ขุนเขากวาง
ภูร้อยพัง
ลมหนาวพัดพา หิมะทับถมอายุหลายร้อยปีร้อยเรียงเป็ธารน้ำแข็ง ราวัหลับใหล มองไม่เห็นริมธาร
ปุยหิมะบนท้องฟ้าดั่งที่ครอบขนาดั์ เริงระบำไม่หยุดยั้ง แม้จะเป็นักยุทธ์อาณาน้ำพุิญญา ก็ถูกบดบังทัศนวิสัยจนมองเห็นได้เพียงสามสิบสี่สิบเมตร สายลมแรงม้วนตัวรอบหิมะขาว คมกริบเหมือนมีดตีบนเกราะเหล็ก จนเกิดเป็ประกายไฟ
สภาพแวดล้อมช่างเลวร้าย คนธรรมดาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้
เ่ิูกับอีกหกคนนั่งอยู่บนป้อมรักษาการณ์ขนาดเล็กบนผาน้ำแข็งสูงหลายร้อยเมตร พวกเขากำลังพักผ่อน
เ่ิูออกเดินทางจากลู่ิมาเมื่อวาน
เพราะเป็การเดินทัพ จึงต้องปกปิดเป็ความลับ ไม่เหมือนกับทางสัญจรที่พ่อค้าไปมาค้าขายกันปกติ
ตอนเ่ิูออกเดินทางพร้อมกับอีกหกคนนั้น ได้เดินขึ้นเหนือไปสิบกว่าลี้ แล้วหยุดที่ป้อมทหารซึ่งหลบซ่อนไว้มิดชิด ถูกกระบวนอักขระเคลื่อนย้ายส่งมาอีกป้อมหนึ่ง แล้วก็จะมีกระบวนอักขระเคลื่อนย้ายแห่งใหม่ ส่งพวกเขาไปอีกที่...เป็เช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา
เ่ิูมีหน้าที่ในกองทัพ เส้นทางที่เคลื่อนย้ายจึงลึกลับยิ่งกว่า เป็จุดยุทธศาสตร์อันเป็ความลับที่คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้
ประมาณหนึ่งวัน เ่ิูก็ห่างจากลู่ิมาสี่ห้าพันลี้แล้ว
ยิ่งขึ้นเหนือมากเท่าไร อุณหภูมิก็ยิ่งหนาวเย็น สภาพแวดล้อมเลวร้ายขึ้นทุกที
เผ่าที่เผชิญหน้ากับมนุษย์อยู่ในแดนเหนือก็คือเผ่าปีศาจแดนหิมะ เผ่าพันธุ์ที่เกิดมาอยู่กับหิมะ ปรับตัวเข้ากับความหนาวได้ดีเยี่ยม เป็ภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงตุ่์ ที่ๆ เ่ิูอยู่ตอนนี้มิใช่เขตปลอดภัยแล้ว บางครั้งก็จะเห็นพวกปีศาจอสูรตั้งทัพ ปีศาจอสูรหิมะเป็ญาติกับเผ่าปีศาจ ไม่มีสติปัญญา แต่พลังทำลายล้างมหาศาล ป้อมทหารของอาณาจักรเองก็อาจถูกแรงโจมตีของมันด้วย
ดังนั้น ที่นี่จึงไม่ปลอดภัย
“ตอนนี้กำลังติดต่อป้อมหมายเลขหกสิบเจ็ด ต้องใช้เวลาเสียหน่อย ใต้เท้าโปรดรอก่อน”
