นายกเทศมนตรีทังไม่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรจากมณฑลอวี้หนานแม้แต่น้อย
เป็เซี่ยเสี่ยวหลานทั้งนั้นที่เรียกทังหงเอินว่า ‘คุณอาทัง’ อย่างหน้าไม่อาย สร้างปฏิสัมพันธ์ทีละเล็กทีละน้อยจนในที่สุดก็สามารถพึ่งพาทังหงเอินได้สำเร็จ เลขาของทังหงเอินมองเซี่ยเสี่ยวหลานราวกับเป็มหันตภัยร้ายแรง จับตามองโครงการของบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองอย่างใกล้ชิด กลัวว่าเกียรติคุณของหัวหน้าจะถูกทำลายทิ้งด้วยน้ำมือของหลิวหย่ง
ทว่าหลิวหย่งกลับรู้สึกขอบคุณที่เลขาเผิงห่วงใยอยู่เลยน่ะสิ!
หลิวเทียนเฉวียนจากเทียนเฉินรุกเข้าหาเขาเพื่อเจรจาร่วมงานทางธุรกิจ ระหว่างการสนทนา เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าอีกฝ่ายคือเ้าของกิจการชาวฮ่องกงผู้พัฒนาบ้านเชิงพาณิชย์แห่งแรกของเผิงเฉิงเมื่อสองปีก่อน คราวนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเกิดความสนใจต่อหลิวเทียนเฉวียนขึ้นมาจริงๆ ในสายตาของประธานเซี่ย ถ้าร่วมมือกันสร้างเงินได้ ต่อให้เป็หมูตัวหนึ่ง ก็เป็หมูที่คู่ควรให้เธอทุ่มเทความพยายาม!
“เถ้าแก่หลิวอยากร่วมงานกันอย่างไรล่ะคะ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มพูดเป็ครั้งแรก หลิวเทียนเฉวียนมิอาจต้านทานสุ้มเสียงอ่อนหวานนี้ได้เลย
“น้องหลิว ท่านนี้คือ...”
ตีหลิวเทียนเฉวียนให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อว่าหลิวหย่งผู้ผอมบางร่างเล็กจะสามารถให้กำเนิดบุตรสาวเพริศพริ้งเช่นนี้ได้ แม้เครื่องหน้าของทั้งสองดูละม้ายคล้ายกันมากทีเดียว
“โอ้ นี่คือเซี่ยเสี่ยวหลานหลานสาวผม แปลนออกแบบของบ้านพักก็เป็ผลงานของเสี่ยวหลานน่ะครับ”
กงหยาง?
กงหยางไม่อยู่เสียหน่อย
เมื่อได้โอกาสสร้างชื่อให้หลานสาว หลิวหย่งไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลุดมือเด็ดขาด อย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานก็สอบเข้าเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของหัวชิง สร้างบ้านกับตกแต่งภายในไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หลิวหย่งเชื่อว่าในอนาคตเซี่ยเสี่ยวหลานจะทำงานด้านนี้อย่างแน่นอน ขายเสื้อผ้าและค้าวัสดุเป็เพียงงานเล็กๆ น้อยๆ หลิวหย่งกำลังปูทางให้หลานสาวเช่นกัน
หลิวหย่งคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเปี่ยมไปด้วย ‘พร์ในการออกแบบ’ จึงพยายามเสนอขายหลานสาวสุดกำลัง ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ตัวดี ‘พร์ในการออกแบบ’ ดังกล่าวของเธอนั้นเป็แค่การอาศัยประสบการณ์และความรู้จากชาติก่อนเท่านั้น ระบบคิดวิเคราะห์อันเป็วิทยาศาสตร์แท้ๆ เช่นเธอ ใช้ประโยชน์จากการรู้ล่วงหน้าอย่างเถรตรงได้ ทว่าหากให้เธอไปออกแบบผลงานที่มีจิติญญาโดยแท้จริง นั่นคือการพล่ามเหลวไหล
อย่างไรก็ตาม เซี่ยเสี่ยวหลาน้ามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาสิ่งปลูกสร้างของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเถ้าแก่ชาวฮ่องกงอย่างหลิวเทียนเฉวียนที่อยู่ตรงหน้านี้ คือหนึ่งในผู้ที่ทำเงินจากเขตพิเศษเป็กลุ่มแรกอย่างไม่ต้องสงสัย
สาเหตุมาจากหลิวเทียนเฉวียนขอให้รัฐบาลเขตพิเศษตกลงปล่อยที่ดินเพื่อสร้างบ้านเชิงพาณิชย์!
