พลันมีเสียงฝีเท้าแ่เบาดึงดูดความสนใจของซูเฟยซื่อ เพียงเห็นประตูถูกแง้มเปิดช่องหนึ่งน้อยๆ ทว่าซีอ๋องก็ไม่ได้เชื่องช้า รู้สึกทันทีว่ามีใครบางคนอยู่นอกประตู ถลาร่างเหินคราเดียวก็ใช้แรงลากคนเข้ามาแล้ว
เดิมซูเฟยซื่อคิดว่าคนที่มาจะเป็สายลับของซูจิ้งโหยว ไม่คิดว่าที่ถูกดึงเข้ามากลับเป็ซูจิ้งเซียง ใบหน้าของนางปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
ซีอ๋องถูกยาปลุกกำหนัดรมมาสักพักจนยากจะทานทน ตอนนี้ได้เห็นซูจิ้งเซียง ก็แทบเหมือนเพลิงกองใหญ่กระแสหนึ่งที่พร้อมละลายเกล็ดน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขารีบกอดรัดนางไว้แน่น “สาวงามๆ”
“อ๊า เ้าเป็ใคร รีบปล่อยข้านะ ซูเฟยซื่อนังสารเลวคนนั้นล่ะ อ่า ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย” ซูจิ้งเซียงดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต แต่ทั้งนี้เพราะเป็เพียงหญิงคนหนึ่ง ไหนเลยจะสู้ซีอ๋องได้ ไม่ช้าก็ถูกทับล้มลงไปแล้ว
“ช่วยด้วย ช่วยชีวิตข้าด้วย” เสียงร้องของซูจิ้งเซียงยิ่งแ่ลง ขณะเดียวกันเสื้อผ้าบนร่างยิ่งน้อยลงตามไป
ซูเฟยซื่อไม่ได้คิดจะช่วยนาง ทว่ากลับเปลี่ยนเป็ท่าทางสบายๆ เตรียมชมละคร ถ้าไม่เดาผิด ซูจิ้งเซียงปรากฏตัวที่นี่ ต้องเป็การจัดฉากของซูจิ้งโหยว
ซูจิ้งโหยวคิดใช้ซูจิ้งเซียงจับชู้ คาดไม่ถึงว่าชู้นี้ไม่ได้จับ ทว่ากลับโดนตนเองเข้าเสียแล้ว
ยาปลุกกำหนัดที่ซูจิ้งโหยวใช้มีประสิทธิภาพร้ายกาจจริงๆ ไม่นาน ซูจิ้งเซียงกับซีอ๋องต่างได้จมจ่อมอยู่ในห้วงความปรารถนา กระทั่งเสียงอึกทึกที่นอกประตูก็ไม่ได้ยิน
ซูเฟยซื่อรีบะโออกจากหน้าต่างไป เดินอยู่ท้ายแถวของฝูงชน ทว่าเป็นางแซ่หลี่กับซูจิ้งโหยวที่เดินนำหน้ากลุ่มคนมาจับชู้
นางกำนัลน้อยคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ซูจิ้งโหยวพลันชี้ไปที่ประตู “พระสนมเพคะ เป็ที่นี่ บ่าวเห็นกับตาว่าหนึ่งชายหนึ่งหญิงมาหลบซ่อน บ่าวกลัวว่าพวกเขาจะทำเื่ที่มิถูกมิควร นำความอัปยศมาสู่เกียรติยศของฝ่าา จึงรีบมารายงานพระสนมเพคะ”
ซูจิ้งโหยวส่งเสียงเ็าในลำคอ “ทหาร ผลักประตูออก”
“พ่ะย่ะค่ะ” ข้าราชบริพารในพระตำหนักก้าวไปข้างหน้า ถีบเปิดประตูห้อง ในห้องสองคนที่เปลือยกายล่อนจ้อนเปิดเผยต่อหน้าทุกคน
“โอ้!”
