“นางหนูเหตุใดเ้าจึงอยากรู้เื่พวกนี้ เื่ที่เกิดขึ้นกับบิดาของพวกเ้าได้จบลงไปแล้ว จะมาสืบสาวราวเื่เอายามนี้มันจะได้อันใดขึ้นมา เป็เพียงเด็กน้อยผู้หนึ่งซ้ำยังเป็สตรีเ้าคิดว่าตนเองจะทำสิ่งใดได้?”น้ำเสียงไม่สูงไม่ต่ำไร้ซึ่งการดูถูกถากถาง เป็การพูดด้วยความนิ่งสงบดั่งเช่นคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาโชกโชน
คำพูดเช่นนี้อาจจะได้ผลหากผู้รับฟังเป็จางจื่ออี๋คนก่อน ทว่าตัวตนในยามนี้ของนางคือบุคคลที่เดินทางข้ามเวลามาจากยุคสมัยที่เจริญรุ่งเื่ที่สุดของมวลมนุษย์ ปัญหาที่ปู่หลี่กล่าวมาถือเป็เื่เล็กน้อยที่จางจื่ออี๋ผู้นี้ไม่เห็นอยู่ในสายตา สิ่งที่นางกำลังคิดอยู่ตอนนี้คือสองพ่อลูกที่อยู่ตรงหน้าปิดปังเื่ราวอันใดเอาไว้กันแน่
“เรียนถามท่านลุงหลี่ ทางการจับฆาตกรได้แล้วหรือไม่”จางจื่ออี๋ไม่ต่อความถึงเื่ความไม่เหมาะสมเื่เพศสภาพกับปู่หลี่ แต่หันมาถามหลี่เจิงผู้เป็เสมียนศาลด้วยความเคารพอยู่สองส่วน
“เท่าที่ข้าทราบเกรงว่าคดีจะหาผู้กระทำผิดไม่ได้”หลี่เจิงตอบออกไปตามความจริง โจรป่าที่ออกอาละวาดเป็อยู่เช่นนี้มาหลายปีไม่เห็นเบื้องบนจะจัดการได้เสียที แม้คดีจะถูกส่งไปถึงท่านนายอำเภอแต่ก็ไร้ความเลื่อนไหว อีกทั้งไม่มีผู้ติดตามร้องทุกข์ เหตุฆาตกรรมจางจื้อหลินจึงถูกนำไปรวบรวมไว้ในกองคดีที่ปิดไม่ลง
“เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้ว ขอท่านปู่หลี่อย่าได้กล่าวโทษที่ผู้น้อยล่วงเกิน กฎหมายแห่งต้าฉู่มีข้อหนึ่งที่ข้าจดจำได้ขึ้นใจ บทปฐมกาลว่าด้วยคดีอุกฉกรรจ์ซึ่งได้แก่ฆ่าผู้อื่นโดนเจตนา ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ และวางเพลิง ในหกประการนี้คนร้ายในคดีของบิดาข้ามีความผิดสามประการ ฆ่าผู้อื่นโดนเจตนา ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ เท่านี้ก็เพียงพอให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษสูงสุด นั่นก็คือปะาชีวิต!”
“...”
“ผู้น้อยต้องเรียนถามท่านผู้าุโทั้งสองว่าจะยินดีให้ความร่วมมือกับข้าหรือไม่ เพราะความผิดในตรากฎหมายว่าด้วยความผิดอุกฉกรรจ์นี้โดยเฉพาะสามความผิดแรก คดีความไม่มีวันหมดอายุความ หากพวกท่านทั้งสองยังไม่เชื่อคำพูดของข้าเช่นนั้นผู้น้อยต้องขอยกตัวอย่างให้เห็นกันสักเล็กน้อย”
“เมื่อยี่สิบปีก่อนฉู่อ๋องและพระชายาสิ้นพระชนม์...”
“หยุดวาจาของเ้าเสีย!”