ผู้รักษาป้อมคือทหารเอกที่ผ่านมาร้อยศึก ทหารเก่าแก่ซึ่งถูกส่งตัวมาจากด่านโยวเยี่ยน ดูภายนอกน่าจะอายุราวสามสิบกว่า ร่างกายแข็งแกร่ง ใบหน้ามีเครา เขามีอัธยาศัยดีมาก เดินมาก็ทักทายเ่ิูเลย
“ไม่เป็ไร ขอบคุณมาก” เ่ิูรีบขอบคุณเป็การใหญ่
ผู้รักษาป้อมแห่งนี้นับรวมกันแล้วมีไม่ถึงยี่สิบคนที่ประจำการอยู่ เ่ิูมองสำรวจแล้ว ผู้รักษาน่าจะมีพลังอาณาน้ำพุิญญาตามที่สาม แต่น่าจะเพราะาเ็อย่างลึกลับมาก่อนหน้านี้ ขาจึงพิการเล็กน้อย พลอยทำให้พลังลดลงไปด้วย คนอื่นอยู่อาณาพิภพขั้นห้าจนถึงอาณาน้ำพุิญญาครึ่งก้าว ฝึกฝนขัดเกลาดีแต่อายุค่อนข้างมาก
เป็ทหารเก่าแก่
กลุ่มคนที่ควรค่าแก่การเคารพ
ป้อมทหารนี้เล็กมาก แอบซ่อนอยู่หลังผาน้ำแข็ง มีถ้ำน้ำแข็งอยู่แค่ห้าหกแห่งเท่านั้น ยากจะจินตนาการได้ว่าเหล่าทหารประจำการที่ต้องคอยโรมรันกับปีศาจอสูรทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ จะเบื่อหน่ายและโดดเดี่ยวขนาดไหน และระยะเวลาประจำการที่ป้อมของทหารเก่าแก่ล้วนคือหลายสิบปี บางครั้งหากป้อมถูกปีศาจอสูรโจมตี เหล่าทหารรักษาป้อมได้รับกองสนับสนุนไม่ทันการจนตายในสนามรบ ป้อมขาดการติดต่อ ศพของพวกเขาจะสาบสูญไปตลอดกาล
คนที่นำทางเ่ิูสู่ด่านโยวเยี่ยนคือนายกองผู้เกรียงไกรแห่งกรมสอดแนมสี่คน
หลังจากส่งเ่ิูถึงที่หมายแล้ว พวกเขายังต้องกลับไปรับคำสั่งต่อไปอีกด้วย
ตลอดทางที่ผ่านมา เ่ิูได้ทำความคุ้นเคยกับทั้งสี่เรียบร้อยแล้ว จึงมีเอ่ยมีหัวเราะบ้างตามประสา
เปลวเพลิงในป้อมแผดเผาเปรี๊ยะๆ
ภายนอกนั้นนอกจากเสียงวายุแรงกล้ากรีดร้องแล้ว ยังมีเสียงคำรามขู่ของปีศาจอสูรดังมาไม่ขาดสาย
ผ่านไปพักหนึ่ง หัวหน้าหน่วยรักษาป้อมก็ปรี่เข้ามา หน้าตาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ “ไม่รู้เกิดอะไรกันขึ้น กระบวนอักขระเคลื่อนย้ายของป้อมหมายเลขหกสิบเจ็ดถึงติดต่อไม่ได้ ใต้เท้าทุกท่าน บางทีพวกท่านอาจต้องรออีกหลายชั่วโมงแล้วล่ะ...”
เ่ิูขมวดคิ้วพลางถาม “ก่อนนี้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไหม?”
