วันนี้ซินเยว่ออกไปนอกบ้านเพียงคนเดียว เพราะให้เสี่ยวหลานติดตามมารดาไปแต่งหน้าให้กับบรรดาฮูหยินที่จองตัวนางเอาไว้ ที่ซินเยว่ให้เสี่ยวหลานไปด้วยเพื่อสังเกตการณ์ตามจวนต่าง ๆ เผื่อจะมีช่องทางในการทำเงินเพิ่มได้
ส่วนเื่ที่ซินเยว่ต้องไปจัดการก็คืออาเซ่อ นางจะได้คุยเื่ที่เขาปกปิดเอาไว้ เพราะโรงเตี๊ยมปรับปรุงใกล้จะเสร็จแล้ว เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมจึงมองหาอาเซ่อและเรียกเขาออกมาคุยด้านนอก
“พี่อาเซ่อ ตามข้ามาทางนี้หน่อยเ้าค่ะ”
“ขะ ขอรับ คุณหนู” เขารู้สึกขนลุกแปลก ๆ
เมื่อถึงจุดที่ลับสายตาของผู้คน ซินเยว่ก็เริ่มสอบถามความจริงทันที “ทำไมถึงต้องสลับตัวกันมาทำงานที่นี่ ท่านตาไม่สามารถจ้างพวกท่านทั้งคู่ได้งั้นรึ” ซินเยว่ถามออกไปโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
“คะ คะ คุณหนูรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราสลับตัวกันขอรับ!!” อาเซ่อมีท่าทางใอย่างมากที่ซินเยว่รู้เื่นี้
“ข้ารู้ั้แ่สองวันแรกที่มาอยู่ที่นี่แล้ว ถึงแม้พวกท่านจะหน้าตาเหมือนกันมาก คนอื่นอาจแยกไม่ออกแต่สำหรับข้านั้นพวกท่านหลอกข้าไม่ได้” แม้เป็ฝาแฝดที่เหมือนกันมาก แต่นิสัยของทั้งสองย่อมไม่เหมือนกันไปเสียทุกอย่าง ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นข้อแตกต่างได้
“จะตอบข้าได้หรือยัง ว่าทำไมถึงต้องผลัดกันมาทำงาน” ซินเยว่ถามย้ำถึงเหตุผลที่ทั้งสองทำเช่นนี้
“ขอรับ ตอนที่ท่านแม่คลอดพวกข้าออกมา คนในหมู่บ้านต่างรังเกียจหาว่าท่านแม่ของข้ามีลูกเป็ตัวอัปมงคล แถมในตอนที่พวกข้าคลอดออกมาท้องฟ้ากลับมืดมิดชั่วครู่ ทุกคนจึงคิดว่าพวกข้าจะทำให้เกิดอาเพศ
จึงบังคับท่านแม่ให้สังหารพวกข้าคนใดคนหนึ่งทิ้ง แต่ท่านแม่ไม่ยอมจึงพาพวกข้าย้ายที่อยู่เรื่อยมา จนมาอาศัยอยู่ที่เมืองเหลียงซานแห่งนี้ และท่านแม่ก็ยังไม่กล้าให้พวกข้าออกไปไหนพร้อมกัน เพราะกลัวจะถูกผู้คนรังเกียจจึงทำได้เพียงสลับตัวกันออกมาขอรับ”
‘เฮ้ออออ ความคิดของคนยุคสมัยนี้มันห้ามกันยากด้วยสิ หากเชื่อไปแล้วก็จะเชื่อเช่นนั้นอย่างถึงที่สุด’
“แล้วพ่อของพวกท่านเล่า เขาไม่ช่วยปกป้องพวกท่านรึ”
“เขาทิ้งพวกข้าไปั้แ่วันแรกที่ท่านแม่คลอดพวกข้าแล้วขอรับ” อาเซ่อพูดด้วยความเศร้าใจ
