บทที่ 9
เลขที่ 27 ถนนไหเตี้ยน เป็ถนนที่ตัดผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเป่ยจิงจากเส้นถนนหลักอย่างวงแหวนที่ 4 ทำให้มีรถจำนวนไม่น้อยที่เลือกใช้เส้นทางนี้เพื่อหลีกเลี่ยงรถที่ติด อีกทั้งการตัดผ่านถนนเส้นนี้ก็ยังสอดคล้องกับคำว่า ‘เมื่อมีถนนตัดผ่าน ความเจริญย่อมเข้ามาถึง’ ทำให้ย่านนี้เริ่มมีการลงทุนที่มากขึ้นซึ่งสังเกตได้จากสิ่งปลูกสร้างที่เริ่มตั้งขึ้นมามากมาย
ทางประตูทางทิศใต้ของมหาวิทยาลัยเป่ยจิง นอกจากจะเป็บริเวณที่ตั้งของคณะวิทยาศาสตร์แล้ว ฝั่งตรงข้ามที่ไม่ไกลจากประตูมากนัก หากมองออกไปก็จะเห็นอาคารสองชั้นขนาดเล็กริมถนน ซึ่งอาคารนี้เป็ที่รู้จักกันดีของนักศึกษาและผู้คนในย่านนี้ว่าเป็บ้านของคนตระกูลหลิน
ภายในห้องนอนชั้นบนที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟที่อยู่เหนือศีรษะ เผยให้เห็นของตกแต่งอย่างเรียบหรู เตียงแกะสลักแบบยุโรปหลังใหญ่คลุมผ้าห่มสะอาดเรียบตึง ตรงขอบเตียงร่างบางของซ่งหยูเยียนที่อยู่ในชุดนอนกำลังเช็ดผมที่เปียกหมาดอย่างเบามือ ดวงตาคู่ใสนั่งเหม่อลอยออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย ในใจของเธอเกิดความกังวลขึ้นมา
ส่วนสาเหตุที่ต้องกังวลนั้นก็เป็เื่ที่เธอพยายามเลี่ยงมาตลอด นั่นคือการนอนร่วมเตียงเดียวกันกับสามีอย่างหลินห่าวซวน
แม้ว่าพวกเขาจะผ่านการจดทะเบียนสมรสกันและกลายเป็สามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่างไรเสียนี่เป็เพราะทางตระกูลหลินตั้งใจที่แสดงความรับผิดชอบจากเื่ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงประจำปีของมหาวิทยาลัย ซึ่งถ้าไม่นับเื่ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ตัวเธอกับหลินห่าวซวนนั้นไม่เคยได้เข้าเรือนหอหรือผ่านการแต่งงานเหมือนคู่อื่น ๆ เลย
“กระเป๋าทำงานของคุณ”
เสียงของหลินห่าวซวนที่เข้าห้องมา ทำให้ซ่งหยูเยียนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองได้สติขึ้นมา เมื่อหันไปมองต้นเสียงที่ดังขึ้นมาก็พบว่าตรงหน้าของเธอมีกระเป๋าสีน้ำตาลที่ยื่นมาพร้อมกับหลินห่าวซวนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณ”
ซ่งหยูเยียนกล่าวออกมาพร้อมยื่นมือมารับกระเป๋า ก่อนที่จะชักอีกครั้งเพราะหลินห่าวซวนยื่นแก้วที่เต็มไปด้วยนมมาให้เธอ
“นี่เป็นมอุ่นที่ย่าเตรียมเอาไว้ให้คุณ ย่าบอกให้คุณดื่มก่อนนอนน่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินห่าวซวน ซ่งหยูเยียนก็พยักหน้ารับก่อนที่จะมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าแล้วเอ่ยถามด้วยนำเสียงที่แ่เบาว่า
“คืนนี้คุณจะนอนตรงไหนเหรอ? ”
หลินห่าวซวนที่ได้ยินคำถามก็เลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัยก่อนที่จะหันหน้าไปหาซ่งหยูเยียนที่พยายามซ่อนใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถามคำถามเมื่อครู่
การที่คนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันต้องมาเป็สามีภรรยาก็ชวนกระอักกระอ่วนพอแล้ว ยิ่งต้องมาร่วมเตียงกับคนที่ไม่รู้จักยิ่งชวนกระอักกระอ่วนยิ่งกว่า
“คุณนอนบนเตียงนั่นแหละ เดี๋ยวผมหาผ้าปูมานอนข้างล่างเอง”
ซ่งหยูเยียนที่ได้ยินคำตอบของหลินห่าวซวนก็พยักหน้าพร้อมคลายมือที่เกร็งไว้ ทำให้บรรยากาศในห้องถูกความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งจนชวนรู้สึกให้คนทั้งคู่เริ่มอึดอัด ก่อนที่หลินห่าวซวนจะเป็ฝ่ายพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบนี้ลง
“ถ้าคุณดื่มนมเสร็จแล้วก็ปิดไฟนอนได้เลยนะ ส่วนแก้วก็วางไว้บนโต๊ะนี่แหละ พอผมทำงานเสร็จจะเอาไปเก็บให้”