“เคยมีบ้างขอรับ แต่ไม่มากนัก บางครั้งสภาพอากาศเลวร้ายเกินไปจนกระทบถึงคลื่นโคจรของพลังใต้หล้า ทำให้กระบวนอักขระติดต่อไม่ได้ แต่ลองอีกสองสามรอบก็หายแล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังลองอยู่ ขออภัยทุกท่านจริงๆ ใต้เท้าท่านโปรดรออย่างใจเย็นก่อนนะขอรับ...” หัวหน้าผู้รักษาป้อมขยายความหน้าร้อน
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ รอสักหน่อยก็ไม่เสียหลาย อย่ารีบร้อนนัก” เ่ิูยิ้มอย่างผ่อนปรน
หัวหน้าผู้รักษาตอบรับแล้วรี่ไปจัดการอีกครั้ง
เ่ิูเมียงมองท้องฟ้าด้านนอกที่ค่อยๆ มืดลงขึ้นทุกที ไม่รู้เพราะเหตุใด กระบวนเคลื่อนย้ายเมื่อวานก็ยังดีอยู่เลย
เป็ไปดังที่คาด จนเลยเที่ยงคืนไปแล้ว กระบวนอักขระก็ยังขาดการติดต่อ
เ่ิูและอีกสี่คนทำได้เพียงพักผ่อน รีรออย่างใจเย็น
เงื่อนไขของป้อมทหารมีขีดจำกัด เ่ิูกับนายกองทั้งสี่จึงต้องนอนห้องเดียวกันไปก่อน
เวลาล่วงเลยผ่าน
นายกองสี่คนนอนแยกกันสี่มุมบนเตียงอันเย็นเยียบ พวกเขาหลับตาพักผ่อน มือกอดดาบไว้ในอก ทว่าเห็นได้ชัดเจนว่ายังไม่หลับ ทั้งสี่ระแวดระวังยิ่งนัก คอยรักษาความปลอดภัยที่บานหน้าต่างทั้งสี่ด้านไว้ พร้อมรับมือกับภัยให้เ่ิู สำแดงคุณสมบัติอันสูงส่งของทหารออกมาเต็มที่
เ่ิูนอนหลับอยู่กลางเตียง
ในความคิดเขานั้นพลันนึกถึงคืนก่อนที่จากบ้านมา แล้วหลี่ฉือเจินฝากกล่องไม้ให้ชิงชิงมาให้เขา
ในกล่องไม้นั้น คือแผ่นขนสีส้มเหลือง ไม่รู้ทำมาจากตัวอะไร มีไรขนอ่อนเป็เส้นๆ แข็งทนทานมาก มีปราณโคจรอยู่เบาบาง ปลดปล่อยแสงน้อยๆ สีเหลืองอ่อน บนแผ่นขนนั้นจารึกตัวอักษรประหลาดไว้กลุ่มหนึ่ง เหตุที่เ่ิูตระหนกอย่างมากก็เป็เพราะมันเป็อักษรของยุคเทพมาร
จากนั้นเมื่อเขาอ่านมันอย่างละเอียด จึงพอรู้ว่าเป็ศัพท์เกี่ยวกับยาเม็ดโบราณ
ความรู้งูๆ ปลาๆ ที่เ่ิูมีต่อยาโบราณนั้นมีไม่พอ ทว่าก็พอดูออก ว่ามันเป็ยาเม็ดโบราณที่เกี่ยวกับการแข็งพลังภายในและสูบพลังแห่งใต้หล้า นามว่า ยาเวหาลี้ลับ หากสร้างยานี้สำเร็จ เช่นนั้นกำลังภายในที่ยาเวหาลี้ลับดวงเดียวสร้างขึ้น ก็จะเติบโตแข็งแกร่งยิ่งกว่าการฝึกฝนแบบปกติสองเดือนของผู้แข็งแกร่งอาณาน้ำพุิญญาทั่วไป
เ่ิูอ่านจบแล้วก็ตะลึง
ค่าของยาเวหาลี้ลับนี้ เกินจะจินตนาการได้
หากเื่ยาแผ่นขนนี่แพร่หลายออกไป มีหวังมากพอจะทำให้ผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายห้ำหั่นกัน ในส่วนจอมยุทธ์คงหลีกเลี่ยงลมฝนแห่งการนองเืไม่พ้น
และเขาก็ไม่อาจรู้ว่าทำไมยานี่ถึงอยู่กับหลี่ฉือเจินได้
คือของขวัญที่ฟ้าประทานจริงแท้
เ่ิูอ่านอยู่หลายสิบรอบ ซึบซับเอาเนื้อหาของยาจดจำไว้ในใจ จากนั้นก็นำยาติดตัวไว้ตลอดเวลา ส่วนกล่องไม้ใส่ยานั้น เ่ิูได้เก็บไว้ที่คฤหาสน์
นอกประตูน้ำแข็ง ลมหนาวโหยหวน
เ่ิูวางแผนว่ารอจนถึงด่านโยวเยี่ยนเมื่อใด เขาคิดจะหาวิธีฝึกฝนศิลปะทำยา อย่างดีที่สุดคือเขาทำยาเวหาลี้ลับเป็ผลสำเร็จ ถ้าเป็เช่นนั้นความไวในการฝึกวิชาจะได้มากขึ้นด้วย
เ่ิูนอนเหยียดอยู่บนเตียงน้ำแข็ง ฝึกฝนใจด้วยวิชาลมหายใจไร้ชื่อ ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะว่างเปล่าราวกับนอนหลับสนิท
ข้างกายตามมาด้วยเสียงกรนของนายกองทั้งสี่
สี่ทิศอากาศหนาวเหน็บทวีคูณ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด
ทันใดนั้น เื่ประหลาดก็บังเกิด
เ่ิูที่เข้าสู่สภาวะแน่นอนแล้วหวาดผวาโดยไร้สาเหตุ เหงื่อไหลบ่าออกมาตามรูขุมขน ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับลางสังหรณ์ภัยร้ายของอสูร ร่างกายถึงได้ตอบสนองไวกว่าความคิดอ่านของเ่ิู เขากลิ้งไปทางขวาแทบจะทันที...