“นางหนู!!”สองพ่อลูกสกุลหลี่ะโก้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง คนทั้งสองรู้สึกได้ถึงเหงื่อกาฬที่หลังไหลั้แ่ศีรษะลามไปจนถึงแผ่นหลังจนชุ่มโชก เ้าเด็กน้อยสกุลจางผู้นี้ช่างไม่รู้จักหาที่ตายขวัญกล้าเทียมฟ้า นี่สิหนาที่ว่าภัยมาจากปาก นางอยากจะตายเหตุใดต้องลากพวกเขาสองพ่อลูกไปมีส่วนร่วมด้วย นางอยากจะรู้เื่บิดาของตนเอาเถิดอยากรู้เื่ใดเขาก็จะบอก ขอเพียงเทพแห่งโรคระบาดท่านนี้ยกเท้าจากไปก็ต้องขอบคุณฟ้าดินอย่างใหญ่หลวง จางซิ่วไฉหนอจางซิ่วไฉ ตัวก็ตายไปแล้วเหตุใดถึงได้สั่งสอนมารร้ายที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้ออกมาได้
เื่ราวของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองพระองค์มีสิทธิ์อันใดให้ชาวบ้านตาดำๆ อย่างเราๆ กล่าวถึงอย่างสนุกปากกัน จะต้องสั่งสอนนางหนูที่ไม่รู้จักที่ตายให้รู้ถึงความน่ากลัวของเื่นี้ให้กระจ่าง
“ดูเหมือนว่าผู้าุโทั้งสองจะเข้าใจเื่ที่ผู้น้อย้าจะสื่อแล้ว เอาเถิดเราไม่พูดถึงเื่ไกลตัวเช่นนั้นแล้ว มาพูดถึงเื่ใกล้ตัวอย่างเื่ของจางจื้อหลินกันเถิด คำถามเดิมเ้าค่ะ ท่านปู่หลี่ท่านได้รับแจ้งว่าจางจื้อหลินเกิดเื่เมื่อยามใด”ั้แ่ต้นจนถึงบัดนี้สีหน้าของจางจื่ออี๋ยังคงความสงบนิ่งดังเดิม ความรู้สึกหลากหลายของสองพ่อลูกสกุลหลี่นางไม่คิดจะสนใจ เื่ของตำหนักฉู่อ๋องก็เช่นกันมันไกลตัวจนไม่รู้จะอธิบายออกมาได้
“ยามจื่อสองเค่อ(23.30น.)เป็จางเหล่าต้าเป็ผู้มาแจ้ง”ปู่หลี่ตอบคำถามโดยไม่อิดเอื้อน จะอย่างไรคนก็ฝังลงดินแล้ว จากที่บุตรชายของตนเล่ามาว่าแม้แต่หลักฐานแวดล้อมยังไม่มีไม่ต้องกล่าวเื่ชันสูตรศพ บ้านจางรับศพมาก็รีบฝังลงดิน อ้างเหตุผลร้อยแปด มีหรือเขาจะไม่รู้เจตนาของจางซื่อผู้เป็แม่ใหญ่ของจางจื้อหลิน ไม่จัดงานศพไม่มีพิธีส่งิญญา แม้แต่คนที่ตายไปแล้วยังไม่ละเว้น ช่างโเี้เสียจริง
“ขอท่านปู่หลี่เล่าสิ่งที่จางเหล่าต้าพูดกับท่านในวันนั้นออกมาอีกรอบหนึ่งด้วยเ้าค่ะ”กว่าจะเปิดปากสองพ่อลูกสกุลหลี่ได้ไม่ใช่เื่ง่ายดังนั้นนางจึงไม่เสียเวลาถามคำถามไร้ประโยชน์ คำถามทั้งหมดจะถูกใช้เป็พยานและหลักฐานแวดล้อม ต้องเฉียบขาดและตรงประเด็น
“วันนั้นข้าเข้านอนแต่หัวค่ำ เื่คลอดบุตรของสตรีในหมู่บ้านข้าก็รับรู้เพราะต้องทำเื่แจ้งเกิดต่อทางการ...”กลางดึกค่อนคืนเสียงเคาะประตูเรือนดังสั่นะเืจนปู่หลี่ใสะดุ้งจนสุดตัว เขายังจำได้ดีว่าตนเองกล่าวทักทายบรรพบุรุษของเ้าคนไม่รู้กาลเทศะไปหลายหน สภาพจางเหล่าต้าที่ปรากฏสู่สายตานั้นเรียกได้ว่ายับเยินเหมือนคนไปฟัดกับหมาบ้ามาทั้งฝูง หน้าตาปูดบวมราวหัวหมูเสื้อผ้าฉีกขาด ยามนั้นเ้าอ้วนจางกล่าววาจากระอืดๆ ทั้งน้ำตาว่าถูกโจรป่าดักปล้นน้องสามที่ออกไปซื้อโสมมาให้ภรรยาที่กำลังคลอด บัดนี้เป็ตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้
