“ท่านพี่พูดเพ้อเจ้ออะไรกัน!” ตอนนี้หลิววั่งกุ้ยถูกความโกรธเข้าครอบงำจิตใจ เพราะตนเองถูกพี่ชายสวมหมวกเขียว [1] ให้ ด้วยความโกรธจัดเขาจึงพุ่งเข้าไปกระชากตัวหลิวเหรินกุ้ยลงจากเตียง แล้วกล่าวอย่างเดือดดาล “ท่านพี่ว่าอะไรนะ พี่รอง ท่านกำลังทำอะไร?”
หลิววั่งกุ้ยยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เมื่อความโกรธพุ่งทะยานถึงที่สุดจึงผลักหลิวเหรินกุ้ยที่ยังยืนไม่มั่นคงไปกระแทกกับมุมของโต๊ะแต่งหน้าข้างเตียงพอดี หลิวเหรินกุ้ยเ็ปจนหน้าซีดและเหงื่อซึมหน้าผาก
“พี่รอง มโนธรรมของท่านถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ ท่านพี่ถึงได้หน้าไม่อายแย่งคนของข้าเช่นนี้”
หลิวเหรินกุ้ยเองเดิมทีก็ละอายใจ แต่เมื่อถูกหลิววั่งกุ้ยทั้งผลักแล้วยังด่าทอเขาเช่นนี้ จึงมีความเคียดแค้นใจที่น้องชายตนเองมีตาหามีแววไม่ ถึงขั้นลงมืออย่างไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เยี่ยงนี้ เดาว่าแผ่นหลังของตนคงมีรอยช้ำเป็วงกว้าง
หลิวเหรินกุ้ยสูดหายใจหลายครั้งแล้วกัดฟันเอ่ย “ฮึ ข้าว่าเ้าต่างหากที่โเี้ อะไรคือคนของเ้ากัน ชุ่ยหลิวเป็คนใช้ของท่านแม่ ข้าชอบแล้วอย่างไร อย่างมากก็ให้นางเป็อนุ”
“ท่านพูดเื่ไร้สาระ ท่านต้องคิดร้ายอยู่แล้วแน่ๆ” เสียงของหลิววั่งกุ้ยทั้งดังและร้อนรน
เดิมทีหลิวเหรินกุ้ย้าพูดคุยกับมารดาในวันนี้ แล้วค่อยบอกกล่าวกับหลิวซุนซื่อภรรยาของตน ใครจะรู้ว่าหลิววั่งกุ้ยไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังะโป่าวร้องเช่นนี้
“น้องสี่ พอได้แล้ว ข้ากับชุ่ยหลิวมีอะไรกัน แล้วเ้าจะทำอะไรได้? ถึงอย่างไรก็เป็สาวใช้ของท่านแม่”
ไม่ใช่สาวใช้ของเ้าสักหน่อย บ้าจริง!
หลิววั่งกุ้ยได้ยินดังนั้นก็ยิ่งอารมณ์ร้อน เขาทำใจเสียชุ่ยหลิวไปไม่ได้ เมื่อหันไปเห็นนางกำลังห่มผ้าอย่างน่าสงสารจับใจ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนดุจหยก และตัวสั่นอยู่บนเตียง เขาก้าวเท้าไปข้างหน้านึกอยากปลอบขวัญชุ่ยหลิว บอกกับนางว่าไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัว เกิดเื่ใหญ่แบบนี้เขาจะต้องช่วยนางแน่
แต่หลิวเหรินกุ้ยที่ได้ลิ้มรสหวานฉ่ำทั้งคืน เมื่อเห็นท่าทีของหลิววั่งกุ้ยก็เดือดขึ้นมาทันใด “หลิววั่งกุ้ย เ้ากล้าหรือ?”
นั่นคือผู้หญิงของเขา!
