“คิกๆๆ”ูเี่อันอดขำไม่ได้ “พี่คะ หนูรู้จักเสี่ยวซีดีกว่าพี่ตอนนี้เธอคงฟังอบรมอยู่ที่บริษัทแน่ๆเธอไม่ใช่นางเอกในนิยายที่พอเกิดเื่แบบนี้ก็ถึงกับนอนฝันร้ายใกลัวจนไม่กล้าออกไปไหนหรอกนะเพราะฉะนั้นที่หนูสนใจมากกว่าคือ พี่ตั้งใจไปหาเธอใช่หรือเปล่า?”
ซูอี้เฉิงวางตะเกียบในมือก่อนจะพูดอย่างทนไม่ไหว
“ลู่เป๋าเหยียนดูแลเมียนายดีๆ หน่อย”
ลู่เป๋าเหยียนในตอนนี้สนใจแต่การคีบก้างออกจากเนื้อปลาใหู้เี่อัน
“เธอกำลังสนุก ฉันแค่เฝ้ามองก็พอ”
ริมฝีปากของูเี่อันโค้งขึ้นอย่างอัตโนมัติความสุขและความอิ่มเอมใจเอ่อล้นออกมาจากรอยยิ้มนั้นเธอกินเนื้อปลาที่ลู่เป๋าเหยียนคีบมาให้อย่างพอใจ
ซูอี้เฉิงถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
“พี่ชักทนมองต่อไม่ไหวแล้ว”
เสิ่นเยว่ชวนดีดนิ้วหนึ่งทีก่อนเอ่ยคำแนะนำ“เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่ใช่เพื่อนนาย จะบอกอะไรให้ นายก็หาแฟนสักคนสิหาแฟนมาสวีทต่อหน้าคนพวกนี้ไง หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง แล้วอย่าบอกนะว่าหาแฟนมันยากเพราะนายมีอยู่คนหนึ่งแล้วก็คือลั่วเสี่ยวซี!”
“ไปไกลๆ...เลย” ซูอี้เฉิงสบถ
“นายไม่คิดอะไรกับลั่วเสี่ยวซีจริงๆงั้นเหรอ” เสิ่นเยว่ชวนเท้าคางพลางใช้ความคิด “งั้นฉันไปจีบเธอดีไหม? หน้าดีก็ดีหุ่นก็แซ่บสาวสวยระดับนี้ไม่เลวเลยว่าไหม!”
ซูอี้เฉิงหัวเราะเสียงเย็นเสิ่นเยว่ชวนรับรู้ได้ทันทีว่าเสียงหัวเราะนั่นส่งมาให้...ตัวเขาเอง
“หัวเราะแบบนี้หมายความว่าไงวะ”เสิ่นเยว่ชวนพับแขนเสื้อทำท่าเหมือนพร้อมสู้กับคนตรงหน้า
ซูอี้เฉิงพูดช้าๆ“นายนึกว่าหลายปีมานี้เธอไม่มีใครมาจีบเลยหรือไง?”
สิ่งที่เขาจะสื่อคือคนที่มาตามจีบลั่วเสี่ยวซีไม่มีใครประสบความสำเร็จเลยสักคนเสิ่นเยว่ชวนก็เช่นเดียวกัน นั่นก็เพราะในใจของลั่วเสี่ยวซีมีแค่เขาคนเดียว
ขณะที่เสิ่นเยว่ชวนยังคงทำความเข้าใจกับประโยคเมื่อครูู่เี่อันก็หลุดหัวเราะพรืดออกมาไม่ได้
ตอนนั้นเองทีู่เี่อันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เหมือนจะขาดใครไป
“มู่ซือเจวี๋ยล่ะ?”ลู่เป๋าเหยียนกับเสิ่นเยว่ชวนมาที่นี่ เขาก็ควรมาด้วยนี่นา
“กลับเมือง G ไปแล้ว”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ธุรกิจของเขาอยู่ที่เมือง G ปกติไม่ค่อยมาเมือง A สักเท่าไร”
แบบนี้นี่เองูเี่อัน “อืม” ตอบกลับไป ก่อนจะส่งเนื้อปลาไร้ก้างที่อยู่บนจานเข้าปาก
เสิ่นเยว่ชวนมองอย่างอิจฉาตาร้อนเขาก็เริ่มอยากจะมีแฟนบ้างแล้วเนี่ย เขาไม่ขออะไรมากขอแค่ได้เห็นเธอมีความสุขแบบนี้ก็พอแล้ว
หลังกินปลาย่างเสร็จซูอี้เฉิงกับเสิ่นเยว่ชวนก็กลับกันไปก่อนขณะทีู่เี่อันกำลังสงสัยว่าเธอกับลู่เป๋าเหยียนจะอยู่ทำอะไรต่อที่นี่ทันใดนั้นลู่เป๋าเหยียนก็จูงมือเธอขึ้นมา
“ฉันจะพาเธอไปเจอคนคนหนึ่ง”
ที่จริงูเี่อันพอจะเดาได้ว่าคนคนนั้นเป็ใครแต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็ชายสูงวัย
ในห้องหนังสือที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกกลิ่นหอมของควันธูปลอยไปทั่วห้อง ทำให้คนที่เข้ามารู้สึกจิตใจสงบอย่างประหลาด