ยามนั้นปู่หลี่ใจนร่างกายสั่นสะท้านนั่นคือซิ่วไฉหนึ่งเดียวในหมู่บ้านนะ ซิ่วไฉที่แม้กระทั้งท่านนายอำเภอยังให้การสนับสนุน อยู่ๆ จะมาประสบเคราะห์ภัยได้เช่นไร ไม่รอช้าปู่หลี่ก็นำเหล่าชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธที่หาได้ออกเดินทางไปตามที่เ้าอ้วนจางบอก เส้นทางเล็กแคบระหว่างูเาเป็ที่ทางที่ชาวบ้านไม่นิยมใช้เพราะมันทั้งเปลี่ยวและรกร้าง แต่เส้นทางนี้กลับเป็ทางลัดที่ย่นระยะเวลาเดินทางเข้าตัวอำเภอได้ถึงกึ่งหนึ่ง สำหรับคนที่มีความเป็ความตายของภรรยาและลูกที่กำลังจะเกิดมาแขวนอยู่บนคอ มีหรือจะไม่เดินทางด้วยเส้นทางที่ว่านั้น จางเหล่าต้าเล่าว่าเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้น้องชายเดินทางด้วยเส้นทางปกติ แต่อีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้นเขาผู้เป็พี่ชายจึงได้ตามใจ เพราะคิดว่ารีบไปรีบกลับคงไม่เกิดปัญหาใด
จากคำบอกเล่าของจางเหล่าต้าตอนเดินทางไปไม่พบสิ่งผิดปกติใด เมื่อได้โสมแผ่นกลับมาจำนวนหนึ่งพวกเขาก็รีบเดินทางกลับทันที พอมาถึงเส้นทางที่อยู่ใจกลางระหว่างูเาเป็จุดที่เปลี่ยวและมืดจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า แม้จะถือคบเพลิงเอาไว้ก็ให้แสงสว่างไม่มากนัก อีกแค่ไม่กี่ร้อยก้าวก็จะผ่านเส้นทางนี้ไปได้ แล้วจู่ๆ กลุ่มคนที่โผล่มาราวภูตผีสถานการณ์วุ่นวายหมัดเท้ารุมกระหน่ำโดยไม่พูดพร่ำ เป็น้องสามที่ฝืนยื้อให้เขาผู้เป็พี่ชายหนีออกมาแจ้งข่าว เมื่อผู้นำหมู่บ้านและเหล่าลูกบ้านเดินทางไปถึง คนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยสถานที่เกิดเหตุเละเทะเต็มไปด้วยคราบเื ในใจของปู่หลี่ยามนั้นนึกถึงสิ่งดีๆ ไม่ได้แม้แต่น้อย หากันอยู่ราวครึ่งค่อนชั่วยามจึงพบร่างที่เต็มไปด้วยคราบเืของจางจื้อหลิน ภาพความสยดสยองเข้ามาในครรลองสายตา ใจของปู่หลี่เต้นกระหน่ำอีกเพียงนิดมันก็จะทะลุออกมาจากอกของเขาอยู่รอมร่อ เพราะตัวเขาเป็ผู้พบร่างของจางจื้อหลินเป็คนแรกจึงรีบส่งให้ทุกคนถอยห่างออกไปในทันที เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งคนรู้น้อยยิ่งเป็ผลดีมากกว่า
สภาพศพนั่น...
“ท่านปู่หลี่เหตุใดจึงหยุดไปเล่า ติดขัดที่ตรงไหนให้ผู้น้อยช่วยทบทวนความทรงจำหรือไม่ ผู้น้อยต้องถามท่าน สภาพศพของบิดาตอนที่ท่านเห็นในคืนนั้นเป็เช่นไรหรือ”
มันเลวร้ายจนท่านหน้าซีดลมหายใจติดขัดเมื่อนึกถึงเช่นนั้นหรือ
คดีฆาตกรรมที่ไม่มีการชันสูตรศพ คือการทำงานอันล้มเหลวของเ้าหน้าที่รัฐ
จางจื่ออี๋ใช้สายตานิ่งสนิทจ้องตอบแววตาที่ฉายความหวาดหวั่นออกมาจากท่านปู่หลี่ เื่ราวเกรงว่าจะจัดการยากเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้