หลิวเหรินกุ้ยสวมกางเกงขาสั้น ไม่ทันได้สนใจเื่ความหนาวเย็นแล้วพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของหลิววั่งกุ้ย จากนั้นออกแรงกระชากเขาลงมา
หลิววั่งกุ้ยหันหลังกลับและชกเข้าที่จมูกของหลิวเหรินกุ้ย ทำเอาหลิวเหรินกุ้ยเจ็บจนน้ำหูน้ำตาไหล
เจ็บก็ส่วนเจ็บ แต่เขาก็โต้ตอบกลับอย่างทันท่วงที ปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้าของหลิววั่งกุ้ย สองพี่น้องทั้งด่าและวิวาทกันในห้อง จนสร้างความตื่นใให้กับคนอื่นๆ
หลิวฉีซื่อเรียกชุ่ยหลิวจากในห้องอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ส่วนหลิวต้าฟู่ก็ตอบด้วยท่าทางสะลึมสะลือ “เ้าะโหาผีหรือ รุ่งเช้าแบบนี้จะไม่ให้คนได้หลับได้นอนเลยหรือ ไม่ได้ยินหรือว่าลูกชายทั้งสองทะเลาะกันจากในห้องเอ๋อร์ฝาง”
หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็ตั้งใจฟัง ได้ยินเพียงเสียงด่าของหลิวเหรินกุ้ย แล้วก็เสียงกรีดร้องของหลิวซุนซื่อ นางนึกดีใจ ฮึ ใครใช้ให้เ้าไม่เชื่อฟัง กล้าชักนำให้ลูกชายนางเสียคน ตอนนี้รอคอยผลลัพธ์เถิด
หลิวต้าฟู่เห็นนางลุกขึ้นแล้วกลับไปนอนลงตามเดิม จึงถามว่า “เหตุใดเ้าถึงนอนอีก?”
หลิวฉีซื่อตอบว่า “ลูกหลานก็มีบุญวาสนาของเขาเอง หญิงชราอย่างข้าปีใหม่ทั้งที ไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายอะไร ถึงอย่างไรวันนี้ก็มีลูกสะใภ้สองคนช่วยทำกับข้าว ข้าขอนอนี้เีหน่อยเถิด”
หลิวต้าฟู่กล่าวว่า “ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กเราด้วย ไม่ได้ ข้าต้องลุกไปดู!”
“เ้าว่าอะไรนะ? วั่งกุ้ยก็อยู่ในห้องนั้นหรือ? เ้าได้ยินไม่ผิดแน่นะ?” หลิวฉีซื่อกุลีกุจอลุกขึ้นมา
เป็ไปได้หรือไม่ว่าบุตรชายคนที่สี่ของนางจะเข้าห้องผิดเมื่อคืนนี้? แล้วมีอะไรกับชุ่ยหลิวจนกลายเป็คนของเขาไปแล้ว?
มีอะไรกันก็ไม่เห็นเป็ไร อย่างมาก ปีนี้นางไปที่จวนตระกูลหวง ค่อยไปเรียนขอสาวใช้อายุกำลังดีกับฮูหยินใหญ่หวงอีกสักคน ขอเพียงหน้าตาดีกว่าชุ่ยหลิว เห็นที บุตรชายคนรองของนางคงไม่มีทางไม่พอใจ
ห้องข้างๆ มีเสียงทะเลาะกันของหลิวเหรินกุ้ยกับหลิววั่งกุ้ย และยังมีเสียงร้องไห้ด่าทอของหลิวซุนซื่อ คราวนี้หลิวฉีซื่อหลับไม่ลง รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติชอบกล
“ท่านแม่ๆ รีบลุกเร็วเข้า น้องรองกับน้องสี่ตีกันแล้ว ลูกแยกพวกเขาไม่ออก ท่านแม่ พวกเขาสองคนเชื่อฟังท่านแม่ที่สุด ท่านรีบลุกไปดูเร็วเถิด”
หลิวสี่กุ้ยอยู่ที่ประตูห้องเอ๋อร์ฝางด้านทิศตะวันออก กำลังยืนดูความวุ่นวายกับภรรยาหลิวหลี่ซื่อ จวบจนได้ยินเสียงไอของหลิวต้าฟู่ จึงเปิดทางให้แล้วกระเตงวิ่งมาะโเรียกหลิวฉีซื่อที่ใต้หน้าต่างห้องตะวันออก
คราวนี้หลิวฉีซื่อลุกพรวดขึ้นมาแล้วถามย้ำ “เหตุใดถึงทะเลาะจนตีกันได้?”
“ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เห็นน้องรองสวมกางเกงขาสั้นตัวใหญ่และทะเลาะกับน้องสี่ ลูกห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ น้องสะใภ้รองก็ร้องไห้และอาละวาด แล้วทุบตีพร้อมกับน้องสี่ด้วย”
หลิวสี่กุ้ยดูฉากสนุกจึงไม่รังเกียจหากทุกอย่างจะเลวร้ายลงกว่าเดิม จึงหาเื่ผลักหลิวซุนซื่อเข้าไปในหลุมด้วย
อะไรนะ?
นี่มันอะไรเกิดขึ้น?
หลิวฉีซื่อมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี!
นางรีบแต่งตัวแล้ววิ่งไปห้องเอ๋อร์ฝางทิศตะวันออก ขณะนี้หลิวต้าฟู่ก็ยืนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่นอกประตูห้อง หลิวเหรินกุ้ยใส่เสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย สองพี่น้องยืนอยู่คนละมุมใต้ชายคา ซึ่งใบหน้าของทั้งสองนั้นบวมเป่ง…
หลิวฉีซื่อรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้านั้นมืดบอด จุกในอกอย่างรุนแรง
เมื่อหลิวต้าฟู่เห็นหลิวฉีซื่อมา เขาเหลือบมองนางอย่างเ็าและกล่าวว่า “เฮอะๆ น่าอายนัก สองพี่น้องทะเลาะกันเพราะผู้หญิงคนเดียว”
ทันใดนั้นหลิวฉีซื่อก็รู้สึกว่าหลิวต้าฟู่แตกต่างจากเมื่อก่อน นางแอบสังเกตเขาอย่างละเอียด ไม่ผิดแน่ สายตานั้นคือความผิดหวังอย่างหนัก
“ก็แค่สาวใช้คนเดียว พวกเ้าสองคนเก่งกาจเหลือเกิน”
ทันทีที่หลิวฉีซื่อพูดออกมา หลิวต้าฟู่อดไม่ได้ที่จะกลอกตา ไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนนี้จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดอยากออกไปจากบ้านหลังนี้และไปอาศัยกับบุตรชายคนที่สาม แต่พอคิดว่าเฉินซื่อก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาย้ายออกไปตอนนี้คงไม่สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายกับบุตรสาวคนเล็กก็ยังไม่แต่งงาน
หลิวต้าฟู่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยมุมสี่สิบห้าองศา จากนั้นก็ถอนหายใจเต็มแรง คงทำได้เพียงเท่านี้ไปก่อน
จากนั้นจึงให้หลิวจื้อไฉไปตามหลิวซานกุ้ยมาปรึกษาหารือ
หลิวซานกุ้ยยกมือขึ้นลูบศีรษะ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโชคดีที่ตนเองไม่ได้เข้าตามารดา มิฉะนั้นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอาจมีเขาเพิ่มเข้าไปอีกคนก็ได้…
“ท่านพ่อ นี่เป็เื่ส่วนตัวของพี่รองกับน้องสี่ ข้า...”
หลิวซานกุ้ยไม่้าเอาตนเองเข้าไปกวนในน้ำโคลนนี้ เพียงแต่ว่าหลิวต้าฟู่ให้หลานไปเรียกเขามา จะไม่แสดงท่าทีอันใดก็ไม่ได้
“ข้ารู้ว่าเื่นี้น่าอับอายเกินไป ไม่เป็ไร เื่ราวน่าขายหน้าของตระกูลหลิวไม่ได้มีแค่ครั้งนี้” คำพูดของหลิวต้าฟู่ชัดเจนตรงไปตรงมา หากว่าหลิวฉีซื่อไม่คอยก่อเื่สร้างปัญหา ตระกูลหลิวของเขาคงไม่อับอายขายขี้หน้าจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้
“วันขึ้นปีใหม่ไปเรียกเ้ามา ตั้งใจอยากให้พวกเ้ามากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เมื่อวานในบ้านยุ่งวุ่นวาย บอกให้เ้ามา เ้าก็คงไม่มา วันรุ่งขึ้นเป็วันสรงสาม ข้าจะไป ได้ยินว่าเ้าเด็กสองคนแข็งแรงมากนี่”
เมื่อพูดถึงบุตรชายสองคนของเขา สีหน้าของหลิวซานกุ้ยนั้นลังเลสับสน จะว่าไม่ดีใจเลยก็คงเป็เื่โกหก การมีบุตรชายนั้นเท่ากับว่าครอบครัวฝั่งเขามีคนสืบสกุลแล้ว ต่อไปใครก็ไม่อาจบอกได้ว่าครอบครัวเขานั้นจบสิ้นสกุล
แต่หากจะบอกว่ามีความสุข...