ชายวัยใกล้หกสิบยืนอยู่ที่โต๊ะหนังสือมือข้างหนึ่งถือพู่กันกำลังตวัดร่างภาพที่ใกล้เสร็จสิ้น
ูเี่อันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพเขียนพู่กันจีนก็จริงแต่เธอเพิ่งเคยเห็นคนที่จัดการควบคุมทิศทางของหมึกได้ดีเป็ธรรมชาติขนาดนี้
“เจี่ยนอันนี่คือคุณลุงถิง”ลู่เป๋าเหยียนเอ่ยคำแนะนำ “ท่านเป็เพื่อนสนิทของพ่อฉันเคยช่วยเหลือฉันมามาก”
“สวัสดีค่ะคุณลุงเถิง”
ูเี่อันยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำทักทายด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือและขอบคุณอยู่ในนั้น
เธอเคารพเขาเพราะน้ำใจที่เขามีให้และขอบคุณที่เขาช่วยเหลือลู่เป๋าเหยียน
คนแบบลู่เป๋าเหยียนถ้ามีเื่ที่ต้องให้คนอื่นช่วยคงเป็เื่ยุ่งยากการที่คุณลุงเถิงช่วยเหลือเขาได้นั้นคงจะเป็่เวลาที่ลู่เป๋าเหยียนยากลำบากที่สุด เพราะฉะนั้นเธอถึงรู้สึกขอบคุณเขา
ลุงเถิงมองูเี่อันอย่างพิจารณาก่อนจะยิ้มและเดินมาหา
“เป๋าเหยียนเคยให้อาดูรูปของหนูภาพพวกนั้นถ่ายออกมาไม่ได้เื่เลย ตัวจริงหนูสวยกว่าเยอะ”
ูเี่อันหน้าเริ่มแดงเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังภาพวาดของคุณลงุเถิง เขาจึงอธิบาย
“ฉันวาดฆ่าเวลาน่ะ”
“คุณอาวาดได้สวยงามมากค่ะ”ูเี่อันกล่าว “หนูไม่ค่อยรู้เื่พวกนี้เท่าไร คุณอาเก่งมากเลยค่ะ”
“เห็นแก่คำพูดของหนู...” ลุงเถิงปรายตามองลู่เป๋าเหยียนก่อนเอ่ย“เราช่วยไปหยิบภาพที่แขวนอยู่ในห้องญี่ปุ่นมาทีสิ”
ภาพนั้นคุณลุงเถิงใช้เวลาวาดนานถึงสามปีในวงการนักสะสมมันมีราคาไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมขายให้ใคร
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปชั่วอึดใจคุณลุงเถิงจึงเอ่ยปากเร่ง
“รีบไปสิ”
หลังลู่เป๋าเหยียนเดินออกจากห้องไปูเี่อันจึงถาม
“คุณอามีเื่อะไรอยากจะคุยกับหนูหรือเปล่าคะ”
ชายสูงวัยนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
“หนูฉลาดกว่าเด็กสาวที่อาเคยเจอมาทุกคนเลยนะเจี่ยนอัน อาไม่ได้อยากจะบ่นอะไรให้หนูฟังหรอกก็แค่อยากบอกกับหนูว่าบางครั้งเป๋าเหยียนอาจจะไม่ได้เป็อย่างที่หนูเห็น”
ูเี่อันเงียบไปก่อนเอ่ย
“ลู่เป๋าเหยียนตอนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆเขาดูเป็คนเ็า หยิ่งยโส เว้นระยะห่าง และไร้เหตุผล แต่หนูรู้ดีว่าจริงๆ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นค่ะถึงพวกเราจะแต่งงานกันทั้งๆ ที่ไม่ได้รักกันแต่เขาก็ทำหน้าที่ของสามีได้อย่างไม่บกพร่อง แถมยังดีกับหนูมาก ที่จริงหนูรู้ค่ะว่าคนฐานะแบบเขาอยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้ แต่หลังจากแต่งงานกันมีเพียงข่าวด้านลบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งมันเป็เื่เข้าใจผิด”
“ลู่เป๋าเหยียนเป็คนหนักแน่นมั่นคงและมีความรับผิดชอบมาก เื่นี้หนูทราบดีค่ะ”
เขามองูเี่อันอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมา
“หนูพูดในสิ่งที่อาอยากจะพูดไปหมดแล้วเจี่ยนอัน บอกอาสิว่าหนูชอบเป๋าเหยียนหรือเปล่า? หนูจะยอมอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตไหม”
