จากการพูดอย่างตรงไปตรงมาเพียงฝ่ายเดียวของซ่งอวี้ ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองกลมกลืนขึ้นมากทีเดียว
หลังจากหลี่เฉิงถามซ่งอวี้เื่การแปรรูปสมุนไพร เขาก็ช่วยนางทำงาน ขณะที่พวกเขากำลังง่วนอยู่กับการทำงานนั้น ทั้งสองสบตากันเป็ครั้งคราวโดยไม่ได้นัดหมาย ความรักเอ่อล้นในแววตาของพวกเขาจนไม่อาจซ่อนเร้น
ทั้งสองง่วนกับการทำงานประมาณหนึ่งชั่วยาม จัดการสมุนไพรทั้งหมดจนเรียบร้อย สมุนไพรบางชนิดที่ต้องใช้เวลาในการแช่ถูกวางไว้ที่มุมห้อง ไม่ให้แสงแดดส่องกระทบ
ตอนป้าหวังเดินผ่านหน้าประตู ประจวบเหมาะทั้งสองเพิ่งเก็บข้าวของเสร็จ เมื่อป้าหวังเห็นซ่งอวี้อยู่ที่เรือน จึงกล่าวทักทาย "ซ่งอวี้ ตอนนี้เ้ามีเวลาว่างหรือไม่? ช่วยไปจับชีพจรให้เฉี่ยวหวาที่เรือนอีกสักหนได้หรือไม่?"
ซ่งอวี้พยักหน้าพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ นางหยิบเข็มเงินที่ตนใช้เป็ประจำ แล้วเดินตามป้าหวังไปที่เรือนของนาง
หลิวชุนเซิงที่ง่วนอยู่กับงานในเรือน เมื่อเห็นป้าหวังและซ่งอวี้เดินมาจากที่ไกลๆ เขาก็รีบเดินมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ ชาวนาซื่อตรงไม่รู้จะแสดงความซาบซึ้งอย่างไร ทำได้เพียงค้อมตัวลง "น้องซ่งอวี้ เมื่อวานขอบใจเ้ามาก มิเช่นนั้น มิเช่นนั้น..."
หลิวชุนเซิงลูบศีรษะ
ซ่งอวี้ยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น "พี่ชุนเซิง เมื่อวานพี่เฉี่ยวหวาคลอดลูกอันตรายยิ่งนัก วันนี้ข้ามาจับชีพจรให้นาง แม้ครั้งนี้จะคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรก็คลอดยาก ข้าจำต้องมาตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็ไร หากทิ้งโรคอะไรไว้คงไม่ดีนัก"
ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องพร้อมกัน เมื่อจังเฉี่ยวหวาเห็นซ่งอวี้ นางก็อยากจะลุกจากเตียงเพื่อโค้งคำนับให้ ซ่งอวี้จึงรีบห้ามปราม "พี่เฉี่ยวหวาไม่ต้องมากพิธี ยื่นมือออกมา ข้าจะจับชีพจรให้"
จังเฉี่ยวหวาคิดว่าสุขภาพของตนไม่ดีเท่าใดนัก นางยื่นมือให้ซ่งอวี้ด้วยสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย สีหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความกังวล
ซ่งอวี้ยิ้มแล้วพูดปลอบ "ข้าเพียงเคยชินกับการระมัดระวังและป้องกันตัวไว้ก่อน พี่ไม่ต้องกังวล ยามนี้ไม่เป็ไรแล้ว ชีพจรของพี่ดีอยู่ เพียงแค่เสียกำลังไปมาก ทางที่ดีที่สุดภายในสามปีนี้อย่าเพิ่งมีลูก ตั้งใจบำรุงร่างกายให้ดีสักสามปี กินไข่ไก่ทุกสามวันห้าวัน ก็ไม่เป็เช่นไรแล้ว”
เพราะถึงอย่างไรก็คลอดลูกยาก แค่เสียกำลังไปมาก นี่จึงถือเป็ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ว่าคนในสมัยโบราณให้ความสำคัญกับการมีลูกหลาน มีมากก็ยิ่งวาสนาดี เมื่อได้ยินว่าภายในสามปีนี้ไม่อาจมีลูก จังเฉี่ยวหวาจึงเงียบเล็กน้อย แม้กระทั่งสีหน้าของป้าหวังก็ไม่ดีเท่าใดนัก "เหตุใดจึงไม่ให้มีลูกในสามปีนี้? หรือว่าเฉี่ยวหวาทิ้งโรคอะไรไว้เช่นนั้นหรือ?"
