“ส่งไปให้ทางการทันที ตระกูลซย่าของพวกเราไม่้าหญิงชั่วเช่นนี้” ซย่าหลี่จวินกล่าวเสียงดัง “หม่านชาง รบกวนเ้าแล้ว”
“สามี ข้าไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าอีกแล้วเ้าค่ะ” เสี่ยวเกาซื่อหวาดกลัวตัวสั่นระริก นางโดนตัดสินโทษแน่ถ้าอยู่ในมือทางการ ได้ยินว่าห้องขังพวกนั้นทั้งเหม็นทั้งมืด ไร้แสงเดือนแสงตะวัน นางยอมหย่ากับซย่าหลี่จวินดีกว่าติดคุก!
“หลี่จวิน เ้าทำถูกแล้ว ข้าเห็นด้วยที่ส่งพวกเขาให้ทางการ คนชั่วสองคนนี้เลวเกินไป พวกเขาอาจกลับมาทำร้ายคนอื่น หากพวกเราไม่ส่งให้ทางการสอบสวนลงโทษ” สามีจินซื่อนามซย่าเหนิงเห็นด้วยกับวิธีของซย่าหลี่จวิน
พวกเราตระกูลซย่ามีชื่อเสียงบารมีในละแวกนี้ หากให้เสี่ยวเกาซื่ออยู่ในตระกูลซย่าต่อไป เขาคงไม่ยอม ผู้อื่นก็คงไม่ยอมเช่นกัน
ซย่าหลี่จวินไม่เพียงหย่ากับเสี่ยวเกาซื่อ แต่จะส่งนางเข้าคุกด้วย
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ นำตัวพวกเขาส่งให้ทางการ” เดิมทีซย่าหลี่จวินคิดจะจัดการเสี่ยวเกาซื่ออยู่แล้ว พอซย่าเหนิงสนับสนุนเขาเลยดีใจมาก
เสี่ยวเกาซื่อและหูซานโดนส่งไปบ้านซย่าหลี่เจิ้งด้วยความช่วยเหลือของพ่อลูกบ้านซย่า ซย่าหลี่เจิ้งเป็ผู้ใหญ่บ้านเลยมีอำนาจจัดการคดีลักขโมยในหมู่บ้าน ซ้ำยังพ่วงตำแหน่งหัวหน้าตระกูล เขาไม่มีทางละเว้นเสี่ยวเกาซื่อแน่
“หลี่จวิน เสี่ยวเกาซื่อร้ายกาจนัก ทำชื่อเสียงตระกูลซย่าของเราแปดเปื้อน ก่อนส่งตัวให้ทางการ เ้าต้องหย่านางเสียก่อน” ซย่าหลี่เจิ้งเป็ชายชราหัวโบราณอายุเจ็บสิบปี เขาเคร่งครัดในกฎตระกูล เขาไม่มีทางผ่อนปรนคนที่ฝ่าฝืนกฎแน่
“ท่านลุงหัวหน้าตระกูล ข้าจะจัดการตามที่ท่านว่ามาขอรับ” ซย่าหลี่จวินไม่คัดค้าน เขารอให้ซย่าหลี่เจิ้งลบชื่อของเสี่ยวเกาซื่อออกจากผังตระกูลซย่าแทบมิไหว
“เห็นแก่นางที่เป็แม่ของเผิงเฟยกับจิ่นอวิ๋น ผู้าุโจะไว้ชีวิตนาง ส่งให้ทางการดัดนิสัย!” ซย่าหลี่เจิ้งนำแผนผังตระกูลออกมาแล้วลบชื่อเสี่ยวเกาซื่อต่อหน้าทุกคน เมื่อเห็นจุดจบที่น่าสังเวชของเสี่ยวเกาซื่อแล้ว เกาซื่อที่อยู่ด้านข้างก็กลัวจิ่นเซวียนวกกลับมาแก้แค้นนาง
เมื่อซย่าหลี่เจิ้งจัดการเื่เสี่ยวเกาซื่อเสร็จ เขาก็เงยหน้าเอ่ยกับเกาซื่อ “น้องสะใภ้ ในเมื่อเื่การแต่งงานของเซวียนเซวียนก็ตกลงกันแน่ชัดแล้ว เ้าก็จัดงานแต่งให้นางดีๆ อย่าได้เสียหน้าตระกูลซย่าเด็ดขาด”
“พี่ใหญ่วางใจได้เถิด ข้าจะจัดให้สวยงามสมบูรณ์เลยเ้าค่ะ” ไหนเลยเกาซื่อจะกล้าหาเื่ที่นี่ นางอยากส่งจิ่นเซวียนให้บ้านซ่งใจแทบขาด จะได้อยู่เงียบสงบเสียที
“พวกเ้ามีธุระต้องจัดการก็กลับไปเถิด เซวียนเซวียนคงกลัวแย่แล้ว ผู้ใหญ่เช่นพวกเ้าควรไปอยู่เคียงข้างนาง” ซย่าหลี่เจิ้งไม่ชอบเกาซื่อ เขาหวังว่าคนที่ทำผิดในครานี้จะเป็เกาซื่อ เขาจะได้ไล่นางออกจากตระกูลไปเสียที
บ้านจิ่นเซวียน!