เมื่อนึกถึงวันที่ตนเองต้องกังวลใจไปจนถึงวันเข้าโลง ก็อยากร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตา พวกตาบอดไม่ยอมเห็นข้อดีของการมีบุตรสาว!
“อ๋อ รับทราบ วันรุ่งขึ้นท่านพ่อไปถึงเราค่อยดื่มด้วยกัน”
สองพ่อลูกวางแผนเื่พรุ่งนี้ราวกับว่าไม่มีใครนั่งอยู่ข้างๆ ทำให้หลิววั่งกุ้ยที่อยู่ด้วยไม่พอใจ แล้วจ้องเขม็งไปที่หลิวซานกุ้ย จากนั้นหันไปทางหลิวฉีซื่อแล้วะโเรียก “ท่านแม่”
หลิวฉีซื่อใกับการเรียกของเขา ชีวิตมั่งมีศรีสุขในครึ่งหลังของนาง ล้วนต้องพึ่งพาบุตรชายคนเล็กคนนี้ จึงรีบขัดความสุขของหลิวต้าฟู่กับหลิวซานกุ้ย แล้วเอ่ย “ต้าฟู่ เ้าว่าเื่นี้…”
นางไม่้าเป็คนชั่วร้ายที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับบุตรชายคนเล็ก
หลิวต้าฟู่ช้อนเปลือกตาขึ้น แล้วกวาดตามองคนในห้อง รู้สึกว่าหลิวฉีซื่อไม่ควรกลับมาที่บ้านเดิม กลับมาทีไรไม่เคยสงบสุข
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ คนฉลาดคงมองออกว่าต้นเื่นั้นอยู่ที่ชุ่ยหลิว
“มิฉะนั้น ก็ให้เงินชุ่ยหลิวและปล่อยนางไป สองพี่น้องเกิดเื่กันบานปลายเช่นนี้ น่าเกลียดเกินไปจริงๆ”
หลิวต้าฟู่คิดได้กระจ่าง ขอเพียงชุ่ยหลิวจากไป ไม่นานสองพี่น้องคงไม่มีทางเกี่ยวพันกับผู้หญิงคนนี้อีก และไม่ทำลายความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาจึงเอ่ยเสริมอีกว่า “พี่น้องเปรียบดั่งกำลังสำคัญ สตรีเปรียบดั่งเสื้อผ้า!”
ผู้หญิงทุกคนในห้อง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างมองเขาอย่างแปลกประหลาด
“เอ่อ ความหมายของข้าคือชุ่ยหลิวมีเพียงคนเดียว ไม่พอแบ่งให้สองพี่น้อง” เขาในฐานะผู้าุโ คงไม่อาจบอกให้สองพี่น้องใช้ผู้หญิงคนเดียวกัน ครอบครัวเขาไม่ได้ยากจนถึงขั้นไม่มีข้าวกิน แล้วยังต้องให้พี่น้องใช้ภรรยาด้วยกัน
หลิวฉีซื่อโกรธจนเกือบล้มหงายหลัง นางไม่ควรเอ่ยปากถามเขา ไม่ได้เื่แม้แต่นิดเดียว
“ชุ่ยหลิวก็เป็คนยากจน พ่อและแม่ก็เสียแล้ว มีเพียงญาติห่างๆ ในจวนตระกูลหวง ทั้งยังไม่สนิทชิดเชื้อกัน หากว่าปล่อยนางไป หญิงสาวคนเดียว จะให้นางมีชีวิตอยู่อย่างไรกัน?”