ซ่งอวี้รู้ดีว่าเมื่อครู่พวกเขาไม่เข้าใจที่นางบอก เลยคิดเป็อื่น ด้วยเหตุนี้ซ่งอวี้จึงอธิบายด้วยความใจเย็น "ป้าหวังอย่าคิดมาก ครั้งนี้พี่เฉี่ยวหวาคลอดลูกยาก จึงสูญเสียกำลังไปมาก ในสามปีนี้เืลมของนางอาจจะไม่พอ หากไม่บำรุงร่างกายให้ดีแล้วตั้งครรภ์คลอดลูกกะทันหัน ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือแท้ง ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือไม่มีเรี่ยวแรงคลอดลูก ทำให้คลอดยากและต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี"
ตอนไม่อธิบายยังไม่ค่อยเท่าใดนัก เมื่ออธิบายให้พวกเขาฟัง สีหน้าของทั้งสามคนในห้องย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมสามเท่า
ซ่งอวี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดให้จบในคราเดียว "แท้ที่จริงแล้ว ยามสตรีคลอดลูก ล้วนส่งผลให้เืลมไม่เพียงพอ แค่ว่าคนที่คลอดได้อย่างราบรื่นนั้นอาการไม่เด่นชัด หลังจากอยู่ไฟครบหนึ่งเดือนร่างกายก็กลับมาเป็ปกติแล้ว แต่สตรีที่คลอดยากร่างกายไม่อาจฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนั้น ต้องบำรุงร่างกายทุกวัน ไข่ไก่มีคุณประโยชน์ กินไข่ไก่ก็ช่วยบำรุงกำลังได้"
ครั้งนี้อธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา ในที่สุดพวกเขาก็สบายใจแล้ว
ป้าหวังเช็ดน้ำตาที่เมื่อครู่เกือบจะรินไหลลงมา ก่อนจะเอ่ยว่า "ซ่งอวี้ แค่เพียงกินไข่ไก่ทุกวัน วันข้างหน้าเฉี่ยวหวาของข้าก็จะมีลูกได้อีกใช่หรือไม่?"
ซ่งอวี้พยักหน้า "ข้ารับประกันว่าอีกสามปีข้างหน้า ท้องของพี่เฉี่ยวหวาต้องมีข่าวดีแน่นอน"
เห็นซ่งอวี้พูดโดยไม่เสแสร้งแม้แต่น้อย ป้าหวังรู้ว่านางไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยก็สบายใจ สีหน้าของป้าหวังกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบไข่ไก่ออกมาสองฟอง
"โชคดีที่ซ่งอวี้มาดูอาการให้ มิเช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็ยังคงโง่เขลา ไข่ไก่สองฟองนี้ไม่มีราคา ซ่งอวี้อย่าได้รังเกียจเลยนะ"
ไม่พูดไม่ได้จริงๆ ป้าหวังเป็คนรู้งาน แม้ซ่งอวี้จะไม่เคยขอเงินค่ารักษากับพวกเขา แต่ท่าทีของป้าหวัง เห็นชัดว่านางได้เตรียมเอาไว้ั้แ่แรกแล้ว
ไม่ใช่เพราะไข่ไก่สองฟองมีราคาแพงหรือไม่ แค่เพียงการกระทำของป้าหวัง ก็ทำให้นางรู้สึกสบายใจนัก
ซ่งอวี้รับไข่ไก่เอาไว้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วพูดกำชับด้านอาหารการกิน จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
ระหว่างทางกลับเรือน ซ่งอวี้เห็นลุงสือโถวคนในหมู่บ้าน เดินกะเผลกบนท้องถนนด้วยความยากลำบาก เมื่อสังเกตดีๆ พบว่าขาซ้ายของเขาไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก มองดูแล้วคล้ายขาซ้ายพิการ
แต่ว่านางก็เพียงแค่มองเท่านั้น
ซ่งอวี้กล่าวทักทายลุงสือโถว แล้วเอ่ยถาม "ลุงสือโถว ขาของท่านเป็กระไรไป? ให้ข้าช่วยดูหรือไม่?"
ลุงสือโถวทอดถอนหายใจ ตบขาซ้ายของตนเอง "เฮ้อ เป็มานานแล้ว ตอนหนุ่มๆ ขาซ้ายของข้าเคยหักครั้งหนึ่ง คาดว่าน่าจะทิ้งโรคเอาไว้ เวลานี้อายุมากแล้วจึงเพิ่งมากำเริบ บางครั้งก็ปวดขึ้นมาตอนกลางดึก ทำให้ข้านอนไม่หลับตลอดทั้งคืน"
ปวดขึ้นมาตอนกลางดึก? ซ่งอวี้ครุ่นคิด แล้วเอ่ยถาม "ลุงสือโถว ลุงปวดไปทั่วทั้งขา หรือปวดแค่ที่เดียวเ้าคะ?"
ลุงสือโถวตบเข่าของตนเอง "ตรงนี้ ปวดตรงหัวเข่า ทั้งยังบวมเป่งด้วย"
ปวดแค่ที่หัวเข่า บวมแดง ปวดตอนกลางคืน อาการนี้คล้ายกับโรคเกาต์
แต่ว่าซ่งอวี้ยังไม่เคยจับชีพจรของลุงสือโถว ไม่อาจวินิจฉัยพร่ำเพรื่อ ด้วยเหตุนี้จึงพูดเสนอ "ลุงสือโถว ตอนนี้ข้ารีบกลับเรือน หากลุงสะดวก ประเดี๋ยวลุงมาที่เรือนข้า ข้าจับชีพจรให้ลุง ดูว่ารักษาได้หรือไม่?"