ชิ้ง!
ไอดาบตัดเตียงที่เขาเพิ่งนอนไปเมื่อครู่
เตียงน้ำแข็งแตกออกเป็สี่ห้าท่อน
เ่ิูกระตุ้นกำลังภายใน รวมกำลังไว้ที่ฝ่ามือ ยืมพลังะเืกลับไปหกเจ็ดเมตร หยุดยืนแน่วแน่อยู่มุมห้อง
อีกด้าน
นายกองที่ลอบเสือกดาบคนนั้น มองมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ผู้ที่ลอบโจมตี คือหนึ่งในสี่นายกองแห่งกรมไส้ศึกที่นำทางเ่ิูมาส่งด่านโยวเยี่ยน
เขาไม่นึกเลยว่าดาบเดียวที่ตนเล็งแล้วเล็งอีกว่าต้องแทงเ่ิูได้แน่กลับพลาดเป้า คนนอนหลับสนิททำไมถึงตอบสนองได้เร็วปานนี้
“ทำไมเ้าถึงทำเช่นนี้?” เ่ิูสีหน้าเย็นเยือก
นายกองคนนั้นสงบลง เมื่อยินคำแล้วก็เผยยิ้มชั่ว “มีคน้าเอาชีวิตเ้า”
เอ่ยจบ ดาบยาวสั่นไหว พลังปราณพุ่งสูง แสงดาบดั่งดวงดาวเสียดสังหาร
เ่ิูใจสะท้าน
พลังของนายกองคนนี้แกร่ง อย่างน้อยๆ ต้องเป็ยอดฝีมือระดับอาณาน้ำพุิญญาขั้นสาม
ก่อนหน้านี้เขาแสร้งทำเหมือนตัวเองมีพลังแค่อาณาพิภพขั้นหก ประสบการณ์เด็กหนุ่มยังน้อยจึงมองไม่ออก
เ่ิูใจเต้น เขายังไม่โต้กลับ แต่กระตุ้นกำลังภายในแวบมายังโพรงน้ำแข็งอีกโพรง หลีกหนีการโจมตีอันดุดันไปได้
นายกองคนนั้นคำรามต่ำ ฟาดดาบใส่ไม่เว้นจังหวะเหมือนน้ำท่วมในฤดูใบไม้ร่วง ไอเย็นปกคลุมทั่วห้อง ดาบประชิดเข้ามาทุกทีๆ
เ่ิูกำลังจะตอบโต้ ทันใดนั้นเองที่เื่ไม่คาดฝันบังเกิดขึ้นอีกหน
ฟิ้วๆๆ!
ไอดาบผ่ากระดูกอีกสองสายกำเนิดจากอีกสองร่างที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็ง รวดเร็วปานฟ้าแลบ คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา พุ่งเข้ามาลอบฆ่าเ่ิูจากด้านข้างและด้านหลัง พริบตาเดียวดาบก็ตัดชุดเ่ิูขาดสะบั้น...