‘การค้าชดเชย’ อะไรนั่น เป็ข้ออ้างสำหรับหลิวเทียนเฉวียนกับรัฐบาลท้องถิ่นในการร่วมมือกันใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายทั้งนั้น
ธนาคารการก่อสร้างจีนปล่อยสินเชื่อกู้จำนองให้บ้านเ่าั้แล้ว ถ้าไม่ใช่บ้านเชิงพาณิชย์แล้วจะเรียกว่าอะไร?
หลิวเทียนเฉวียนรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก ก่อนจะเยินยอผลงานจากแปลนของบ้านพักรับรองไม่หยุด “คุณผู้หญิงเซี่ยอายุยังน้อย แต่กลับมีความสามารถโดดเด่นถึงขนาดนี้แล้ว ประเทศเรากว้างใหญ่สมบูรณ์เต็มไปด้วยคนเก่งมากมายจริงๆ นะ! คุณผู้หญิงเซี่ยสนใจทำงานพิเศษภายใต้เทียนเฉินตกแต่งภายในของผมหรือไม่...”
หลิวเทียนเฉวียนเยินยออย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานก็รับไว้ทั้งหมดโดยไม่ขัดเขิน
ขอแค่สามารถสร้างเงิน เธอทำงานพิเศษได้แน่นอน สำหรับโครงการตกแต่งภายในขนาดใหญ่เท่าบ้านพักรับรองนี้ กงหยางได้รับ 500 หยวนต่อการวาดหนึ่งแบบ ถ้าหลิวเทียนเฉวียนมีงานพิเศษจะจ้างเซี่ยเสี่ยวหลาน และค่าออกแบบเป็ 500 ที่เติมศูนย์ด้านหลังอีกหนึ่งตัว เซี่ยเสี่ยวหลานอาจตอบตกลงด้วยความยินดีมาก... ทว่าเป็ไปไม่ได้สำหรับโรงแรมหนานไห่ โรงแรมเป็โรงแรมที่รองรับชาวต่างชาติระดับห้าดาวแห่งแรกของเขตเศรษฐกิจพิเศษ กวาดสายตามองไปทั่วทั้งประเทศจีนในปี 84 ที่นี่ก็นับว่าเป็หนึ่งในอันดับต้นๆ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ไม่กล้ารับงานนี้ ทว่า 5000 หยวนนั้นน้อยเกินไป เพิ่มศูนย์ด้านหลังอีกตัวเธอยังรู้สึกเสียเปรียบด้วยซ้ำ
และทีมออกแบบของโรงแรมระดับห้าดาวใดๆ บนโลกนี้ไม่ได้ถูกว่าจ้างด้วยราคาเพียง 5 หมื่นสกุลหยวนเช่นกัน
ความรื่นรมย์ของหลิวเทียนเฉวียนไม่ได้อยู่ในสุรา [1] เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวย ได้สนทนากับเธออีกหน่อยย่อมเป็ความเพลิดเพลินทั้งนั้น ทว่าหลิวเทียนเฉวียนไม่ได้ทำเพื่อสาวงามอย่างเดียว เป้าหมายของเขายังเป็ “โรงแรมหนานไห่” อีกด้วย การจะทำงานให้โรงแรมระดับห้าดาว มาตรฐานของงานตกแต่งภายในย่อมสูงมาก ค่าตกแต่งภายในล้านสองล้าน? เงินที่บริษัทตกแต่งภายในจะได้ไม่ใช่แค่ล้านสองล้านหยวน!