ลุงสือโถวมองซ่งอวี้ด้วยความตกตะลึง "ซ่งอวี้ หรือว่าเ้ารักษาโรคนี้ของข้าได้ด้วยหรือ?"
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ เขาทุกข์ทรมานกับความเ็ปจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เวลานี้เมื่อได้ยินว่าสามารถรักษาให้หายได้ เขาดีใจยิ่งนัก
"เื่นี้… ข้ายังไม่ได้ดูอาการของท่าน ไม่กล้าพูดพร่ำเพรื่อ หากลุงสือโถวเชื่อใจข้า เช่นนั้นก็มาหาข้าที่เรือน ประเดี๋ยวถึงเวลาก็จะรู้เอง"
"ได้! ข้าไปแน่นอน!” แม้จะไม่ได้รับคำยืนยันจากซ่งอวี้ แต่ลุงสือโถวก็เดินจากไปอย่างมีความสุข แม้แต่ความเ็ปบนหัวเข่าก็ลดลงไปเล็กน้อย
ซ่งอวี้กลับถึงเรือน นำสมุนไพรที่แปรรูปเสร็จเรียบร้อยที่รอตากแห้งออกมา รวมถึงอ้ายเฉ่า [1] ที่เก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ด้วย
หลี่เฉิงเห็นนางรีบร้อน ก็ถามด้วยความขบขัน "เ้าเป็อะไรอีกแล้ว?"
ซ่งอวี้ยังคงไม่หยุดทำงาน นางอารมณ์ดียิ่งนัก "ระหว่างทางข้าเจอลุงสือโถว คล้ายว่าลุงสือโถวจะป่วยเป็โรคเกาต์ ข้าเตรียมสมุนไพรที่ใช้ประจำก่อน ประเดี๋ยวจะดูอาการให้เขา"
"ลุงสือโถวถือเป็ผู้าุโในหมู่บ้าน บางครั้งคำพูดของเขาได้ผลยิ่งกว่าคำพูดของผู้ใหญ่บ้านอีก อย่าคิดว่าข้าไม่ได้ยิน เฉินต้าฮวาที่อยู่ข้างเรือนของเราเริ่มสร้างปัญหาอีกแล้ว ครั้งนี้ข้าต้องจัดการนางให้ได้"
พูดถึงเฉินต้าฮวา สีหน้าของซ่งอวี้ฉายความรังเกียจ ราวกับเผลอกินแมลงวันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้นางดันไม่มีเงินมากพอ ไม่อาจย้ายไปจากที่นี่ได้ จึงต้องทนเป็เพื่อนบ้านเฉินต้าฮวาไปก่อน
คนบางคนก็เป็เช่นนี้ แม้เราจะให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา ช่วยเหลือตอนที่อีกฝ่ายสิ้นหวัง ตอนนั้นอีกฝ่ายซาบซึ้งในน้ำใจของเรา แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ลืมไปเสียสนิท ก่อนหน้านี้เป็อย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็อย่างนั้น
ซ่งอวี้ช่วยสามีของนาง ทำให้เฉินต้าฮวาเงียบสงบไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แม้วันนี้นางจะงานยุ่ง แต่นางก็ได้ยินเฉินต้าฮวาจับกลุ่มนินทาผู้อื่น บอกว่านางไม่สงวนตัว ทำเื่บัดสีในเรือนไม่พอ ยังจะทำเื่บัดสีบนหุบเขา สร้างมลทินให้กับหมู่บ้านเสี่ยวหนิว
ตอนที่ได้ยินคำพูดของเฉินต้าฮวา ซ่งอวี้โมโหยิ่งนัก แทบอยากจะพุ่งตัวไปฉีกร่างของเฉินต้าฮวา! แต่เฉินต้าฮวาเป็หญิงชาวบ้าน ทั้งยังแรงเยอะกว่าซ่งอวี้สองคนเสียอีก หากนางพุ่งเข้าไปจริงๆ ก็รังแต่จะถูกทุบตี ด้วยเหตุนี้จึงอดทนเอาไว้ กระทั่งพบเจอลุงสือโถว จึงคิดหาวิธีจัดการกับเฉินต้าฮวาได้
เ้าชอบพูดจาเหลวไหลมากไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าได้ลิ้มรสว่า คนที่พูดจาเหลวไหลต้องเจอกับบทเรียนเช่นไร
เชิงอรรถ
[1] อ้ายเฉ่า คือ สมุนไพรชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์อุ่น มีสรรพคุณช่วยคลายความอุดตัน กำจัดความเย็นและความชื้นออกจากเส้นลมปราณ ทำให้การไหลเวียนของเืและลมปราณดีขึ้น