ลอบโจมตีอีกแล้ว
นายกองสองคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงน้ำแข็ง ต้องเป็นักฆ่าเช่นเดียวกัน
พลันสภาพการณ์ที่เรียกว่าต้องฆ่าให้จงได้ก็เป็รูปเป็ร่างขึ้นมา
เ่ิูเผชิญหน้ากับศัตรูถึงสามคน
เรียกได้ว่าตกอยู่ในสภาพที่ตายแหงแก๋
“ตายซะเถอะ!” นายกองคนแรกที่ลงมือะโลั่นยามยิ้มร้าย ไอดาบเพิ่มอีกสามส่วน
เ่ิูยกมุมปากขึ้นมา
ฉับพลันในห้องน้ำแข็งก็เกิดไอสีเงินพื้นที่
กระบี่ยาวน้ำหลากปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเ่ิู
กระบี่ฉ่าวชาง!
อาวุธิญญาที่ถูกให้ความอบอุ่นชุ่มชื้นเลี้ยงดู เก็บงำอยู่ในโลกทะเลทรายตันเถียนของเ่ิูมาโดยตลอด ได้ออกโรงเป็ครั้งแรก ชั่ววินาทีที่เ่ิูกำกระบี่นั้นไว้ในมือ กระบี่ฉ่าวชางก็ราวกับรู้ใจ ก่อเกิดเสียงกระบี่สั่นกึงๆๆ ชัดแจ๋ว มันสั่นะเืเล็กน้อย ไอเย็นใสอบอวลไปทั่วห้องน้ำแข็งดุจน้ำท่วม
วารีใบไม้ร่วงเปล่งปลั่งหยกกระดูก
กระบี่ยาวสำแดงตนเืหลั่งนอง
ไอกระบี่ะเิ
แคว่กๆๆ!
เสียงผ้าไม้ฉีดขาดเบาๆ ดังมา
ดาบยาวสามเล่มที่พุ่งแทงเ่ิู เมื่อถูกตัวเขามันก็แข็งทื่อ ราวกับงูพิษสามตัวสิ้นใจ ไม่อาจรุกคืบได้แม้แต่นิ้วเดียว
เ่ิูกายดั่งลมเร็วพัดผ่านไปอีกสองเมตร
นายกองสามคนเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและยากจะเชื่อ
ตอนนั้นเองที่กระบี่ฉ่าวชางสว่างไสว ราวพายุคมดาบผ่านร่างพวกเขา และกระชากชีวิตพวกเขา กระบี่เร็วมากจนตอนนี้นายกองก็ยังมองไม่เห็นปากแผลตัวเอง แต่ทั้งสามก็รู้สึกได้ชัดเจนแล้วว่า ร่างกายตัวเองโดนตัดเอวขาดไปแล้ว
“ทำไม...ถึงเป็...เช่นนี้?” นายกองที่เป็หัวหน้าถามอย่างยากเย็น “เ้ารู้ได้อย่างไร...”
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเ่ิูถึงได้ดวงดีเพียงนี้ หลบการโจมตีของเขาได้ทีหนึ่ง จากนั้นก็หลบสภาพที่ต้องโดนฆ่าเต็มรูปแบบได้อีก
คิดไปคิดมา ก็น่าจะมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...
เ่ิูรู้มานานแล้วว่าตัวเขา้าสังหาร ดังนั้นจึงมีการป้องกันตัวไว้ก่อนแล้ว
เป็คำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดเพียงข้อเดียว
ต้องรู้ไว้ก่อนว่า เพื่อที่จะลอบฆ่าในวันนี้ พวกเขาได้เตรียมการมานานขนาดไหน
จากที่มองพลังแท้จริงของเ่ิูไว้ในแง่ดีที่สุด อย่างมากไม่เกินอาณาน้ำพุิญญาตาที่สองขั้นสูงสุด ต่อให้เป็แค่คนใดคนหนึ่งในพวกเขาสามคนตัวต่อตัวกับเ่ิูก็มีพลังพอจะฆ่าเขาได้ทั้งนั้น ทำไมเมื่อสามคนร่วมมือกันถึงได้กลับตาลปัตรเป็โดนเ่ิูฆ่าแทน?
หรือข่าวก่อนหน้านี้ จะเข้าใจผิดทั้งหมด?
“บอกมา ใครใช้ให้พวกเ้าตามฆ่าข้า?” เ่ิูครูดกระบี่เฉียงลงกับพื้น เขาเดินใกล้เข้ามา ท่าทางดุร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้