เจียงหลิงตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสิงหนาน ด้านตะวันตกติดกับเมืองปาสู่ ทางเหนือติดกับเมืองเซียงฮั่น มีแม่น้ำล้อมรอบเมือง เป็พื้นที่เชื่อมต่อกับชายแดนที่สำคัญที่สุดทางตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองจิงโจว
เวลาเที่ยงตรง เส้นทางหลักทางตะวันออกของเมืองจิงโจว รถม้าวิ่งโยกไปมา รถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งมาทางหลัก รอบๆ รถม้ามีขบวนม้าอีกห้าหกตัวตามมา
ตอนนี้สามารถมองเห็นเมืองจิงโจวจากที่ไกลๆ เมืองจิงโจวเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายในดินแดนอันกว้างใหญ่
เดินทางหลายวัน โดยไม่หยุด พวกของหยางหนิงก็มาถึงเจียงหลิง
กู้ชิงฮั่นยืนยันที่จะมาตรวจสอบเงินภาษีที่เมืองเจียงหลิงด้วยตัวเอง หยางหนิงไม่วางใจ เขารู้สึกว่าที่เจียงหลิงจะต้องเกิดเื่ใหญ่แน่ๆ กู้ชิงฮั่นไม่มีทางทำเื่นี้ได้อย่างราบรื่นแน่นอน เมื่อบอกว่าจะมากับกู้ชิงฮั่น นางเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรมากนัก นางรู้สึกว่าหยางหนิงใกล้จะได้สืบทอดตำแหน่งโหวแล้ว ก็ถือโอกาสนี้ให้หยางหนิงมาดูบ้านเกิดที่เจียงหลิงก็คงไม่ได้มีปัญหาอะไร
การเดินทางคราวนี้จริงๆ ต้วนชางไห่จะตามมาคุ้มกันด้วย แต่ในเมืองหลวงมีเื่ที่ต้องจัดการมากมาย กู้ชิงฮั่นกลัวพ่อบ้านชิวคนเดียวจะเอาไม่อยู่ ก็เลยให้ต้วนชางไห่อยู่ช่วยพ่อบ้านชิวที่เมืองหลวง จึงให้ฉีเฟิงกับทหารอีกสามสี่คนตามมา
ไฟไหม้ที่เมืองหลวง ทำให้จวนจิ่นอีโหวมีหนี้สินจำนวนมาก ตอนนี้รายรับที่มากที่สุดของจวนโหวคือเงินภาษีจากเจียงหลิง เมื่อทางนี้เกิดปัญหา จวนโหวก็จะเดือดร้อน กู้ชิงฮั่นอยากจะรีบสืบให้รู้ว่าทำไมเงินภาษีของเจียงหลิงถึงได้นานเช่นนี้ ส่งมาไม่ถึงสักที ดังนั้นจึงไม่มีการหยุดพักในการเดินทางเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างทางกู้ชิงฮั่นหวังว่าจะได้เห็นขบวนส่งเงินภาษี แต่ตลอดทางที่ผ่านมาก็ไม่เจอเลยแม้แต่ขบวนเดียว ไม่นานก็เดินทางมาถึงชานเมืองจิงโจว
“ซื่อจื่อ ด้านหน้านี้ก็คือเมืองจิงโจวขอรับ” ฉีเฟิงรู้ว่าหลังจากซื่อจื่อเกิดมา ก็ไม่เคยมาที่เจียงหลิงเลย
เืเนื้อเชื้อไขของจิ่นอีโหว บรรพบุรุษมาจากเจียงหลิง ั้แ่ร้อยกว่าปีก่อน เจียงหลิงถือเป็ต้นตระกูลของพวกเขา แล้วทำให้ที่แห่งนี้เจริญรุ่งเรือง หลังจากจิ่นอีเหล่าโหวตั้งรากฐานที่เมืองหลวง ทั้งตระกูลก็ย้ายไปอยู่เมืองหลวงทั้งหมด แต่ทว่าที่ดินศักดินาของพวกเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นที่นี่ถือเป็รากฐานสำคัญ
