เกี่ยวกับเื่ที่ซูเฟยซื่อมีสมบัติล้ำค่าอะไรในมือสมบัติล้ำค่าเหล่านี้มีประวัติความเป็มาอะไร นางก็ไม่รู้ด้วย
ดังนั้นซูเฟยซื่อกล่าวแบบนี้นางก็เชื่อแบบนี้แล้ว อดที่จะแอบยินดีปรีดาในใจไม่ได้
ของที่ซูจิ้งโหยวส่งมาหรือ? นั่นต้องเป็ของดีในพระราชวังแน่!
ซางจื่อได้เตรียมกุญแจคล้องใจไว้มานานแล้วก็นำออกมาโดยเร็ว “คุณหนู”
ซูเฟยซื่อรับเอากุญแจคล้องใจวางไว้ในมือเล่นอย่างระมัดระวังรอบหนึ่งแล้วจึงพูดช้าๆ ว่า “ขณะที่พี่ใหญ่ส่งกุญแจคล้องใจคู่นี้มาให้ข้ายังได้กล่าวว่า ปีนั้นเพราะนางใช้กุญแจคล้องใจนี้คล้องเอาพระทัยของฮ่องเต้ไว้ระหว่างสามีภรรยา คนหนึ่งอันหนึ่ง ต้องร่วมใจชั่วนิรันดร์แน่นอนยามผมหงอกก็ไม่พรากจาก”
เดิมจือฉีก็เต็มไปด้วยความสนใจต่อกุญแจคล้องใจคู่นี้ตอนนี้ได้ฟังประวัติของกุญแจคล้องใจคู่นี้อีก อดไม่ได้ที่จะยิ่งดีใจแล้ว
ร่วมใจชั่วนิรันดร์ยามผมหงอกก็ไม่พรากจาก
ถ้านางสามารถใส่กับหลี่ฉีคนหนึ่งอันหนึ่ง ถ้าเช่นนั้น...
ซูเฟยซื่อมองดูนางที่มีรอยยิ้มสดใสอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเ็าในใจ
นางกับซูจิ้งโหยวมีความสัมพันธ์ที่ดีถึงลำดับขั้นให้ของขวัญส่งกุญแจคล้องใจมาให้?
เกรงว่าจือฉีดีใจมากเกินไปแล้วจึงไม่ได้สังเกตช่องโหว่ที่ชัดเจนขนาดนี้
แต่ในเมื่อนางคิดอยากได้มากขนาดนั้นถ้าเช่นนั้นนางก็จะให้
มุมปากซูเฟยซื่อหยักเบาๆก็หันไปส่งกุญแจคล้องใจให้จือฉี “เป็รางวัลให้เ้าแล้ว หวังว่าสักวันเ้าจะได้พบกับชายในดวงใจตามความปรารถนาของตน”
เจตนาของนางเป็เื่จริงส่วนความตั้งใจรอบนี้จะกลายเป็พรหรือสาปแช่งก็ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกของจือฉีเองแล้ว
“ขอบคุณคุณหนูเ้าค่ะบุญคุณของคุณหนู บ่าวไม่มีวันลืมชั่วชีวิตเ้าค่ะ”จือฉีพูดอย่างราบรื่น รีบยื่นมือออกไปรับ
แต่ซูเฟยซื่อกลับขมวดคิ้วในชั่วพริบตาที่นางยื่นมือมา
เพียงมองปราดเดียวนางก็แน่ใจว่ากำไลหยกบนข้อมือจือฉีวงนี้เป็ของชั้นเลิศ
อย่างน้อยด้วยฐานะของจือฉีเป็ไปไม่ได้ที่จะซื้อหาได้
ดูเหมือนสังเกตได้ถึงแววตาของซูเฟยซื่อแล้วจือฉีรับกุญแจคล้องใจไว้ก็รีบดึงๆ แขนเสื้อ พยายามที่จะปิดซ่อนกำไลหยกวงนั้น
แต่ซูเฟยซื่อจงใจเบนสายตากล่าวอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจว่า “ไม่มีวันลืมชั่วชีวิตก็ไม่จำเป็แล้ววันข้างหน้าพวกเ้าย่อมต้องแต่งงาน แต่คนที่ซื่อสัตย์กับข้าตลอดที่ผ่านมาข้าไม่เอาเปรียบ ในทางกลับกัน ถ้าทรยศ ข้าจะให้นางต้องชดใช้”
ทันทีที่นางพูดแบบนี้ออกจากปากซางจื่อกับจือฉินรู้ทันทีว่านางกำลังเตือนจือฉี
แต่จือฉีมัวดื่มด่ำอยู่กับความดีใจในกุญแจคล้องใจอย่างเต็มปรี่ไม่ได้ตระหนักถึงความแปลกนี้ “ที่คุณหนูกล่าวมาถูกต้องเ้าค่ะ บ่าวจะไปดูว่าในห้องครัวยังมีขนมอะไรที่ยังไม่ได้ยกมาอีกหรือไม่จะปล่อยให้วางรอจนเย็นไม่ได้เ้าค่ะ”
กล่าวจบก็วิ่งออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากซูเฟยซื่อ
ไม่รู้ว่านายหญิงโหยววันนี้มาจวนอัครมหาเสนาบดีหรือไม่ถ้ามา ก็ให้นางเอากุญแจคล้องใจไปให้หลี่ฉี
จือฉีเพิ่งออกไปซางจื่อก็ด่าอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “คุณหนู เห็นได้ชัดว่านางมองท่านเป็คนโง่นะเ้าคะกำไลหยกวงใหญ่ขนาดนั้นใช้แขนเสื้อปิดซ่อนไว้ ถือว่าดวงตาของเราล้วนบอดไปแล้วหรือเ้าคะ?”