จริงอยู่ที่หลิวเทียนเฉวียนมีเงิน เดิมทีเขาก็พอมีทรัพย์สินในฮ่องกงบ้าง เนื่องจากมายังเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงเพื่อลงทุนเป็คนแรก ทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีสมบัติรวมแล้วมากถึงหลายสิบล้านหยวน ทว่าไม่มีใครเกลียดที่เงินของตนเยอะเกินไป ถ้าความมั่งคั่งของคนมีเงินมิอาจเติบโตต่อไปได้ ไร้ซึ่งพัฒนาการ ก็หมายความว่าชีวิตกำลังถอยหลัง ตราบใดที่มีกำไรมากกว่าล้าน ล้วนคุ้มค่าที่หลิวเทียนเฉวียนจะยอมลดตัวมาตีสนิทหลิวหย่ง
เช่นเดียวกัน สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน แผ่นดินใหญ่ในปี 84 มีเศรษฐีหรือไม่ยังต้องตั้งคำถาม ทว่าต่อให้มีก็ไม่กล้าแสดงตัว ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไร้ข้อกังขาว่าหลิวเทียนเฉวียนคือผู้ประกอบการเงินหนาที่สุดที่เซี่ยเสี่ยวหลานได้รู้จัก แน่นอนว่ากิจการรัฐวิสาหกิจมีสินทรัพย์มากกว่าเทียนเฉวียน แต่สินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจไม่ถือเป็สินทรัพย์ส่วนบุคคล อีกอย่างไม่ว่าจะเป็บริษัทหัวเจี้ยนหรือหนานทงอีเจี้ยน แม้ตัวแทนของหน่วยงานเหล่านี้จะใที่ ‘หย่วนฮุย’ ทำงานให้บ้านพักรับรองเสร็จสิ้นได้ ทว่าไม่มีเจตนามาเข้ามาสร้างมิตรภาพกับหลิวหย่งโดยสิ้นเชิง
ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หลิวหย่ง เนื่องจากพวกเขาเห็น ‘หย่วนฮุย’ เป็คู่แข่งของโครงการตกแต่งภายในโรงแรมหนานไห่!
มีเพียงหลิวเทียนเฉวียนผู้เดียวที่ไม่อยากขัดแย้งกับเงินทอง แทนที่จะเ็ปทั้งสองฝ่ายจากการรบรากับ ‘หย่วนฮุย’ ซึ่งมีนายกเทศมนตรีทังสนับสนุนอยู่ จะดีกว่าถ้าเขาสามัคคีกับหย่วนฮุยและกินเค้กโรงแรมหน่านไห่ก้อนนี้ด้วยกัน
หลิวเทียนเฉวียนจินตนาการเลิศล้ำ สิ่งเดียวที่คำนวณพลาดก็คือหลิวหย่งผู้เป็เ้าของหย่วนฮุยคนนี้ยากจนกว่าที่เขาคิดไว้ยิ่งนัก
เขาคือคนที่มีเงินทุนแค่ 4 หมื่นหยวนตอนมาถึงเผิงเฉิงเพื่อรับโครงการ
เมื่อได้กำไรแล้วแบ่งครึ่ง เงินทุนรวมกับกำไรมีไม่ถึงหนึ่งแสนหยวน นำเงินจากส่วนนี้มาลงทุนใน ‘อันเจียวัสดุ’ ปัจจุบันหลิวหย่งก็มีสินทรัพย์เพียงไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น
ทว่าไม่ว่าโครงการใดย่อมจำเป็ต้องสำรองจ่ายก่อน ไม่มีเ้าของกิจการคนไหนจะให้ค่าตกแต่งภายในทั้งหมดในคราวเดียว ตอนนี้หลิวหย่งตกแต่งภายในให้ ‘อันเจียวัสดุ’ โดยไม่จำเป็ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ทว่าเดิมทีงานนี้ก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะทำกำไร เซี่ยเสี่ยวหลานเต็มใจเอ่ยปากขอยืมเงินกับโจวเฉิง และไม่แตะต้องเงินหลายหมื่นของหลิวหย่ง—เงินส่วนนี้ถือเป็ทุนสำหรับการเริ่มงานในครั้งหน้า