ตอนที่ท่านเหล่าโหวยังมีชีวิตอยู่ หากมีเวลา ท่านจะเดินทางมาค้างอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงรุ่นของฉีจิ่ง เวลาที่กลับมาที่นี่นั้นน้อยมาก แต่ว่ายังมีกลับมากราบไหว้บรรพบุรุษอยู่บ้าง
แต่หลังจากจิ่นอีซื่อจื่อเกิด ท่านก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย
บรรพบุรุษของฉีเฟิงเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ตอนนั้นยังเคยกลับมาพร้อมกับฉีจิ่ง จึงต้องคุ้นเคยเส้นทางมากกว่าหยางหนิง เมื่อเห็นเมืองจิงโจวอยู่ข้างหน้าแล้ว ฉีเฟิงก็เลยรู้สึกอบอุ่นใจ
“บ้านเกิดของพวกเราอยู่ในเมืองนี้อย่างนั้นรึ?” หยางหนิงถาม
ฉีเฟิงส่ายหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “บ้านเกิดของท่านโหวอยู่ไม่ไกลจากเมืองจิงโจวนัก ต้องเดินทางไปทางใต้อีกสามสิบสี่สิบลี้ ที่นั่นจะมีบ้านตระกูลฉี บ้านเก่าจะอยู่ติดกับจวนตระกูลฉี อดีตฮ่องเต้ทรงมีราชโองการให้สร้างจวนใหญ่ไว้ให้ท่านเหล่าโหวในเมืองจิงโจว เพื่อระลึกถึงท่านเหล่าโหว ก่อนที่จะสร้างเสร็จ ยังต้องอาศัยอยู่ที่จวนเก่าก่อน” เขายิ้มแล้วพูดว่า “ตอนที่ท่านแม่ทัพกลับมา ก็ยังคงไปพักที่จวนเก่า ทุกครั้งจะมีขุนนางน้อยใหญ่จากที่ต่างๆ ในเจียงหลิง รวมถึงเ้าเมืองของเมืองจิงโจว ก็ไปที่จวนเก่าเช่นกัน”
“ที่แท้ก็เป็อย่างนี้นี่เอง” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ที่ดินศักดินาและที่นาของพวกเราทั้งหมดอยู่ที่จวนเก่าตระกูลฉีใช่หรือไม่?”
“ตอนนั้นอดีตฮ่องเต้ทรงประทานที่ดินศักดินาให้สามพันไร่ ส่วนใหญ่แบ่งไปรอบๆ จวนเก่า” ฉีเฟิงอธิบายอีกว่า “แต่ที่นาไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ในตอนนั้นอดีตฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ท่านเ้าเมืองเจียงหลิงเลือกที่ดินที่น้ำท่าสมบูรณ์ที่สุด แล้วพระราชทานเป็ที่ดินศักดินาให้ ดังนั้นจึงไม่อยู่ที่เดียวกัน ท่านซื่อจื่อไม่รู้อะไร ตระกูลฉีในตอนนั้นถือเป็ตระกูลใหญ่ของเจียงหลิง จะว่าร่ำรวยอยู่ฝ่ายเดียว แต่จริงๆ แล้วมัน...!”
“ฉีเฟิง เ้าอย่าพูดเหลวไหล” กู้ชิงฮั่นเปิดผ้าม่านออก ยิ้มแล้วด่าว่า “ร่ำรวยอยู่ฝ่ายเดียว พวกเ้าแอบคุยกันข้าไม่ว่า แต่อยู่ต่อหน้าผู้อื่น อย่าพูดเหลวไหลเช่นนี้อีก ตอนนั้นท่านแม่ทัพก็สั่งพวกเ้าแล้วมิใช่หรือ ที่ดินที่นี่เป็ของพ่อแม่ญาติมิตร เมื่อมาที่นี่ ก็ต้องระวังให้ดี ต่อหน้าพ่อแม่พี่น้องห้ามพูดจาเหลวไหลเช่นนี้เด็ดขาด”
ฉีเฟิงรีบพูดว่า “ซานเหนียง ข้าน้อยไม่กล้าแล้วขอรับ”
“ซานเหนียง ท่านก็ให้เขาพูดให้จบเถิด” หยางหนิงขี่ม้าอยู่ข้างๆ หน้าต่างรถม้า มองไปยิ้มให้กู้ชิงฮั่นแล้วพูดว่า “ท่านให้เขาเก็บเอาไว้ เขาอาจจะตายเอาได้นะ” จากนั้นก็มองไปที่ฉีเฟิงแล้วพูดว่า “พูดต่อไปสิ ต่อมาเกิดสิ่งใดขึ้น?”