ฝูงชนโห่ร้องอย่างใ พลันเสียงซุบซิบดังขึ้นในตำหนักเย็นไม่หยุดหย่อน
แต่ซูจิ้งโหยวกับนางแซ่หลี่ได้เห็นฉากนี้ก็ยิ่งภูมิใจ ในที่สุดก็ได้ล้ม “ซูเฟยซื่อ” แล้ว คราวนี้พวกนางอยากรู้นักว่า “ซูเฟยซื่อ” จะพลิกเปลี่ยนสถานการณ์อย่างไร
ซูจิ้งโหยวตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งร่าง “ไม่คิดว่าในวังหลังถึงกับมีเื่น่ารังเกียจแบบนี้ ทหาร แยกพวกเขาสองคนออกจากกัน ให้เราได้รู้ว่าที่แท้เป็ใคร”
สิ้นคำสั่งของซูจิ้งโหยว ข้าราชบริพารในพระตำหนักก้าวไปข้างหน้าทันที คิดแยกซูจิ้งเซียงกับซีอ๋องออกจากกัน ทว่าเพราะซูจิ้งเซียงถูกยาปลุกกำหนัดลึกเกินไป จนแม้แต่สติปัญญาก็เลอะเลือนสับสน มือทั้งสองข้างจับซีอ๋องไว้แน่น ปากพึมพำไม่หยุด “รู้สึกดีเหลือเกิน ข้าขออีกรอบ ขออีกรอบ...”
วาจาไร้ยางอายเมื่อครู่ถึงกับทำให้ใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในที่เกิดเหตุแดงก่ำไปด้วยความอับอาย อดไม่ได้ที่จะนึกก่นด่านางสารเลวโสโครกผู้นี้ในใจ
ผลลัพธ์นี้นับว่าดีกว่าที่ซูจิ้งโหยวคิดไว้มากนัก นางเพียงส่งข้าราชบริพารในพระตำหนักไม่กี่คนเข้าไป ทุกคนต้องเห็นใบหน้าของ “ซูเฟยซื่อ” ให้เต็มตา
“อย่า พวกเ้าจะทำอะไร อย่าแยกเราสองคนออกจากกัน” ซูจิ้งเซียงโวยวายอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็มิอาจต้านข้าราชบริพารในพระตำหนักสิบกว่าคนได้ ถูกฝืนลากออกมาแล้ว
ซูจิ้งโหยวยกมือขึ้นคิดตบ “ซูเฟยซื่อ” สักหลายฉาด เพื่อแก้แค้นที่ซูเฟยซื่อตบซูจิ้งเถียนในพิธีชุมนุมแข่งม้า แต่เพิ่งง้างมือขึ้นก็ชะงักไปเสียแล้ว
ราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ แข็งทื่อจากใต้ฝ่าเท้าจรดกระหม่อม
นางแซ่หลี่เห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง รีบก้าวมาข้างหน้ากระซิบถาม “เป็อะไรเล่า?”
“ท่านแม่...” น้ำเสียงของซูจิ้งโหยวแฝงไว้ด้วยความสับสนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แทบจะปล่อยโฮออกมา
นางแซ่หลี่ได้ยินเสียงแบบนี้ก็ยิ่งกลัว มองตามสายตาของนางไปโดยด่วน มองครานี้แซ่หลี่เกือบจะควักตาของตนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
นี่... นี่ไหนเลยเป็ซูเฟยซื่อ เป็ซูจิ้งเซียงชัดๆ!
จบกัน... จบกันแล้ว แม้ซูจิ้งเซียงจะไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของนาง แล้วยังเป็หมากที่ดีตัวหนึ่งซึ่งนางเลี้ยงดูมากับมือ ทว่าหมากตัวนี้กลับถูกทำลายโดยมือของนางเอง จะให้นางยอมแพ้ได้อย่างไร?
แล้วซูเฟยซื่อเล่า? คนที่เปลือยเปล่าล่อนจ้อนนอนอยู่ที่นี่ไม่ควรเป็นางหรอกหรือ?
มองท่าทางของซูจิ้งโหยวกับนางแซ่หลี่ที่ทั้งสับสนทั้งปวดใจ ซูเฟยซื่อก็แทบอยากหัวเราะออกมา เพียงแต่น่าเสียดายวันนี้ที่เกิดเหตุเป็ซูจิ้งเซียง ถ้าเปลี่ยนเป็ซูจิ้งเถียนแล้ว นางก็อยากเห็นเหลือเกินว่าพวกนางจะตอบสนองอย่างไร
ทำร้ายคนกลับทำร้ายตนเอง ฝีมือต่ำทรามแบบนี้ ใช้บนร่างพวกนางถึงจะเหมาะสมที่สุด ถึงเวลานี้นางก็ควรปรากฏตัวเสียที คิดเสร็จ ซูเฟยซื่อแสร้งเป็ตื่นใวิ่งออกมาจากด้านหลังฝูงชน “แม่ใหญ่ พี่ใหญ่ เกิดเื่อะไรขึ้นที่นี่? ทำไมคนมากมายเช่นนี้?”