จิ่นเซวียนยังไม่เข้านอน นางและซย่าจิ่นอวิ๋นรอซย่าหลี่จวินกับเกาซื่ออยู่ในบ้าน
หากเป็เมื่อก่อนซย่าจิ่นอวิ๋นคงลงไม้ลงมือกับจิ่นเซวียนไปนานแล้ว คืนนี้เกิดเื่ขึ้นนางเลยใกลัว
แม้นางจะห่วงท่านแม่ แต่นางห่วงตัวเองมากกว่า
“พี่สาว คนของทางการต้องเรียกตัวท่านไปสอบปากคำแน่ ตอนนั้นท่านช่วยพูดให้ท่านแม่เถิดเ้าค่ะ” ซย่าจิ่นอวิ๋นลังเลเนิ่นนานจึงพูดกับจิ่นเซวียน
เพ้อเจ้อนัก จิ่นเซวียนไม่มีทางพูดขอร้องให้เสี่ยวเกาซื่อแน่ ที่เสี่ยวเกาซื่อมีวันนี้เพราะทำตนเองทั้งนั้น หากตอนนั้นนางหลับไปแล้ว คนรับเคราะห์คงจะเป็ตัวนางเอง
“นางคือแม่ของเ้าคนเดียว เป็ตายร้ายดีอย่างไร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า” จิ่นเซวียนปรายตามองซย่าจิ่นอวิ๋นอย่างเ็า นางมองความเคียดแค้นชิงชังในแววตานิ่งสงบคู่นั้นได้ ซย่าจิ่นอวิ๋นต้องกลายเป็หอกข้างแคร่ในอนาคตของนางแน่
“ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้วหรือเ้าคะ” เสียงแอดดังขึ้นตามประตูใหญ่ที่โดนผลักออก เกาซื่อกับซย่าหลี่จวินเดินเข้ามาในบ้าน จิ่นเซวียนจึงก้าวไปทักทายอย่างสุภาพ
อีกสองคืนนางก็ไม่ต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว ชีวิตข้างหน้าจะสุขหรือทุกข์ล้วนไม่แน่ชัด
“เซวียนเซวียน วันมะรืนเ้าต้องเป็เ้าสาว รีบไปพักผ่อนเถิด นอนดึกผิวเสียหมด” อยู่ดีๆ เกาซื่อก็อ่อนโยนขึ้น จิ่นเซวียนไม่ชินจริงๆ
ในห้องของจิ่นเซวียนมีคราบเืเลอะอยู่ นางต้องตักน้ำมาทำความสะอาดเสียก่อนถึงจะนอนได้
หลังจิ่นเซวียนแยกกับย่าชั่วร้ายและพ่อเฮงซวยแล้ว นางเดินไปใต้ชายคาหยิบอ่างไม้ ตักน้ำแล้วยกกลับห้องเอ่อร์ฝาง
ห้องเอ่อร์ฝางเป็ห้องนอนที่แสงเข้าน้อยที่สุด ปีก่อนนางมิได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่เรือนตะวันออก ห้องนั้นสว่างกว้างขวางกว่ามาก ทว่าโดนเสี่ยวเกาซื่ออ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ ไล่นางมาอยู่ห้องเอ่อร์ฝางนี้นานกว่าหนึ่งปีหลังท่านปู่จากไป
จี้หยกเรืองแสงอีกแล้ว นางคิดไปเองหรือ?
นี่มิใช่ครั้งแรกที่นางเห็นมันเรืองแสง จิ่นเซวียนถูพื้นในห้องแล้วรู้สึกว่าจี้หยกตรงหน้าอกร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
นางรู้สึกประหลาดใจเลยถอดจี้หยกออกจากลำคอ นำไปส่องใต้แสงไฟ
จี้หยกสาดแสงสีแดงออกมากเป็วงกว้าง เข้าโอบล้อมตัวจิ่นเซวียนไว้
ทันใดนั้นจี้หยกก็ลอยขึ้นจากมือ หมุนเหมือนพายุดูดกลืนจิ่นเซวียนเข้าไปในวังวน
......
