เล่มที่ 1 บทที่ 21 คัมภีร์จูเทียนฝูถู
ผ่านไปเนิ่นนานหลินเฟยจึงถอนหายใจออกมา ก่อนจะก้มลงไปเก็บกระจกโจ่วกวงครึ่งซีกที่พื้น
‘มันแตกแล้วจริงๆ…’
ไม่รู้เลยว่ากระจกโจ่วกวงแตกได้อย่างไร ทว่าตอนนี้มันแตกออกเป็สองซีกแล้วจริงๆ ซีกหนึ่งอยู่ในมือหลินเฟย ส่วนอีกซีกยังฝังอยู่ในดิน อาวุธล้ำค่าที่เกือบจะบ่มเพาะหลิงหยวนได้ บัดนี้กลับกลายเป็เพียงวัตถุธรรมดา ทั้งหม่นแสงและไร้ซึ่งพลัง…
“พลังอะไรกันนะ ที่ทำให้มัน…” ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้เลย เพราะอะไรถึงเกิดเื่เช่นนี้ได้ กระจกโจ่วกวงฝังอยู่ใต้ดิน ไม่เป็พิษเป็ภัยกับใคร แล้วมันเกิดแตกได้อย่างไรกัน?
‘เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่าง?’
ในตอนที่หลินเฟยยังคิดไม่ตกอยู่นั้น ก็พบว่าด้านข้างของกระจกโจ่วกวงอีกซีกที่อยู่ในดิน เหมือนจะมีบางอย่างอยู่ข้างๆ หลินเฟยรู้สึกสงสัยจึงเอามือปัดดินออก ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูให้ชัด
‘ทั้งดำทั้งหนัก…’
“ที่แท้ก็คือ…”
เพียงััหลินเฟยก็นึกออกทันที นี่คงจะเป็แร่ไท่อี๋ที่เขาฝังมันพร้อมกับกระจกโจ่วกวง ในตอนที่หลินเฟยวางกับดักสำนักตงจี่ ไม่เพียงแค่ชิงเอากระจกโจ่วกวงมาเท่านั้น แต่เขายังฉวยเอาแร่ไท่อี๋มาด้วย สำหรับแร่ไท่อี๋นั้นเป็หนึ่งในแร่์เก้าชั้นฟ้า มีมนต์สะกดที่เกิดจากฟ้าดินหนึ่งสาย หากนำมันมาหลอม ก็จะได้เป็กระบี่ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทั่วทั้งพิภพหลัวฝู มีเพียงเซียนกระบี่ชิงเหลียนเท่านั้นที่มีอาวุธเช่นนี้
ในอดีตที่หลินเฟยได้มันมานั้น ด้วยเส้นปราณบกพร่องของเขา ทำให้ไม่สามารถฝึกเคล็ดวิชากระบี่ชั้นสูง จึงไม่ได้นำมันมาใช้ให้สิ้นเปลือง สุดท้ายจึงนำมันมาฝังรวมกับกระจกโจ่วกวง โดยหวังว่า ภายภาคหน้าคงจะมีศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยนสักคนนำมันออกไปหลอมเป็สุดยอดศาสตราวุธ
‘จะว่าไปก็น่าแปลก…’
ทั้งที่อยู่ในจุดเดียวกัน กระจกโจ่วกวงที่เกือบเข้าชั้นสุดยอดศาสตราวุธดันแตกออกเป็สองซีก แต่แร่ไท่อี๋กลับสมบูรณ์ ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ ในตอนนี้เขาไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี หากไม่มีกระจกโจ่วกวงปรับเวลาให้เดินช้าลง ต่อให้ได้แร่ไท่อี๋มาหลอมจนได้สุดยอดศาสตราวุธ ก็ไร้ซึ่งประโยชน์อยู่ดี
“ช้าก่อน แร่ไท่อี๋ แร่ไท่อี๋…” ในขณะที่กำลังหมดอาลัยตายอยากอยู่นั้น หลินเฟยก็เกิดชะงักขึ้นมาดื้อๆ
“แร่ไท่อี๋ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์…”
‘นั่นสิ…ทำไมถึงลืมไปได้นะ!’