ฉีเฟิงยกมือไปจับหลังศีรษะ แล้วพูดแบบเขินอายว่า “ข้าน้อยอยากจะบอกว่า ท่านเหล่าโหวตอนนั้นติดตามอดีตฮ่องเต้ไปออกศึก ตระกูลฉียกทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดให้กับอดีตฮ่องเต้ เพื่อนำมันมาเป็ทุนในการออกรบ หลังจากอดีตฮ่องเต้ปราบฏได้สำเร็จ ถึงได้ทรงปูนบำเหน็จเพิ่มให้อีกเท่าตัว”
หยางหนิงคิดในใจว่าท่านเหล่าโหวคนนี้มีสายตาที่กว้างไกลมาก อดีตฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขา จะต้องเป็เพราะจิ่นอีโหวทำศึกได้ดี เป็กำลังสำคัญ นอกจากนี้อาจจะเป็เพราะท่านเหล่าโหวได้มอบทรัพย์ที่ได้มานำไปให้ทั้งหมดก็เป็ได้
“ซานเหนียง เราเข้าเมืองกันก่อนดีหรือไม่ หรือว่าท่านอยากจะไปที่จวนเก่าเลย?” หยางหนิงถาม
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “สายมากแล้ว หากเข้าเมืองอีก จะต้องเสียเวลาไปอีกหนึ่งวัน เราตรงไปที่จวนเก่าเลยจะดีกว่า ครั้งนี้เรามาแบบชาวบ้าน ไม่จำเป็ต้องไปรบกวนในเมืองหรอก”
หยางหนิงลังเล แล้วก็พูดว่า “ซานเหนียง ข้ามีอะไรจะบอกท่าน”
กู้ชิงฮั่นเปิดผ้าม่านออก แล้วมองไปที่หยางหนิง จากนั้นก็ถามว่า “ั้แ่เมื่อวาน ข้าเห็นเ้าเหมือนกำลังคิดสิ่งใดอยู่ สมองน้อยๆ ของเ้าคิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ คิดดูแล้วหยางหนิงก็โตเป็ผู้ใหญ่แล้วจริงๆ คำว่าสมองน้อยๆ ต่อไปไม่พูดจะดีกว่า
หยางหนิงลงจากหลังม้า จากนั้นก็โยนเชือกไปให้ฉีเฟิง แล้วเดินไปอย่างช้าๆ แล้วะโไปที่ด้านหน้าของรถม้า เปิดม่านแล้วเข้าไปในรถม้า กู้ชิงฮั่นใ เห็นหยางหนิงขึ้นมาบนรถม้า ก็เอี้ยวตัวหลบแทบไม่ทัน รถม้าธรรมดานี้มันเล็กและแคบกว่ารถม้าใหญ่มาก แต่ก็เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
นอกจากนี้ กู้ชิงฮั่นเองก็คิดอย่างอื่นด้วย
นางเป็ผู้หญิงที่ฉลาดมาก หลังจากครั้งที่แล้วเห็นสายตาที่แปลกไปของหยางหนิง ในใจก็รู้สึกได้ว่าหยางหนิงโตแล้ว คำพูดคำจาของหยางหนิงก็ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้เื่อะไรเลย ทำให้กู้ชิงฮั่นรู้แล้วว่าตอนนี้หยางหนิงไม่ใช่เด็กน้อยที่ตัวนางจะต้องปกป้องอีกแล้ว