นางแซ่หลี่เกือบจะกรีดร้อง “เ้า... เฟยซื่อ เ้าไปไหนมา?”
“ข้ารู้สึกปวดท้องเล็กน้อยจึงไปห้องน้ำมา ท้ายที่สุดหาตั้งนานก็หาไม่พบ นี่เพิ่งออกมาเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
ไปห้องน้ำ ไม่คิดว่าให้ซูเฟยซื่อรอดพ้นวิบัติไปแล้วอีกครั้ง
ตอนนี้ได้เห็นซูเฟยซื่อ ยังเป็ซูเฟยซื่อที่สมบูรณ์ไร้ที่ติคนหนึ่งเหมือนเดิม ตาทั้งคู่ของซูจิ้งโหยวกับนางแซ่หลี่แทบจะพ่นไฟได้ แต่ถูกขัดด้วยฝูงชนขนาดใหญ่ มิอาจอาละวาดได้
ความโกรธโจมตีหัวใจของซูจิ้งโหยวได้แต่ระบายโทสะทั้งหมดไปบนร่างซูจิ้งเซียง ยกมือขึ้นก็ตบนางอย่างรุนแรงไปหลายฉาด “นังสารเลว”
“เอ๋? นี่ไม่ใช่พี่รองหรือ? ทำไมพี่รองไม่ใส่เสื้อผ้านอนอยู่ที่นี่ นี่...” ซูเฟยซื่อจงใจส่งเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนได้ยิน
อะไร? นี่หญิงสาวที่ไร้ยางอายถึงกับเป็ซูจิ้งเซียงคุณหนูรองของจวนอัครมหาเสนาบดี? น้องรองของพระสนมโหยว?
คราวนี้มีละครสนุกให้ดูกันแล้ว พี่สาวจับน้องสาวที่เป็ชู้ ไม่รู้ว่าพระสนมโหยวจะจัดการอย่างไร
กระแสนินทาดังขึ้นไม่ขาดสาย ฟังจนซูจิ้งโหยวแทบกระอักเืเป็ลม
แต่ซูจิ้งเซียงที่ถูกตบหน้าไปหลายครา เหมือนตื่นตัวได้สติเล็กน้อยแล้ว นางััเสื้อผ้าของตนโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าไม่ได้ััถูกอะไรทั้งสิ้น มองไปข้างหน้า ทุกคนต่างมองตนเองด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ทั้งยังสีหน้าโกรธจัดของซูจิ้งโหยวกับนางแซ่หลี่ นี่...
เกิดเื่อะไรขึ้นแล้ว? นางจำได้ว่ามาที่ตำหนักเย็นเพื่อดูซูเฟยซื่อถูกคนเป็มลทิน แต่เพิ่งผลักประตูเปิด ก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งลากเข้าไป หลังจากนั้น...
“อ้า!” ดูเหมือนซูจิ้งเซียงจะจำทุกอย่างได้แล้ว ก็กรีดร้องเสียงแหลมอย่างบ้าคลั่ง “เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้ ไม่... ข้าไม่เชื่อ”
นางกอดต้นขาของซูจิ้งโหยวไว้ราวกับหาที่ยึดเหนี่ยว กล่าวพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วย ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ถูกคนเป็มลทิน ข้ายังบริสุทธิ์”
ซูจิ้งโหยวถีบนางออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ มีน้องสาวแบบนี้แทบเป็ความอัปยศของนาง “ทหาร เอานางลงไปรอฟังอาญา”
ซูจิ้งเซียงไหนเลยจะคิดว่าซูจิ้งโหยวไร้น้ำใจแบบนี้ คำพูดเดียวทำลายความหวังทั้งหมดของนางพังพินาศสิ้น ความบริสุทธิ์ไม่มีแล้ว เกียรติไม่เหลือหลอ ตอนนี้กระทั่งญาติต่างไม่ช่วยนาง แล้วนางจะยังเหลืออะไรอีกเล่า?