“โอ้โห!! ไอ้ชาติชั่ว เลวทรามต่ำช้าที่สุด ในหัวไม่มีสมองหรืออย่างไรถึงไม่คิดที่จะปกป้องลูกของตัวเองขนาดสุนัขมันยังรักลูกของมัน แต่นี่ได้เกิดเป็คนทั้งทีแต่กลับทำตัวยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก” แค่คิดก็น่าโมโห
“…!!..” อาเซ่อทำหน้าอึ้ง ๆ ที่เห็นซินเยว่โมโหขนาดนี้
“ท่านแม่ของท่านสามารถทำงานอะไรได้บ้างเล่า เผื่อข้าจะหางานที่เหมาะกับนางให้” ซินเยว่ถามอาเซ่อหลังจากปรับอารมณ์ลงได้แล้ว
“ท่านแม่เคยเป็ผู้ช่วยพ่อครัวมาก่อนขอรับ แต่ว่ามักจะโดนผู้ช่วยพ่อครัวอีกคนคุกคามอยู่บ่อยครั้ง จึงลาออกมาทำสวนปลูกผักอยู่ที่บ้านขอรับ”
“ข้าจะจ้างพวกท่านทั้งสามคนให้มาทำงานที่โรงเตี๊ยม มารดาของท่านข้าจะให้เป็แม่ครัว ส่วนท่านและฝาแฝดอีกคนไปตกลงกันว่า อยากทำในส่วนไหนระหว่างดูแลด้านอาหาร หรือดูแลลูกค้าที่เข้ามาพักที่โรงเตี๊ยม” พอซินเยว่พูดจบอาเซ่อดูท่าทางดีใจมาก ส่วนนางเองก็ดีใจที่ได้แม่ครัวประจำโรงเตี๊ยมเช่นกัน
“คุณหนูพูดจริงหรือที่จะจ้างพวกเราทั้งสามคน ท่านแม่กับน้องชายข้าคงจะดีใจมากถ้าได้ยินเื่นี้”
“ข้าจะโกหกไปทำไมกัน พรุ่งนี้พวกท่านทั้งสามคนก็มาพบข้าที่นี่ ท่านก็กลับไปบอกข่าวดีให้พวกเขารู้เถิด ข้าก็จะกลับบ้านเหมือนกัน” เมื่อพูดคุยทำความเข้าใจเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตน
วันถัดมาอาเซ่อก็พามารดากับฝาแฝดผู้น้อง มาพบซินเยว่ในห้องโถงรับแขก แต่แฝดน้องแวะคุยกับเถ้าแก่เซียวอยู่ด้านนอกยังไม่ตามเข้ามา
“คารวะท่านป้าเ้าค่ะ ข้ามีชื่อว่าซินเยว่นะเ้าคะ” ซินเยว่ทำความเคารพผู้าุโอย่างให้เกียรติ
ซึ่งมารดาของอาเซ่อนางอายุสี่สิบปี แต่ดูจากร่องรอยบนใบหน้าของนางแล้ว คงจะผ่านเื่ยากลำบากมาไม่น้อยทำให้ดูแก่เกินวัยไปมาก
“คุณหนูท่านเรียกข้าว่าป้าซุนเถิดเ้าค่ะ” นางบอกซินเยว่ด้วยความเกรงใจ อาเซ่อได้เล่าเื่ที่เด็กสาวตรงหน้าของนาง สามารถแยกบุตรชายของนางทั้งสองคนออก เพียงได้เห็นพวกเขาแค่ครั้งเดียวช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ ทั้งที่คนอื่นแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็แฝดพี่หรือแฝดน้อง
“ท่านป้าซุนข้าอยากจะจ้างท่านมาทำงานเป็แม่ครัวให้โรงเตี๊ยมของข้า ท่านป้าคิดว่าอย่างไรเ้าคะ” บุตรชายทั้งสองของนางก็ขยันขันแข็ง ไว้ใจได้ ซินเยว่ยังไม่อยากหาคนงานใหม่ในตอนนี้
“ขะ ข้า….” นางซุนซื่อกำลังจะพูดพอดีกับที่มีเสียงเอ่ยขัดขึ้นมา