ผู้หญิงละเอียดอ่อนมากความรู้สึก ก่อนหน้านี้นางดูแลซื่อจื่อมาตลอด ความรู้สึกลึกซึ้งยิ่งนัก จริงๆ แล้วนางก็เข้าใจ เด็กน้อยที่นางคอยดูแลมาตลอดจะโตแล้ว ความรู้สึกจึงเปลี่ยนไป มันก็ไม่ใช่เื่ที่เข้าใจยากอะไร แต่เื่นี้ นางจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นแน่นอน
ถึงแม้นางจะปกป้องซื่อจื่อเหมือนเดิม แต่การกระทำคำพูดกลับต้องระวังให้มากขึ้น ั้แ่ตอนนั้น นางก็ไม่ค่อยเข้าหาหยางหนิงอีกเลย ยิ่งแต่การจับมือถือแขนเองก็จะต้องไม่เกิดขึ้น เหมือนกำลังสร้างระยะห่างกับหยางหนิง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา ยังดีที่หยางหนิงเองก็ระวังมากขึ้นหลังจากเื่ในคราวนั้น จึงไม่มีปัญหาอะไร
ครั้งนี้ออกจากเมืองหลวงมาเจียงหลิง เส้นทางยาวไกล หากเป็เมื่อก่อน กู้ชิงฮั่นคงให้หยางหนิงเข้ามานั่งในรถม้ากับนางด้วย เพื่อไม่ให้หยางหนิงต้องขี่ม้า อาจจะทำให้เหนื่อยเกินไป
แต่ครั้งนี้นางเลือกรถม้าคันเล็ก หนึ่งก็เพื่อสะดวกในการเดินทางมากขึ้น สองก็เพื่อจะนั่งได้คนเดียว แล้วให้หยางหนิงไปขี่ม้าแทน
แต่ตอนนี้จู่ๆ หยางหนิงก็เข้ามาในรถม้า กู้ชิงฮั่นรู้สึกใ ในใจก็แอบคิดว่าตัวนางคงระแวงเกินไป ถึงแม้จะระวังเื่ระยะกับหยางหนิงสักเพียงใด แต่นางในตอนนี้ รู้สึกว่ามันมากเกินไป หยางหนิงอาจจะไม่ได้คิดสิ่งใดก็ได้ แต่เพราะตัวนางปล่อยวางไม่ได้เอง มันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองมีอุปสรรค
“หนิงเอ๋อ เ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน?” กู้ชิงฮั่นพยายามสงบใจ ส่งสัญญาณให้หยางหนิงไปนั่งริม น้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้ายิ้มแย้ม พยายามแสดงความเป็ผู้ใหญ่ออกมา
หยางหนิงเปิดผ้าม่านออก แล้วพูดกับฉีเฟิงว่า “ไม่ต้องรีบไปที่จวนเก่านะ กลางวันยังไม่ได้กินอะไรเลย หาที่ข้างหน้าพักสักหน่อย แล้วพวกเ้าก็พักกินอะไรกันก่อน”
ฉีเฟิงรับคำ หยางหนิงจึงปิดม่านลง
กู้ชิงฮั่นเห็นหยางหนิงมีลับลมคมใน ก็รู้สึกแปลกใจ หยางหนิงเข้ามาใกล้ แล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ซานเหนียง เราจะไปที่จวนเก่าก่อนจริงๆ หรือ?”
ถึงแม้หยางหนิงจะเข้ามาใกล้ แต่กู้ชิงฮั่นเห็นสีหน้าของเขาจริงจัง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นก็พูดเบาๆ ว่า “จะตรวจสอบเื่เงินภาษีที่ยังส่งไปไม่ถึงเมืองหลวง พวกเราก็ต้องไปที่จวนเก่าสิ หนิงเอ๋อเ้าคิดถึงอะไรอยู่?”