จิ่นเซวียนโดนจี้หยกพามายังอาณาเขตคล้ายแดน์ ข้างในมีูเา ลำน้ำ ตำหนักและป่าท้อกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์งดงามยิ่งกว่าป่าท้อใน 《สามชาติสามภพป่าท้อสิบลี้》 อีกต่างหาก
“ข้าอยากเห็นสิ่งที่อยู่ในตำหนักบนยอดเขาหยุนเฟิงนัก” ขณะที่จิ่นเซวียนคิด ร่างก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศมุ่งหน้าไปยังยังตำหนักบนเขา นางค้นพบความลับอันน่าตกตะลึงโดยบังเอิญเข้าเสียแล้วที่แท้นางสามารถใช้พลังจิตควบคุมการเคลื่อนไหวได้ เมื่อครั้งที่นางทำงานด้านสื่อ นางก็เคยอ่านนิยายข้ามมิติมามาก ์ไม่ทอดทิ้งนางถึงมอบมิติและพลังจิตให้
เมื่อคิดถึงตรงนี้จิ่นเซวียนก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดการได้ยินของนางถึงดีกว่าผู้อื่น
จิ่นเซวียนลอยขึ้นมาเหนือตำหนักแล้วยืนบนหลังคามองลงไปเบื้องล่าง ตำหนักฝั่งตะวันออกมีสวนสมุนไพร นางเลยลงไปดูว่ามีอะไรบ้าง
“สมุนไพรอะไรกัน มีหลากหลายชนิด ข้าไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร” หลังจิ่นเซวียนสำรวจโดยรอบแล้ว นอกจากโสมพันปี เห็ดหลินจือ หญ้าซานชี[1] นางก็ไม่รู้จักชนิดอื่นเลย
จิ่นเซวียนถอนหายใจแ่เบาแล้วเดินไปดูรอบๆ ตำหนัก นางพบสระน้ำขนาดใหญ่ที่สวนด้านหลังตำหนัก ข้างสระมีแผ่นหินสลักคำว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้
สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลรินมาจากูเาด้านหลัง ล้อมรอบด้วยป่าท้อเงียบสงบงดงาม
จิ่นเซวียนนั่งยองริมสระกวักน้ำมาดื่ม
เมื่อสองมือนางััน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ รอยแผลรอยแดงบนข้อมือของนางก็ค่อยๆ เลือนหายไปจนไม่เหลือร่องรอย
ฮ่าๆ นางโชคดีจริงๆ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์มีสรรพคุณในการรักษา มันจะร้ายกาจเหมือนน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ในนิยายทำสวนหรือเปล่าไม่ นางได้ยินว่าน้ำแร่ในนิยายไม่เพียงฟื้นฟูความงามยังรักษาโรคได้ทั้งหมดอีกด้วย
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่พระราชวังเถาเซียน ยินดีด้วยที่ท่านได้เป็เ้าของคนที่สองของพระราชวังเถาเซียน” จิ่นเซวียนนั่งยิ้มอยู่ริมสระน้ำ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประหลาดมาจากนอกตำหนักจนนางสะดุ้งโหยง
“ผู้ใดพูดออกมาเดี๋ยวนี้” จิ่นเซวียนมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยด้วยความระแวง
“ข้าคือเถาเยา เ้าของตำหนักเถาเซียนคนแรก” สายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวว่อน ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าจิ่นเซวียนก็ปรากฎสตรีรูปงามในอาภรณ์ปักลายสีชมพู
“ท่านเป็ผู้เรียกข้าเข้ามาในนี้หรือเ้าคะ?” จิ่นเซวียนมองสตรีรูปงามตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง สตรีนางนี้โผล่มาได้อย่างไร แปลกเกินไปแล้ว
เชิงอรรถ
[1] ซานชี หรือ เถียนชี หมายถึง พืชสมุนไพรอยู่ในตระกูล "โสมคน" ซานชีในภาษาจีน แปลว่า "สามเจ็ด" เป็ไม้ยืนต้น แต่ละต้นมีกิ่งเพียง 3 กิ่ง แต่ละกิ่งมีใบไม้เพียง 7 ใบเท่านั้น จึงตั้งชื่อว่า สามเจ็ดกิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้