ด้วยเงินจำนวนแค่นี้ จะไปร่วมมือกับหลิวเทียนเฉวียนคว้าโครงการตกแต่งภายในของโรงแรมหนานไห่ได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเถ้าแก่ฮ่องกงท่านนี้อาจเข้าใจอะไรผิดไป
ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘หย่วนฮุย’ และทังหงเอินไม่ได้แน่นแฟ้นดั่งในข่าวลือ โครงการของบ้านพักรับรองนั้นมาจากความบังเอิญประกอบกับการช่วยเหลือของทังหงเอิน แต่ถ้าจะทำเช่นนี้กับ ‘โรงแรมหนานไห่’ เหมือนกัน ทังหงเอินคงต้องไปอธิบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเขาไม่ได้รับสินบนด้วยตัวเอง
แม้อยากมีส่วนร่วมในโครงการของโรงแรมหนานไห่ ก็ไม่สามารถอ้างชื่อของทังหงเอินได้ เื่นี้ต้องไม่เกี่ยวข้องกับทังหงเอินเป็อันขาด!
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานไตร่ตรองในใจจนแน่ชัดแล้ว เธอไม่อ้อมค้อมต่อหลิวเทียนเฉวียนอีกต่อไป
“เถ้าแก่หลิว คุณอาจเข้าใจอะไรผิดไปน่ะค่ะ โครงการโรงแรมหนานไห่ใหญ่เกินไปสำหรับหย่วนฮุยในตอนนี้ พวกเราศักยภาพไม่พอทั้งด้านเงินทุนและคุณสมบัติ การร่วมงานที่คุณพูดถึง...”
เซี่ยเสี่ยวหลาน้าแก้ต่างเื่ความสัมพันธ์ แต่์กลับไม่ให้ความร่วมมือเลย ไม่รู้ว่าใคระโ ‘นายกทังมาแล้ว’ ขึ้นมา เธอยังนึกว่ากำลังล้อเล่นเสียอีก ปรากฏว่าทังหงเอินเดินตรงมาทางนี้พร้อมเลขาเผิงทันที
“สวัสดีครับนายกทัง”
“เ้านาย คุณ...”
ทังหงเอินหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน “แม่เธอก็มาเผิงเฉิงหรือ?”
เมื่อครู่เขาเห็นเงาคุ้นตาของใครบางคนบริเวณหน้าประตู ครั้งก่อนแว่นตาเขาแตกจึงทำให้เห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเลือนรางมาก แต่พอมองให้ชัดเจนแล้ว พบว่าหลิวเฟินเหมือนในความทรงจำก่อนหน้านี้ของเขา
ทังหงเอินไม่แน่ใจว่าตนเองมองผิดหรือไม่ เมื่อเจอเซี่ยเสี่ยวหลานจึงลองถามอย่างไม่ได้จริงจังนัก
อารมณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานสับสนเหลือเกิน เมื่อครู่อุตส่าห์อธิบายอยู่ตั้งนาน ไม่ใช่ว่าเปลืองน้ำลายโดยเปล่าหรือ?
เป็ไปตามคาด หลิวเทียนเฉวียนหัวเราะหึหึ นี่เรียกว่าไม่สนิทกับนายกทังรึ... เขาไม่ได้เข้าใจผิดแม้แต่นิดเดียว เห็นด้วยไหม!
เชิงอรรถ
[1]มาจาก 醉翁之意不在酒 แปลว่า ความรื่นรมย์ของนักเลงสุราไม่ได้อยู่ในสุรา ทว่ามาจากการชื่นชมความงามของทิวทัศน์โดยรอบ หมายถึง มีเจตนาอื่นซ่อนเร้น