คำพูดของคุณลุงเถิงเข้าใกล้ความลับของูเี่อันเหลือเกินจนเธอหน้าแดงก่ำหัวใจเต้นรัวอย่างตื่นเต้น
“หนู...หนูไม่ได้เกลียดเขาค่ะแต่สุดท้ายพวกเราจะเป็ยังไง...เื่นี้หนูเองก็ไม่รู้”
“หนูไม่เกลียดเขาแค่นี้ก็พอแล้ว” ลุงเถิงพูดพลางยิ้ม
หืม? หมายความว่าอย่างไร? ถ้าพวกเธออยากอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ต้องขอให้ลู่เป๋าเหยียนไม่เกลียดเธอมากกว่ามั้ง
ูเี่อันไม่ถามต่อและไม่ได้ถามเื่พ่อของลู่เป๋าเหยียนเพิ่มเติม
เพราะนั่นคือาแที่ใหญ่ที่สุดของลู่เป๋าเหยียนเธอหวังว่าสักวันเขาจะเชื่อใจเธอมากพอที่จะบอกเื่นั้นกับเธอด้วยตัวเองว่าเขาเ็ปกับแผลนี้มากขนาดไหน
ไม่นานหลังจากนั้นลู่เป๋าเหยียนก็กลับมาูเี่อันเห็นภาพที่เขาถือมาแล้วชอบมาก
“ถือซะว่าเป็ของขวัญที่เราได้พบกัน” ลุงเถิงกล่าว “วัยรุ่นแบบพวกหนูอาจจะชอบเพชรพลอยมากกว่าแต่ยังไงอาก็อยากจะให้สิ่งนี้ไว้”
“ขอบคุณค่ะคุณอา”ูเี่อันถือภาพเอาไว้แน่น “หนูชอบมากค่ะ”
ก่อนกลับูเี่อันไม่ได้ขอให้ลู่เป๋าเหยียนช่วยถือภาพดังกล่าวเธอกอดมันไว้ราวกับของรักของหวง ลุงเถิงเดินมาส่งเธอที่หน้าบ้านเธอจึงเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง
เมื่อขึ้นรถแล้วูเี่อันจึงถามลู่เป๋าเหยียน
“การวาดภาพเป็แค่งานอดิเรกของคุณลุงเถิงจริงเหรอ”
“ถ้าเขายอมป่านนี้เขาคงเป็ศิลปินชื่อดังไปแล้ว” ลู่เป๋าเหยียนอธิบายช้าๆ พลางบังคับพวงมาลัย
“ภาพที่อยู่ในมือเธอมีนักสะสมคนหนึ่งเคยให้ราคาถึงเจ็ดหลัก”
ูเี่อันช็อกมันมีมูลค่ากว่าอัญมณีเครื่องประดับอะไรพวกนั้นอีกนะเนี่ย!
เธอถอนหายใจเบาๆ“สำหรับคนในยุคปัจจุบันชื่อเสียงนั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไรแล้วทำไมคุณลุงเถิงถึงเลือกที่จะใช้ชีวิตติดดินล่ะ”
“พ่อฉันตอนมีชีวิตอยู่ท่านเป็ทนายความชื่อดังในวงการกฎหมายไม่มีใครไม่รู้จักวันไหนสถานีโทรทัศน์เชิญพ่อไปสัมภาษณ์ก็มักจะได้เรทติ้งเป็ที่หนึ่งเสมอมีคนเคยเรียกพ่อว่า พระเอกแห่งวงการทนาย แต่สุดท้ายเขาก็ต้องมาจากไปเพราะอุบัติเหตุทั้งที่ยังหนุ่ม” ลู่เป๋าเหยียนอธิบาย“เื่นี้มีผลกระทบกับคุณอามาก”
นี่เป็ครั้งแรกที่ลู่เป๋าเหยียนเล่าเื่อุบัติเหตุของพ่อใหู้เี่อันฟังสายตาเขาจดจ้องอยู่บนถนนูเี่อันอ่านแววตาของเขาไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรเธอแค่กลัวว่าเื่นี้จะทำให้เขาคิดถึงเื่แย่ๆ ในอดีตจึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างแเี
สี่โมงกว่าพวกเธอก็กลับมาถึงบ้านูเี่อันโทรศัพท์ไปที่สถานีตำรวจเพื่อคอนเฟิร์มว่าพรุ่งนี้เธอจะกลับไปทำงานตามปกติ
่ที่ผ่านมาเธอได้ไปเมือง G กับลู่เป๋าเหยียน ช่วยเตรียมงานเลี้ยงครบรอบบริษัทแถมยังช่วยกันสร้างข่าวซุบซิบอีกต่างหาก เธอห่างหายจากการทำงานมานานราวกับตนไม่ใช่แพทย์นิติเวชแต่เป็ดาราในวงการบันเทิงอย่างไรอย่างนั้น หรือถ้าให้พูดอีกอย่าง่นี้เธอเป็เพียงภรรยาของเขาทำหน้าที่ในฐานะภรรยาที่ดีของลู่เป๋าเหยียนเพียงอย่างเดียว
แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิดทั้งๆ ที่เธอรักงานของตัวเองมากแท้ๆ...
