของแท้ยกเว้นประกายเคลือบที่ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาระบุได้อย่างชัดเจนแล้ว ส่วนอื่นๆกลับมีหลักฐานที่ชัดเจนยิ่งนัก
ของแท้!
หลินเยว่รู้สึกตกตะลึงกับข้อสรุปในการพิสูจน์ของตนจนถึงกับเกร็งไปทั้งร่างสีหน้าเกิดความตื่นเต้นเป็อย่างมาก
เขาพิสูจน์เครื่องเคลือบมา 7 ชิ้นแล้ว ในที่สุดเขาก็เจอของแท้!!!
ตอนนี้หลินเยว่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตนเองในขณะนี้ได้เลยมันมีทั้งความตื่นเต้นดีใจ และก็มีความผ่อนคลายสบายใจที่เกิดจากการทำภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็ความรู้สึกแบบไหนก็ตามแต่หลินเยว่สามารถัักับความสุขที่เกิดขึ้นเป็ความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อประสบความสำเร็จหลังจากที่ได้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดอย่างสุดกำลัง
หลินเยว่พยายามควบคุมความรู้สึกต่างๆของตัวเองให้กลับคืนไป เวลานี้เขายังไม่ควรนิ่งนอนใจ ยังเหลือเครื่องเคลือบอีก 3ชิ้น เขายังไม่รู้ว่าเครื่องเคลือบ 3ชิ้นที่เหลือมีลักษณะเป็อย่างไรหากยังมีเครื่องเคลือบที่มีลักษณะเฉพาะถูกต้องทุกประการเหมือนกับชามลายครามในรัชศกว่านลี่นี้ล่ะแล้วเขาควรจะทำอย่างไร?
ยอมฆ่าคนผิด 3 พันคนแต่ก็ไม่มีทางปล่อยผ่านไปสักคน!
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสำรวจเครื่องเคลือบ 3ชิ้นสุดท้ายให้ครบถ้วน!
สุดท้ายหากเขาไม่มั่นใจจริงๆเขายังจำเป็ต้องใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการสำรวจเครื่องเคลือบทั้งหมดอีกครั้งตอนนี้เวลาไม่พอแล้ว เขาจำเป็ต้องสำรวจให้เร็วที่สุด!
หลินเยว่รู้สึกว่าการพิสูจน์เครื่องเคลือบเมื่อสักครู่เขาใช้เวลาไปเกือบ5 นาทีตอนนี้เขาเหลือเวลาไม่ถึง 5 นาทีแล้ว
เมื่อหักเวลาในการเข้าสู่สภาวะจิตสงบนิ่ง 30วินาที......
และเวลาที่ใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการสำรวจเครื่องเคลือบที่ไม่มั่นใจอีก1 นาที......
เวลาน้อยเหลือเกิน!!!
ต้องเร็วยิ่งกว่าเดิม!!!
หลินเยว่สาวเท้าไปยังเบื้องหน้าของเครื่องเคลือบชิ้นที่7
เครื่องเคลือบชิ้นที่ 7 คือ เครื่องเคลือบสีเขียวอ่อนจากเตาเผาหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่ง
เครื่องเคลือบจากเตาเผาหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็ต้นแบบของการลอกเลียนแบบในสมัยต่อๆมาอยู่เป็จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน่รัชศกคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลง ใน 3ยุคสมัยนี้จะมีการลอกเลียนแบบมากที่สุด
หลินเยว่มองเครื่องเคลือบเบื้องหน้าของตนเอง เมื่อสังเกตภาพรวมแล้วน่าจะเป็ของเลียนแบบในสมัยรัชศกยงเจิ้งเพราะว่ามีเพียงสมัยรัชศกยงเจิ้งเท่านั้นที่ของลอกเลียนแบบจะสามารถทำได้เหมือนเครื่องเคลือบต้นแบบของราชวงศ์ซ่งได้เช่นนี้
นี่เป็เพียงการสรุปแบบกว้างๆหลินเยว่ยังไม่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่ามันเป็ของแท้หรือว่าของเลียนแบบและก็ยังไม่สามารถสรุปได้จริงๆ ว่าเป็ของเลียนแบบในสมัยรัชศกยงเจิ้งเขาจึงยังจำเป็ต้องสำรวจต่อไป
แจกันก้วนเอร่อ* เป็เครื่องเคลือบที่พบบ่อยที่สุดในสมัยราชวงศ์ซ่งแต่ของเลียนแบบในสมัยราชวงศ์ชิงจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และดูกลมป่องมากกว่าการทำสีเคลือบจะมีชั้นน้อยกว่าเตาเผาหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่งทำให้สีเคลือบดูค่อนข้างบาง และทำให้เห็นตรงปากแจกันเป็สีออกม่วงมากกว่าในสมัยราชวงศ์ซ่ง