“เอ๊ะ!!” เสี่ยวหลานเดินเข้ามาเมื่อเห็นอาเซ่อก็ใแล้วก็วิ่งออกไป
“ท่านป้าซุนรอสักประเดี๋ยวนะเ้าคะ เดี๋ยวท่านค่อยให้คำตอบกับข้า” ซินเยว่หยุดนางซุนซื่อไว้และมองดูเสี่ยวหลานที่วิ่งเข้า-วิ่งออก อยู่เช่นนั้นถึงสองครั้งสองครา
นางซุนซื่อกับอาเซ่อได้แต่นั่งทำหน้างง ๆ ที่เห็นเสี่ยวหลานวิ่งไปมาอยู่เช่นนั้น
“นางคงใเ้าค่ะ ที่เห็นพี่อาเซ่ออีกคนอยู่กับท่านตาที่สวนด้านนอก วิ่งกลับมารอบนี้คงจะเป็รอบสุดท้ายแล้วเ้าค่ะ” ซินเยว่พูดจบก็หันไปมองมารดาของตนที่นั่งอยู่ข้างกัน ทุกคนพกันกลั้นขำจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
ทันใดนั้นลี่หลินก็รีบพูดขึ้นก่อนที่เสี่ยวหลานจะวิ่งออกไปอีกรอบ “ไอหย๊าาาาาา…เสี่ยวหลานหยุดความคิดของเ้าเดี๋ยวนี้ พวกเขาสองคนไม่ใช่ปีศาจอย่างที่ใคร ๆ คิด ที่เ้าเห็นเขาเรียกว่าฝาแฝดต่างหากเล่า”
“อ้อออ ที่แท้ก็เป็ฝาแฝดนี่เอง เมื่อตอนยังเป็เด็กบ่าวเคยได้ยินมาว่า มีสตรีในหมู่บ้านตั้งครรภ์ลูกแฝด แต่ไม่อาจคลอดทั้งสองออกมาได้ตายทั้งแม่ทั้งลูกเลยเ้าค่ะ ท่านน้าช่างเป็คนที่โชคดีที่คลอดฝาแฝดออกมาได้อย่างปลอดภัย”
“แม่นางเ้าบอกว่าข้าเป็คนโชคดีเช่นนั้นรึ?” นี่เป็ครั้งแรกหลังจากที่คลอดลูกแฝดออกมาและมีคนบอกว่านางโชคดี
“ใช่เ้าค่ะ ท่านน้าโชคดีมากคลอดครั้งเดียวได้บุตรชายถึงสองคน ไม่ต้องเสียเวลาอุ้มท้องหลายรอบให้เหนื่อยเ้าค่ะ” เสี่ยวหลานพูดด้วยความจริงใจ
“มีผู้คนตั้งครรภ์แฝดมากมายเ้าค่ะ แต่การคลอดพวกเขาออกมาให้รอดชีวิตนั้นมีน้อยมาก การมีลูกแฝดไม่ใช่เื่แปลกข้าเคยเดินทางค้าขายกับบิดา พบเจอฝาแฝดมาก็หลายคู่ท่านอย่าได้กังวลไปเลย” ลี่หลินเล่าให้นางซุนซื่อฟังเพื่อให้นางเลิกกังวลกับเื่เก่า ๆ ที่เคยพบเจอมา
“ท่านแม่ข้าไม่อยากหลบซ่อนตัวตนของข้าอีกต่อไปแล้วขอรับ” อาเซ่อพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
นางซุนซื่อมองหน้าบุตรชายก็เข้าใจได้นางสงสารทั้งสองคนมาก เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับอิสระอย่างเต็มที่เหมือนคนอื่น
“พี่อาเซ่อท่านก็เป็ตัวของตัวเอง ไม่จำเป็ที่จะต้องเป็เงาของกันและกันอีก เพราะท่านก็มีชีวิตเป็ของท่านฝาแฝดของท่านก็มีชีวิตเป็ของเขาเองเช่นกัน” ซินเยว่พูดออกไปเพื่อให้กำลังใจแก่อาเซ่อและฝาแฝดอีกคน