“ซานเหนียง ตลอดทางที่ผ่านมา เราไม่เจอขบวนขนส่งเงินภาษีเลยนะ แล้วก็ไม่ได้ยินว่ามีการปล้นรถขนเงินด้วย” หยางหนิงเหมือนคิดอะไรอยู่ เขาพูดเสียงเบาๆ ว่า “ข้ากำลังคิดว่า เงินภาษีส่งไปไม่ถึงเมืองหลวงสักที หรือว่าที่จวนเก่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่?” ไม่รอให้กู้ชิงฮั่นพูดอะไร เขาก็ถามกลับไปว่า “เงินภาษีของพวกเรา เกี่ยวข้องอะไรกับขุนนางในท้องที่หรือไม่ หรือว่าทางจวนเก่าเป็ผู้รับผิดชอบ?”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “ที่จวนเก่ายังมีพ่อบ้านใหญ่อีกคนดูแลอยู่ เป็คนของตระกูลฉี หลายปีมานี้ ที่ดินศักดินากับที่นาของเจียงหลิง พ่อบ้านใหญ่จะเป็ผู้ดูแลจัดการทุกอย่าง ทุกปัญหาก็จะมีพ่อบ้านใหญ่เป็ผู้ดูแลจัดการ จะมีการจัดส่งเงินภาษีกับผลการเก็บเกี่ยวปีละสองครั้งแล้วส่งมายังเมืองหลวง”
“พ่อบ้านใหญ่คงไม่ส่งเงินไปที่เมืองหลวงด้วยตัวเองหรอกใช่หรือไม่?” หยางหนิงถาม
กู้ชิงฮั่นจึงอธิบายต่อว่า “ที่ดินศักดินาสามพันไร่ แบ่งออกเป็สิบกว่าหมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านจะมีผู้นำ เมื่อถึงเวลาของทุกปี ผู้นำของแต่ละหมู่บ้านจะเก็บรวบรวมภาษีส่งมายังจวนเก่า ผลผลิตทางการเกษตรที่เจียงหลิง จะเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี หลังจากเก็บรวบรวมแล้วจึงจะส่งไปที่จวนเก่า พ่อบ้านใหญ่จะเปลี่ยนของเ่าั้เป็เงินสด จึงจะส่งเข้าเมืองหลวง”
“ถ้าอย่างนั้น เงินภาษีของเจียงหลิงทั้งหมด ก็อยู่ในมือของพ่อบ้านใหญ่” สีหน้าของหยางหนิงจริงจัง “หากมีปัญหาอะไรท่านพ่อบ้านใหญ่ก็จะเป็ผู้รับผิดชอบอย่างนั้นรึ?”
“ใช่แล้ว” กู้ชิงฮั่นจึงพูดว่า “หนิงเอ๋อ เ้าอยากจะพูดสิ่งใดกันแน่?”
“ซานเหนียง ข้ากำลังคิดว่า เงินภาษีที่ล่าช้าคราวนี้ อาจจะไม่ใช่เพราะชาวบ้านไม่จ่ายภาษีหรอกกระมัง” หยางหนิงค่อยๆ พูดต่อไปว่า “หากภาษีถูกส่งไปยังจวนเก่าแล้ว เหตุใดจวนเก่าถึงยังไม่ส่งเข้าเมืองหลวงอีกเล่า? พ่อบ้านใหญ่คิดไม่ซื่อต่อพวกเราหรือไม่?”
“พ่อบ้านใหญ่อย่างนั้นรึ?” กู้ชิงฮานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เขาจะกล้าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? พวกเรากลับมาคราวนี้ จะต้องทำให้ชัดเจน ว่าพ่อบ้านใหญ่มีปัญหาอะไรที่ยากจะจัดการหรือไม่”
“ท่านเคยเจอพ่อบ้านใหญ่หรือไม่?” หยางหนิงมองกู้ชิงฮั่นด้วยความสงสัย “ท่านรู้จักพ่อบ้านใหญ่คนนั้นดีหรือไม่?”
“พ่อบ้านใหญ่เคยไปเมืองหลวงหลายครั้ง แต่ทว่าข้าเองก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขาเสียเท่าไหร่” กู้ชิงฮั่นพูดต่อว่า “ท่านแม่ทัพอยู่ทำศึกข้างนอกอยู่หลายปี ฮูหยินใหญ่เองก็หันหน้าเข้าสู่ธรรมะ ดังนั้นหลายๆ เื่ในจวน ก็มีข้ากับพ่อบ้านชิวเป็ผู้จัดการ พ่อบ้านใหญ่ไปเมืองหลวง พ่อบ้านชิวก็จะเป็ผู้ดูแลต้อนรับ” คิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หลายปีมานี้พ่อบ้านใหญ่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด แล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะยักยอกเงินภาษีอย่างแน่นอน”
หยางหนิงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ซานเหนียง ข้าไม่ได้กังวลว่าพ่อบ้านใหญ่จะยักยอกเอาเงินไปไม่ยอมส่งให้ เพียงแต่กังวลว่าจะมีคนบังคับเขาไม่ให้ส่งเงินภาษีเข้าเมืองหลวงต่างหาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้