แต่สีออกม่วงตรงปากแจกันนี้ไม่ได้เป็สีม่วงจริงๆแต่เป็เพราะสีเคลือบบางมากจนสะท้อนสีดำด้านในออกมา
หลินเยว่จึงตั้งใจเล็งจุดนี้เป็พิเศษเขาจึงสำรวจแจกันก้วนเอร่อเบื้องหน้าว่าตรงปากแจกันและปากช่องหูมีสภาพแบบนี้หรือไม่อันที่จริงสีม่วงที่สะท้อนออกมาไม่จำเป็ต้องอยู่ตรงส่วนปากแต่ส่วนไหนที่สีเคลือบบาง ส่วนนั้นก็จะสามารถสะท้อนสีดำของข้างในออกมาได้นั่นก็คือจะทำให้เห็นเป็สีออกม่วงนั่นเองเนื่องจากของเลียนแบบในสมัยราชวงศ์ชิงจะพยายามตั้งใจให้สีเคลือบตรงปากแจกันบางเพื่อแสดงลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบในราชวงศ์ซ่ง แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเพราะความจงใจนี้ปากม่วงของพวกเขาจึงจะสะท้อนสีดำที่มากกว่าของแท้ในสมัยราชวงศ์ซ่ง
หลินเยว่พยายามสังเกตที่ปากแจกันและปากช่องหูเขาพบว่ามีความดำมากกว่าเครื่องเคลือบปกติค่อนข้างมาก แต่ทว่ามันเป็เพียงหลักฐานทางความรู้สึกเท่านั้นเขาจึงจำเป็ต้องหาหลักฐานที่มีความหนักแน่นยิ่งกว่านี้
เครื่องเคลือบในสมัยราชวงศ์ซ่งของแท้และของปลอมมันแตกต่างกันตรงไหนนะ???
หลินเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นสมองของเขาเกิดประกายวาบขึ้น
อ้อ!ใช่แล้ว! ฟองอากาศ!
ของเลียนแบบในสมัยราชวงศ์ชิงจะมีฟองอากาศมาก และฟองอากาศจะมีการเรียงตัวค่อนข้างเป็ระเบียบส่วนของแท้ในสมัยราชวงศ์ซ่งจะไม่ค่อยมีฟองอากาศ หากจะมีก็จะเป็ฟองอากาศขนาดใหญ่
หลินเยว่ชะโงกหน้าเข้าไปมองสีเคลือบ้าของแจกันก้วนเอร่ออย่างละเอียดเขาพบว่าด้านในมีฟองอากาศเป็จำนวนมาก และมีความเป็ระเบียบสม่ำเสมอ
ดังนั้น เขาจึงมั่นใจว่านี่คือของเลียนแบบในยุคหลังอย่างไม่ต้องสงสัย!
ส่วนจะเป็ของเลียนแบบในสมัยรัชศกยงเจิ้งหรือไม่นั้นยังจำเป็ต้องทำการพิสูจน์ต่อไปแต่ทว่าตอนนี้เขาก็บรรลุผลการพิสูจน์เครื่องเคลือบชิ้นนี้แล้ว
ชิ้นถัดไป!
หลินเยว่สาวเท้ายาวๆเข้าไปหาเครื่องเคลือบชิ้นที่ 8 ทันที
เครื่องเคลือบชิ้นที่8 คือ รูปปั้นเคลือบเ้าแม่กวนอิมสีขาว
น่าจะเป็ของจากเตาเผาเต๋อฮั่ว
หลินเยว่แอบตัดสินอยู่ในใจ เพราะมีเพียงเตาเผาเต๋อฮั่วเท่านั้นถึงจะสามารถเผารูปปั้นเคลือบที่มีสีขาวเช่นนี้รูปปั้นเคลือบสีขาวเป็ลักษณะเด่นของเตาเผาเต๋อฮั่วอย่างหนึ่ง อีกทั้งเตาเผาแห่งนี้มักจะเผารูปปั้นเ้าแม่กวนอิมหรือรูปปั้นปรมาจารย์ตั๊กม้อเป็ส่วนใหญ่
เตาเผาเต๋อฮั่วมีความรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานจนกระทั่งถึงประวัติศาสตร์ยุคใกล้ (ค.ศ. 1840 - 1949) เตาเผาแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ อีกทั้งเครื่องเคลือบสีขาวก็ยังคงถูกผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดตอนหลินเยว่ไม่กล้าสรุปว่ารูปปั้นชิ้นนี้ถูกทำขึ้นในยุคสมัยไหนกันแน่แต่เขามีความรู้สึกว่าน่าจะเป็่ราชวงศ์ชิง
แต่ทว่าหลินเยว่ก็รู้ตัวว่าตนเองเข้าใจผิดอย่างรวดเร็วเพราะว่าป้ายที่ติดอยู่ด้านข้างเขียนไว้ว่า “เตาเผาเต๋อฮั่วในสมัยราชวงศ์ิ”และป้ายนี้มีเพื่อให้ผู้ที่ทำการพิสูจน์เครื่องเคลือบได้พิสูจน์อย่างมีแนวทางมากขึ้นจะได้เริ่มพิสูจน์ตามยุคสมัยที่ระบุมิฉะนั้นแล้วก็แทบจะไม่มีทางตัดสินได้ว่ารูปปั้นชิ้นนี้เป็ของแท้หรือของปลอม
เตาเผาเต๋อฮั่วในสมัยราชวงศ์ิ?