ตอนหัวค่ำูเี่อันลงมาดื่มน้ำที่ชั้นล่าง ลุงสวีก็ได้บอกเธอว่าลู่เป๋าเหยียนอยู่ในห้องเก็บไวน์ที่ชั้นใต้ดินเพียงลำพัง
เมื่อเทียบกับซูอี้เฉิงแล้วลู่เป๋าเหยียนเก็บสะสมไวน์ที่ตัวเองชอบแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น
มีอยู่ปีหนึ่งเนื่องด้วยสภาพอากาศทำให้โรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งของฝรั่งเศสผลิตไวน์ออกมาได้น้อยกว่าทุกทีแต่ไวน์ในปีนั้นกลับมีรสชาติที่เยี่ยมยอดและที่ถูกนำออกมาวางจำหน่ายมีเพียงไม่กี่สิบขวดเท่านั้นแตู่เี่อันเห็นไวน์ชนิดนั้นอยู่บนชั้นเก็บไวน์ของลู่เป๋าเหยียนกว่าสิบขวด
เธอผลักประตูห้องเก็บไวน์เข้าไปแล้วก็เจอลู่เป๋าเหยียนอยู่ในนั้นจริงๆ
“ทำไมลงมาที่นี่ได้”ลู่เป๋าเหยียนกำลังยืนหน้าเครียดเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่างอยู่ใต้แสงไฟนวลในห้อง
ูเี่อันหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาก่อนจะผลักมันไปไว้ตรงหน้าลู่เป๋าเหยียน
“ดื่มไวน์ทั้งทีก็ไม่เรียกฉันพี่เป๋าเหยียนไม่ไหวเลย”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มก่อนจะรินไวน์ลงไปในแก้วใหู้เี่อันูเี่อันมองไปที่ขวด ก็พบว่าเป็ไวน์หายากขวดนั้นนี่เอง
เธอเขย่าแก้วไวน์เล็กน้อยก่อนเอ่ย
“พี่ฉันมีอยู่สองขวดดื่มหมดไปแล้วขวดหนึ่ง อีกขวดพี่เก็บขึ้นหิ้งเอาไว้ไม่ให้ใครแตะเลยแล้วนายได้มาจากไหนเยอะแยะเนี่ย”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว
“โรงบ่มไวน์นั่นเป็ของฉันปีนั้นผลิตไวน์ได้น้อยแต่รสชาติเยี่ยม ฉันเลยเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่งที่เหลือก็เอาไปแจกคนอื่นหมดแล้ว สองขวดที่พี่ชายเธอมีฉันเป็คนให้เขาเอง”
“...”ูเี่อันนิ่งอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
ลู่เป๋าเหยียนดูจะพอใจกับปฏิกิริยาของเธอมากจึงยกมือขึ้นลูบหัวเธอเล็กน้อย
“โรงบ่มไวน์ที่นั่นสวยมากโดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ตกในหน้าร้อน ไว้มีโอกาสฉันจะพาเธอไป”
ูเี่อันยกแก้วขึ้นชนกับแก้วเขา“นายพูดแล้วนะ!”
“อืม ฉันพูดแล้ว”ลู่เป๋าเหยียนยกไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าสง่างาม แววตาไม่สื่ออารมณ์แน่ชัด
ูเี่อันเท้าคางมองหน้าเขาหลังนิ่งไปสักพักจึงถามขึ้นว่า
“ลู่เป๋าเหยียนนายอารมณ์ไม่ดีงั้นเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะหันมามองูเี่อันเขากำลังจะตอบทว่าเธอกลับโน้มตัวมากอดเขาเอาไว้
หญิงสาวร่างผอมบางตรงหน้าจะกอดเขารอบได้อย่างไรทว่าแขนเรียวคู่นั้นกลับพยายามโอบเขาเอาไว้ให้แน่น จนไม่เหมือนเธอกำลังปลอบเขากลับดูเหมือนเธอกำลังขอให้เขาปลอบใจมากกว่า
“ลู่เป๋าเหยียน่ที่ผ่านมานายทำเพื่อฉันมามากแล้ว เพื่อความยุติธรรมตอนนี้ฉันจะให้นายยืมไหล่ไว้ซบแป๊บหนึ่งก็ได้” เธอแกล้งพูดอย่างหยอกล้อ