หลินเฟยจำได้ว่า ครั้งอดีตตอนที่อยู่หอดาบ เขาเคยได้ยินผู้าุโท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หาก้าฝึกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ให้ได้ถึงขั้นฟ่าเซิน จำเป็ต้องใช้เวลายาวนานถึงชั่วกัลป์”
‘หากไม่บำเพ็ญสายนี้ ก็ยังมีทางอื่น…’
ในตอนนั้นเอง หลินเฟยยังได้หัวเราะก่อนจะเอ่ยถามผู้าุโ “หากไม่บำเพ็ญสายนี้แล้วจะบำเพ็ญสายใดได้ เมื่อไม่อาจบำเพ็ญด้วยกายกระบี่ฉุนหยางให้ได้ขั้นฟ่าเซิน แล้วจิติญญาจะไปผนึกไว้ที่ใดกันเล่า? ถ้าไม่มีจิติญญา หรือจะกลายเป็ครึ่งคนครึ่งผี?”
ผู้าุโท่านนั้นถือว่ายังใจเย็นพอ ได้ยินเช่นนั้นแล้วไม่แม้แต่จะถือโทษโกรธ แต่กลับถามขึ้นอีก “เมื่อศาสตราวุธล้ำค่าถูกสรรค์สร้างขึ้น แล้วจิติญญาแห่งอาวุธเล่าจะไปอยู่หนใด?”
หลินเฟยชะงักลง ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้นจริงๆ มนต์สะกดทั้งแปดสิบเอ็ดสายของศาสตราวุธที่ได้หลอมรวมเป็หนึ่ง ก็จะสามารถบรรลุเป็เซียนเทียน ดังนั้นหากจิติญญาหลอมรวมกับศาสตราวุธได้ ก็ไม่จำเป็ต้องผนึกิญญาไว้ที่ใดอีก
พูดง่ายๆก็คือ หากใช้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่บำเพ็ญจนกายเนื้อกลายเป็ศาสตราวุธ เมื่อบรรลุขั้นเซียนเทียนแล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องพึ่งกายกระบี่ฉุนหยางมาเป็ที่ผนึกของจิติญญาอีก เพราะจิติญญาได้หลอมรวมั้แ่ตอนหลอมมนต์สะกดทั้งแปดสิบเอ็ดสายแล้ว
อีกอย่าง การฝึกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่เช่นนี้ ก็ไม่จำเป็ต้องศึกษาเคล็ดวิชากระบี่มากมายอะไร ขอแค่สร้างมนต์สะกดให้ได้แปดสิบเอ็ดสาย จากนั้นหลอมเอาทั้งหมดให้รวมเป็หนึ่ง ก็จะบรรลุเกิดเป็เซียนเทียน
แน่นอนว่าในตอนนั้น หลังจากฟังจบ หลินเฟยก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ถึงอย่างไรเส้นปราณก็บกพร่องอยู่ดี ฝึกไปก็เสียแรงเปล่า…
กระทั่งสำนักเวิ่นเจี้ยนเกิดล่มสลาย หลินเฟยก็เอาแต่วางแผนทำลายยวนหวงผู้เป็เ้าแห่งเหวทมิฬ ท่ามกลางเส้นทางแห่งความเป็ความตายนั้น ก็ได้เจอเหตุการณ์แปลกประหลาด มากมาย รวมถึงการได้คัมภีร์ที่ตกทอดมาแต่าที่มีนามว่า “จูเทียนฝูถู”
ในสมัยานั้น ได้มีเคล็ดการหลอมศาสตราวุธชั้นเลิศ ว่ากันว่าเซียนเชวี่ยเก้าชั้นฟ้าเป็ศาสตราวุธที่ถือกำเนิดขึ้นจากการรวมพลังใช้เคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูหล่อหลอมขึ้น ร่ำลือว่าหากมันอยู่ใน่สมบูรณ์ที่สุด จะมีพลังร้ายกาจถึงขั้นทำลายฟ้าดิน แม้หลินเฟยจะเป็มนุษย์ ไม่มีสายเืเซียนมารเหมือนเผ่าา ทำให้ไม่อาจเข้าถึงความลับของคัมภีร์จูเซียนฝูถูได้ทั้งหมด หากแต่จะเป็ปรมาจารย์หลอมอาวุธแห่งยุคด้วยคัมภีร์จูเทียนฝูถูแล้ว ก็ดูจะไม่ใช่เื่ยากนัก
ขณะนั้น หลินเฟยเคยคิดว่าหากฝึกคัมภีร์จูเทียนฝูถูกับกายเนื้อ บางทีอาจจะเป็เหมือนที่ผู้าุโท่านนั้นกล่าวไว้ก็ได้ เป็การบุกเบิกเส้นทางฝึกเคล็ดหมื่นกระบี่แบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
น่าเสียดาย...ที่เส้นปราณบกพร่องทำให้หลินเฟยไม่ได้ทดลองทำตามที่คิดไว้…
“หรือว่าจะลองดูอีก?”