ยิ่งไปกว่านั้น หลิวฉีซื่อไม่ได้โง่ ชุ่ยหลิวเกิดมาในจวนตระกูลใหญ่ เล่ห์เหลี่ยมจัดเพียงพอต่อการสะบัดหลิวซุนซื่อออกไปได้อย่างง่ายดาย ในมือของนางยังมีสัญญาทาสของชุ่ยหลิวอยู่ จึงไม่เชื่อว่าชุ่ยหลิวจะไม่ยอมเชื่อฟัง การมีชุ่ยหลิวมาช่วยปะทะกับหลิวซุนซื่อ นางเชื่อว่าบุตรชายของนางต้องกลับมาเชื่อฟังนางเหมือนเดิมแน่
หลิวเต้าเซียงเยาะเย้ยในใจ หลิวฉีซื่อไม่ได้้าขับไล่ชุ่ยหลิวออกไปด้วยซ้ำ
ชุ่ยหลิวเป็ไพ่พระาาในมือของนาง
หลิวต้าฟู่ถามอีกครั้งว่า “แล้วเ้า้าอะไร?”
หลิวฉีซื่อมองไปที่หลิวซานกุ้ยและกล่าวว่า “ครอบครัวเราไม่ใช่คนอำมหิต เดิมทีชุ่ยหลิวก็ตรากตรำอยู่แล้ว อีกอย่างเมื่อคืนพวกเ้าทั้งหลายก็ดื่มกันจนเมามาย ส่วนผู้หญิงก็เข้านอนเร็ว ใครจะรู้ว่าเหรินกุ้ยจะเดินเข้าห้องผิด แล้วคิดว่าชุ่ยหลิวเป็ซุนซื่อ”
ตามที่คาดไว้ไม่ผิด หลิวเต้าเซียงหลุบตาลง เกรงว่าหลิวฉีซื่อคงคิดไว้อยู่แล้วว่าจะมีเหตุการณ์อย่างวันนี้ ยกเว้นการที่มีบุตรชายคนเล็กที่หวงแหนเข้าไปพัวพันด้วย
“ท่านแม่ ความหมายของท่านคือ…ข้าไม่เห็นด้วย” หลิววั่งกุ้ยกล้ำกลืนความเจ็บใจนี้ไม่ได้
หลิวฉีซื่อผายมือออกไปแล้วเอ่ย “เื่นี้ไม้กลายเป็เรือไปแล้ว หากว่าแบบนี้ไม่ได้ เช่นนั้นก็คงต้องทำแบบที่พ่อเ้าบอก คือไล่ชุ่ยหลิวไป”
บุตรชายของนางเป็เช่นไร หลิวฉีซื่อรู้ดีที่สุด
ตามที่นางคาดการณ์ หลิววั่งกุ้ยก็ไม่ยินดีที่จะขับไล่ชุ่ยหลิวออกไปเช่นกัน
หลิวฉีซื่อยังเกลี้ยกล่อม “พ่อของเ้าพูดถูก ผู้หญิงเป็เหมือนเสื้อผ้า ชุ่ยหลิวเป็ชุดที่ดูดี ในเมื่อพี่รองเ้าสวมไปแล้ว เื่นี้ก็ปล่อยไปเถิด รอแม่จะหาเสื้อที่มีสีสันสวยสดกว่านี้ให้เ้า เ้าว่าอย่างไร?”
หลิววั่งกุ้ยนิ่งเงียบและไม่พูดไม่จา...
หลิวเต้าเซียงดูิ่หลิววั่งกุ้ยจากก้นบึ้งของหัวใจ ก็แค่พวกลุ่มหลงในกามารมณ์!
-----
เชิงอรรถ
[1] สวมหมวกเขียว 戴绿帽 ไต้ลี่ว์เม่า เป็สำนวนสแลง หมายความว่า ฝ่ายหญิงสวมเขาให้ฝ่ายชาย หรือคบชู้ลับหลัง ติดตามที่มาของสำนวนสแลงนี้ได้ที่ https://crackthink.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7-%E0%B8%84%E0%B8%B7/
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้