“ขอบคุณมากเ้าค่ะคุณหนูพวกเรายินดีที่จะทำงานกับท่าน ต่อไปอาเซ่อกับอาเซ่อจะได้มาทำงานพร้อมกัน ไม่ต้องแอบสลับตัวกันอีกแล้ว”
“ห๊า!!! เมื่อกี้ท่านบอกว่าทั้งสองคนชื่ออะไรนะเ้าคะ” ซินเยว่ถามย้ำอีกครั้งเผื่อว่านางจะหูฝาดกับการเรียกชื่อของนางซุนซื่อ
“ก็ชื่อว่าอาเซ่อกับอาเซ่อเ้าค่ะ เพราะต้องสลับตัวไปมาจึงใช้เพียงชื่อเดียวเ้าค่ะ” นางซุนซื่อพูดออกมาแล้วก็รู้สึกเศร้าใจอีกครั้ง
“เอาล่ะ ๆ ข้าจะตั้งชื่อให้พวกท่านสองคนก็แล้วกัน แฝดพี่ให้ชื่อว่าเว่ยหมินส่วนแฝดน้องให้ชื่อว่าิฉวน พวกท่านเห็นด้วยกับสองชื่อนี้หรือไม่”
“ดีมาก ๆ เลยขอรับ ขอบคุณคุณหนูมากที่ช่วยตั้งชื่อให้พวกข้าสองคน ข้าขอตัวไปบอกน้องชายก่อนนะขอรับ” เว่ยหมินรีบวิ่งออกไปหาน้องชายทันที
“ท่านป้าเองก็กลับไปเก็บเสื้อผ้าแล้วมาพักที่นี่ เพราะข้าจะสอนท่านทำอาหารตามสูตรของข้า เมื่อโรงเตี๊ยมเปิดแล้วพวกท่านแม่ลูกค่อยไปพักที่นั่น ข้าให้ช่างทำห้องพักไว้ด้านหลังพวกท่านสามคนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง” พวกเขาเดินทางจากบ้านมาที่นี่ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยามกว่า แค่คิดซินเยว่ก็ปวดขาแทนพวกเขาแล้ว
“เ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะรีบมาแต่เช้า เช่นนั้นวันนี้ข้าขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ” นางซุนซื่อรับคำแล้วก็เดินออกไปหาบุตรชายทั้งสองทันที
วันต่อมาเมื่อนางซุนซื่อมาถึง จึงเริ่มพูดคุยเื่รายการอาหารที่จะทำขายในโรงเตี๊ยม อาหารเช้าจะเป็โจ๊กหมู /ไก่ ซาลาเปาไส้หมู /เนื้อ /ผัก และต้มจืดไข่น้ำ ส่วนอาหารกลางวันและอาหารเย็น มีรายการอาหารให้ลูกค้าได้เลือกไม่ต่ำกว่าสิบรายการ จะได้เตรียมวัตถุดิบให้พอดีและแม่ครัวจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป และทุก ๆ สองเดือนจะมีการปรับเปลี่ยนรายการอาหารใหม่ ๆ ที่สำคัญซินเยว่ยังสอนให้นางซุนซื่อใช้พวกซอสปรุงรส ซีอิ้ว รวมถึงเครื่องปรุงต่าง ๆ จนชำนาญ
นางซุนซื่อเป็คนที่สามารถเรียนรู้เื่การทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็เพราะมีประสบการณ์จากการเป็ผู้ช่วยพ่อครัวมาก่อน ซินเยว่จึงเขียนสูตรอาหารอื่น ๆ ไว้ให้นางได้ศึกษาและลองทำอีกหลายอย่าง พอบอกว่าสูตรอาหารเหล่านี้ยกให้นางคนรับถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าจะมีเ้านายที่จิตใจดีเช่นนี้