หลินเฟยลังเลได้ไม่นานก็นั่งลงข้างป้ายสุสาน โคจรพลังปราณโอบล้อมแร่ไท่อี๋ หมื่นปีให้หลังมานี้ เขามีโอกาสใช้เคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูอีกครั้ง อักขระมากมายแปรเปลี่ยนไปตามฝ่ามือที่เคลื่อนไหว เพียงชั่วครู่ พลังปราณก็โอบล้อมทั่วทั้งแร่ไท่อี๋ เวลานี้จะเห็นได้ชัดว่าเคล็ดวิชาหลอมอาวุธากำลังค่อยๆกลืนกินแร่ไท่อี๋ไปจนหมด
แร่ไท่อี๋ที่เดิมทีมีความยาวประมาณหนึ่งฉื่อ ได้สลายการเป็ควันขาวภายใต้การหลอมของเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถู หลินเฟยอ้าปากกลืนมันเข้าไป ควันดำสองสายถูกพ่นออกมาทางรูจมูกระหว่างหายใจ นี่คือสิ่งที่เจือปนอยู่ในแร่ไท่อี๋ ส่วนแร่บริสุทธิ์เองก็ถูกหลินเฟยกลืนกินเข้าสู่จุดตันเถียนในท้อง เหลือรอเพียงแร่ไท่อี๋หลอมรวมจนหมด ก็จะสามารถใช้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่แปรเปลี่ยนให้กลายเป็ปราณกระบี่ได้แล้ว
ทุกครั้งที่หายใจ แร่ไท่อี๋ก็จะหลอมละลายลงไปหนึ่งส่วน ถึงแม้จะเป็กระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน แต่หลินเฟยก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร…
และแล้วเวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว แร่ไท่อี๋ที่ยาวประมาณหนึ่งฉื่อ ก็ถูกหลินเฟยหลอมจนหมดสิ้น บัดนี้สิ่งที่พลังปราณโอบล้อมเหลือเพียงซากสีดำเท่านั้น หลินเฟยแน่ใจว่าแร่บริสุทธิ์ถูกเขากลืนกินไปหมดแล้ว จึงสะบัดมือปล่อยให้ซากสีดำที่หลงเหลือเ่าั้ปลิวสลายไปตามสายลม ก่อนจะโคจรพลังปราณเพื่อใช้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่
ในจุดตันเถียนของหลินเฟยนั้น มีปราณสีขาวปนทองกลุ่มหนึ่งกำลังแล่นพล่านอยู่ ดูต่างจากพลังปราณปกติชัดเจน แค่ขยับเพียงนิดเดียวก็รู้จึกเจ็บร้าว ราวกับจะฉีกขาด หลินเฟยทนอาการเจ็บพร้อมกับสลักอักขระแรกของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ลงในปราณนั้น…
“ผู้าุโจี หวังว่าท่านจะไม่หลอกกันนะ…” หลินเฟยรู้ดีว่าขอเพียงสลักอักขระแรกได้ ตนเองก็จะบุกเบิกหนทางบำเพ็ญสายใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะยากลำบากเพียงใด ก็ไม่มีโอกาสให้เสียใจแม้แต่น้อย เพราะไม่มีอะไรให้เสียใจยิ่งกว่าการเลือกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ในขั้นจู้จีอีกแล้ว
ทว่าปราณนั้น ก็ไม่ใช่พลังปราณของตนแต่อย่างใด แม้จะใช้เคล็ดจูเทียนฝูถูหล่อหลอมออกมา แต่ก็ไม่อาจควบคุมได้ อักขระแรกยังไม่ทันสลักได้อย่างสมบูรณ์ พลังปราณหล่านั้นกเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นมา…
พลังปราณปกติถูกกลุ่มปราณขาวปนทองพุ่งเข้าชนจนแตกซ่าน
“อ๊า!” ชั่วขณะที่พลังปราณกำลังแตกซ่าน หลินเฟยกระอักเืแดงสดออกมา อวัยวะภายในราวกับถูกทำให้ฉีกขาด ที่น่าเป็ห่วงก็คือ ปราณนั้นได้หลุดรอดจากการควบคุมและกำลังแทรกซึมเขาสู่จุดตันเถียงของหลินเฟยเสียแล้ว…
“แย่แล้ว!”
หลินเฟยตระหนักดี คราวนี้ต้องเกิดเื่อีกแน่
---------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้