ซ่งหยูเยียนพยักหน้ารับอีกครั้งพร้อมมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เริ่มหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าจากนั้นก็เริ่มลงมือเขียนบางอย่างลงไป
“งานของคุณ่นี้เยอะมากงั้นเหรอ? คุณถึงแบกงานกลับมาที่บ้านด้วย? ”
ซ่งหยูเยียนกล่าวถามออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตนเองไม่ได้สนิทสนมกับอีกฝ่ายขนาดที่ถามไถ่เื่การงานของเขาก็รู้สึกประดักประเดิดขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่ว่างานมันเยอะจนต้องผมขนมาทำที่บ้านหรอก เพียงแค่ว่างานนี้เป็งานที่พวกข้างบนเขาสั่งลงมาเพื่อเป็การลงโทษผมที่ก่อเื่ในงานแถลงข่าวครั้งที่แล้ว แถมงานนี้จะตีพิมพ์สุดสัปดาห์นี้ด้วย ผมเลยต้องมาขนมาทำที่บ้านเพื่อเสนอให้ข้างบนได้ดูก่อน”
แน่นอนว่าหลินห่าวซวนไม่รู้เื่ความที่ฟุ้งซ่านของซ่งหยูเยียนจึงกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสบาย ๆ มือของเขาก็ไม่หยุดที่เขียนลงกระดาษ
“หมายถึงพวก 3 คนนั้นที่ร้านบะหมี่งั้นเหรอ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินห่าวซวน ซ่งหยูเยียนก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา แม้ว่าหลินห่าวซวนจะบอกว่าพวกเขาต่างทำงานที่เดียวกัน แต่การโต้เถียงที่เกิดขึ้นในร้านบะหมี่นั้น มันเกินกว่าความไม่ลงรอยในที่ทำงานทั่วไป
“ไม่ใช่หรอก 3 คนนั้นเป็แค่รุ่นพี่ในที่ทำงานเท่านั้น ไม่ใช่พวกคนที่มีตำแหน่งที่เหนือผมขึ้นไปหรอก ผมกับพวกนั้นไม่ถูกกันมาั้แ่ที่ผมเข้ามาทำงานแล้ว”
หลินห่าวซวนที่หยุดเขียนทันทีพร้อมกับกล่าวตอบคำถามของซ่งหยูเยียน ก่อนที่หันหน้ามามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ปลายเตียง
“อีกอย่าง 3 คนนั้นเป็ได้แค่ลูกไล่ในออฟฟิศเท่านั้น ที่มีปัญหาจริง ๆ คือลูกพี่ของพวกเขา แต่ผมจัดการได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินห่าวซวน ซ่งหยูเยียนก็ไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับในเื่นี้ แต่กลับเอ่ยถามในเื่ตอนที่อีกฝ่ายมารับแทน
“จริงสิ! วันนี้ที่คุณแนะนำตัวกับเฉินยวี่ว่าเป็เพื่อนของฉัน ทำไมคุณแนะนำตัวว่าเป็เพื่อนของฉันแทนที่จะเป็สามีของฉันล่ะ? ”
หลินห่าวซวนเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัยทันทีเมื่อได้ยินคำถามของซ่งหยูเยียน ซึ่งหญิงสาวที่เห็นใบหน้าของคู่สนทนาก็รีบเอ่ยต่อมาทันทีว่า
“ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่พอใจอะไรกับที่คุณแนะนำตัวแบบนั้น แต่ยังไงเราก็เป็สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ว่า…”
“เพียงแต่ว่าคุณยังไม่พร้อม ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเป็สามีภรรยากัน เพราะว่าการจดทะเบียนครั้งนี้เป็สิ่งที่คุณไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด”
ไม่ทันที่ซ่งหยูเยียนไม่ทันได้กล่าวจบ หลินห่าวซวนก็กล่าวต่อออกมาทันที ซึ่งซ่งหยูเยียนก็พยักหน้าตอบรับว่าคำพูดเมื่อครู่ของหลินห่าวซวนนั้นถูกต้อง
“ผมเองก็เหมือนกับคุณน่ะ ที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพวกเราเป็สามีภรรยากัน แต่มันไม่ใช่เพราะว่าผมยังรักสนุกหรืออะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าผมแค่รู้สึกว่าเรายังไม่รู้จักกันดีพอที่จะเรียกว่าเป็สามีภรรยากัน”
...................................................................................................................................................................................................................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้