“พี่ซางจื่อไม่ต้องโกรธจือฉีไม่รู้จักถนอมไว้ นั่นเป็ความสูญเสียของนาง” จือฉินรีบปลอบใจแต่ในใจก็ไม่ค่อยสบายนัก
กลับเป็ซูเฟยซื่อที่เฉยเมยเหมือนเดิม“ข้าได้ให้โอกาสนางแล้ว แต่ในเมื่อนางไม่คว้าไว้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษข้าว่าอำมหิตโหดร้ายแล้วกัน”
ซางจื่อพยักหน้า“คุณหนูได้พยายามให้คำแนะนำที่ดีที่สุด ช่วยนางที่ได้หลงผิดอย่างถึงที่สุดแล้วเป็จือฉีที่ยึดมั่นในความมั่งคั่งมากเกินไป มิฉะนั้นเื่ที่ชัดเจนขนาดนี้ทำไมจึงดูไม่ออก ต่อให้หลี่ฉีตกต่ำอีก ดีร้ายอย่างไรก็เป็คุณชายคนโตของตระกูลหลี่ต่อให้หาคุณหนูครอบครัวขุนนางไม่ได้ หาหญิงสาวที่โดดเด่นในสถานที่เล็กๆหาหญิงสาวชาวบ้านสักคนก็ได้ไม่ใช่หรือ? ต้องหาคนรับใช้คนหนึ่ง!”
“คุณหนูในเมื่อเราได้ยืนยันว่าจือฉีผิดปกติ ท่านวางแผนจะจัดการเื่นี้อย่างไรเ้าคะ?” จือฉินใจละเอียดอ่อนดุจผงคลีปุ๊บปั๊บก็นึกถึงเื่นี้
“ข้าจะไม่ให้ใครมีโอกาสทำร้ายข้าอีกแล้วในเมื่อนางแซ่โหยวคิดหลอกใช้จือฉีเล่นงานข้า ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไปตามน้ำให้นาง”ซูเฟยซื่อหรี่ตา รังสีสังหารในดวงตาแผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว
นางไม่สามารถปล่อยให้เื่เช่นตอนรถม้าเกิดเป็ครั้งที่สองดังนั้นครั้งนี้ต้องชิงลงมือก่อน
แบบที่นางแซ่โหยวไม่ทันตั้งตัวทั้งให้หลี่ฉีไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกด้วย
“คุณหนูมีแผนแล้ว?” ซางจื่อถาม
ซูเฟยซื่อพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบโดยตรง “ใช่แล้ว อาการาเ็บนร่างหลี่ฉีเป็อย่างไรแล้ว?”
แววประหลาดใจกระพริบผ่านดวงตาซางจื่ออย่างรวดเร็วไม่คาดว่าซูเฟยซื่อถามถึงอาการาเ็ของหลี่ฉีขึ้นมา ใช่กลัวว่าเขาตายแล้วหรือ?