หลินเยว่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะการตัดสินของเขาผิดพลาดอย่างนั้นหรือ? มุมปากของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มเจื่อนๆ
สำหรับเตาเผาเต๋อฮั่วแล้วหลินเยว่ไม่ค่อยมีข้อมูลมากนักเนื่องจากเตาเผาแห่งนี้เป็ส่วนที่ท่านเฮ่อฉางเหอเพิ่งอธิบายใน่สุดท้ายก่อนทำการแข่งขันนี้เองตอนนั้นเป็การอธิบายอย่างรีบๆ ร้อนๆ ทำให้มีอยู่หลายๆ ส่วนที่ไม่มีการพูดถึง ใครจะคาดคิดว่าวันนี้กลับมีเครื่องเคลือบสีขาว
ดูแล้ว ดวงของเขาก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไรถึงได้พบกับเครื่องเคลือบที่ตนเองไม่ค่อยคุ้นเคย
หลินเยว่ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาเขาทำได้เพียงพยายามคิดถึงข้อมูลที่อาจารย์ของตนพูดถึงเมื่อวานนี้แล้วก็หลับหูหลับตาพิสูจน์เครื่องเคลือบสีขาวเบื้องหน้าของตน
หลินเยว่เริ่มจากการสังเกตภาพรวมของรูปปั้นเ้าแม่กวนอิมสีเคลือบทั้งหมดเป็เนื้อเดียว ส่วนใบหน้าถูกทำออกมาอย่างประณีตมากมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เกิดเป็ภาพรอยยิ้มอ่อนๆส่วนชุดมีรอยย่นเป็รอยลึกแต่ดูสะอาดหมดจดซึ่งเป็การสะท้อนบุคลิกของเ้าแม่กวนอิมได้เป็อย่างดี
เ้าแม่กวนอิมสีขาวล้วนทำให้เกิดความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างหนึ่งเกิดเป็ความเย็นสบายราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังพัดผ่านเบาๆ อีกทั้งสีขาวของทั้งตัวเคลือบและสีเคลือบทำให้ดูมีความสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิมทำให้ผู้ที่มองรู้สึกเคารพและศรัทธาเป็อย่างยิ่ง จนทำให้ไม่กล้าล้อเล่นแต่อย่างใด
สงบนิ่ง!
รูปปั้นเ้าแม่กวนอิมให้ความรู้สึกสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก!
หลินเยว่ถึงกับรำพึงออกมา ช่างปั้นผู้นี้จะต้องมีฝีมือล้ำเลิศขนาดไหนถึงสามารถปั้นเครื่องเคลือบชิ้นนี้ได้สวยงามบริสุทธิ์เช่นนี้!
ฝีมือของคนในยุคปัจจุบันไม่สามารถเทียบเคียงกับฝีมือของคนโบราณได้เลย!
หลินเยว่รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามารำพึงรำพันกับเื่พวกนี้เขาจำเป็ต้องสังเกตสีเคลือบและตัวรูปปั้นของเ้าแม่กวนอิมชิ้นนี้ต่อไปตัวรูปปั้นมีความละเอียด การสะท้อนแสงดีมาก สีเคลือบเป็สีขาวบริสุทธิ์มีความมันวาวสวยกระจ่าง ภายใต้แสงสว่างที่สะท้อนออกมาตัวสีเคลือบมีสีครามปรากฏขึ้นเล็กน้อย
สีขาวสะท้อนสีคราม นี่ก็เหมือนกับรายละเอียดที่อาจารย์ของเขาได้พูดไว้
หลินเยว่ััความมันวาวของสีเคลือบอีกครั้ง
เป็สีที่นุ่มนวลไม่แสบตา
ประกายของมันไม่ได้เป็ความมันวาวที่ให้ความรู้สึกแสบตาเหมือนของปลอมเลย
* แจกันก้วนเอร่อ (贯耳瓶) เป็แจกันที่มีหู2 ข้าง โดยหูแจกันจะมีลักษณะเป็รูปทรงกระบอกกลวงติดอยู่ในแนวตั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้