“นางแซ่โหยวมาเพื่อขอร้องนางแซ่หลี่ถือว่าช่วยหลี่ฉีเก็บชีวิตหนึ่งมาได้ แต่ถ้าไม่นอนพักหลายเดือนก็เป็ไปไม่ได้ที่จะดีขึ้นอย่างเด็ดขาด”ซางจื่อตอบตามจริง
“หลายเดือน?” ซูเฟยซื่อขมวดคิ้ว“รอนานขนาดนั้นไม่ได้”
“วาจานี้ของคุณหนูหมายความว่าอะไร? หรือว่าท่านยังหวังให้อาการาเ็ของหลี่ฉีหายเร็วๆ?” ซางจื่อไม่เข้าใจเจตนาของซูเฟยซื่อ
เพียงเห็นซูเฟยซื่อพยักหน้า“ข้าต้องไปหาอวี้เสวียนจีที่นั่นสักครั้ง สวนปี้หวินก็มอบให้เ้าแล้วให้เซ่าชิงลอบสังเกตการณ์จือฉีทุกฝีก้าวในที่ลับ ทุกอิริยาบถต่างต้องรายงานข้า”
กล่าวจบนางก็เดินหายออกไปจากสวนปี้หวินแล้ว
“ตำหนักท่านอ๋องเก้าพันปีไม่มีประตูหรือ?” ทันทีที่ผลักประตูเปิดออกเสียงของอวี้เสวียนจีอันน่าสยองก็ดังขึ้นมา
ซูเฟยซื่อกลับมีภูมิคุ้มกันต่อเสียงชนิดนี้แล้วนอกจากรู้สึกทั่วร่างชาไปบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใดๆ
“ข้าน้อยน้อมพบท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”เพราะเดานิสัยที่เอาแน่เอานอนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของอวี้เสวียนจีไม่ได้แม่นยำดังนั้นซูเฟยซื่อยังใช้การคำนับตามกฎระเบียบ
เพียงรออวี้เสวียนจีพยักหน้าส่งสัญญาณให้นางลุกขึ้นจึงเอ่ยปาก “เข้าทางประตูยุ่งยากยิ่งกว่านั้นข้าเป็หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนคนหนึ่งถูกผู้คนเห็นว่าเข้าตำหนักของท่านอ๋องเก้าพันปีไม่รู้ว่าเมืองหลวงจะแพร่ข่าวลือที่เกินจริงอย่างไรออกมา”
อวี้เสวียนจีพลิกตัวไปด้านข้างเปลี่ยนท่าที่ให้สะดวกสบายมากขึ้น แล้วจึงหรี่ตาลง “อ้อ? เ้ารู้สึกว่าเราสองคนสามารถแพร่ข่าวลือที่เกินจริงอย่างไรออกมาได้?”
ซูเฟยซื่อครุ่นคิดอย่างจริงจังสักครู่“ทุกอย่างเป็ไปได้ทั้งหมด ยกเว้นการตั้งครรภ์”
“ฮ่าๆๆ คิดแบบนี้ ข้าอุปราชกลับยังขาดลูกชายคนลูกสาวครึ่งคนแล้วจริงๆ นังหนูเ้าสนใจเรียกข้าอุปราชเป็พ่อสักคำไหม?” หัวข้อของอวี้เสวียนจีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมากเล่นเกราะทองบนนิ้วหัวแม่มือ แล้วเลิกคิ้วขึ้นท่าทางเหมือนปีศาจ
อะไร? นางคงไม่ได้ฟังผิดหรอกนะ!
ไม่คาดว่าอวี้เสวียนจีอยากให้นางเรียกเขาว่าพ่อ?
ลองนึกภาพว่านางถูกอวี้เสวียนจีอุ้มไว้ในอ้อมแขน ค่อยๆ แกว่งไกว ในปากยังยัดจุกนมอันหนึ่ง
จินตนาการว่านางฉี่แล้วอวี้เสวียนจีเอาผ้าอ้อมผืนใหญ่เป็พิเศษ ยิ้มระรื่นวิ่งตะบึงเข้ามาหานาง
จินตนาการไปอีกว่าอวี้เสวียนจีชี้ไปที่นาง แนะนำต่อขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ในทั่วราชสำนักและประชาชนทั่วเมืองหลวงนี่เป็ลูกสาวของข้า ขอทุกคนโปรดดูแลให้มาก
ซูเฟยซื่อเพียงรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาถ้าเป็เช่นนี้ นางยอมตายดีกว่า
“ขอบคุณสำหรับท่านอ๋องเก้าพันปีที่เมตตาข้าน้อยไม่ได้มีความโชคดีในส่วนนี้เ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อฝืนยิ้มมุมปากพลางกล่าว
“ไม่ได้มีความโชคดีในส่วนนี้ยังกล้ามาหาข้าอุปราชเพื่อขอความช่วยเหลือ?” อวี้เสวียนจีไม่ได้โกรธแต่พูดเจตนาการมาของซูเฟยซื่อออกมาโดยตรง
ซูเฟยซื่อตะลึงไปแล้ว“ท่านอ๋องเก้าพันปีรู้ได้อย่างไร”
“ไม่มีธุระไม่มาอุโบสถซานเป่า”ไม่รอให้นางพูดจบ อวี้เสวียนจีขัดจังหวะทันที
ผู้หญิงใจร้ายคนนี้นอกจากยามมีเื่มาขอความช่วยเหลือจากเขาก็ไม่คิดปรากฏตัว ในเวลาอื่นๆกลัวว่ากระทั่งเขาหน้าตาเป็อย่างไรก็ล้วนไม่จดจำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้