“เพราะมู่เลี่ยนบอกว่า หากทุกคนรู้ว่าข้าความจำสูญสิ้น ทุกคนที่ข้าเคยเล่นงานเอาไว้ จะตามมาเอาคืน นางรู้ว่าตอนนี้จิตใจข้าไม่ได้เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเหมือนก่อน จึงกลัวว่าข้าจะมีอันตราย เพราะไม่มีผู้ใดคอยปกป้อง ท่านเองก็คอยจะหาเื่ลงโทษข้าเสมอ ๆ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น แล้วชำเลืองมองเขาก่อนจะพูดต่อ
“ข้าจำไม่ได้ ว่าทำอะไรกับเซียนเยว่บ้าง ข้าจำไม่ได้ว่าข้าเคยร้ายกาจเช่นไร ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ ก็คือความรู้สึกผิดที่ไม่อาจไถ่โทษได้” โม่โฉวจับจ้องมายังหญิงสาว แล้วนิ่งเงียบ ก่อนจะดึงมือนางออกจากห้องนอน
“แต่ท่านไม่ต้องห่วงว่าข้าจะตามตื๊อท่านเหมือนก่อน เพราะข้าเองก็จำไม่ได้เช่นกัน ว่าเคยรักท่านมากเพียงใด ตอนนี้ข้าไม่ได้รู้สึกอยากท่านเลยสักนิด” เขาหันมายังหญิงสาวที่ทำหน้าจิ้มลิ้ม ชุดขาวสะอาดตาที่นางสวมใส่ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้ว่านางเปลี่ยนไปแทบเป็คนละคน
“เื่ที่เราตกลงกันไว้ ว่าหากท่านพ่อเสร็จศึกกลับมา ข้าจะยอมกลับไปที่วังหลวงทันที ท่านวางใจได้ ข้าจะไม่อยู่ขวางตา ให้ท่านต้องรำคาญใจ” ก่อนนางจะใช้จังหวะที่เขานิ่งเงียบ ค่อย ๆ ย่างเท้าเดินหนีออกมายังสระน้ำ พร้อมกับกองกระดาษที่เจ่าเจานำมาวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“เจ่าเจา” หญิงสาวเอ่ยเรียก ขณะที่เขายืนเหม่ออยู่ไม่ไกลนัก
“เ้าอยู่เป็เพื่อนข้าหน่อยนะ” นางพูดพลางหันมองไปยังด้านหลังเป็ระยะ
“ขอรับ” อีกฝ่ายรับปาก เมื่อแน่ใจแล้วว่าโม่โฉวไม่ตามมา นางจึงนั่งเขียนวรรณกรรมต่อ พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมาเป็ระยะ เื่ราวในวรรณกรรมที่นางเขียน ทำให้นางลืมเื่ราวต่าง ๆ ก่อนสายตาจะพาดผ่านไปเห็นเจ่าเจายืนเหม่ออยู่อีกเช่นเคย
“เจ่าเจา”
“ขอรับ” เขาหันมาแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็ปกติ
“เ้ามีเื่อันใดทุกข์ใจหรือไม่” อีกฝ่ายส่ายดวงตาไปมา แล้วปฏิเสธ
“ไม่มีขอรับ”
“แต่ข้าเห็นเ้าเหม่อลอยบ่อย ๆ ลักษณะเช่นนี้ต้องมีเื่ทุกข์ใจเป็แน่ หากเ้ามีสิ่งใดให้ช่วย ก็ขอให้เอ่ยปาก” หญิงสาวพูดอย่างเมตตา ก่อนนางจะหันมาเขียนวรรณกรรมของตัวเองต่อ พร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกายเป็ระยะ
“นางยอมรับแล้ว ว่านางความจำสูญสิ้น เป็อย่างที่ข้าคิดไว้จริง ๆ” โม่โฉวพูดกับเจ่าเจา พร้อมสายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่นั่งเขียนวรรณกรรมอยู่ที่สระน้ำด้านหน้า
“มิน่า” อยู่ ๆ เจ่าเจาก็เอ่ยขึ้น
“มีอันใดรึ” โม่โฉวหันมายังคนสนิทแล้วเอ่ยถาม
“ฮูหยินแปลกไปจริง ๆ ทั้งสายตาและคำพูดที่ข้าน้อยได้ััเมื่อครู่ ไม่เหมือนฮูหยินคนเก่าเลยสักนิด แล้วเหตุใดฮูหยินจึงปิดบังเื่นี้ขอรับ” คำถามของอีกฝ่าย ทำให้โม่โฉวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นางคงกลัว ว่าถ้าเหลียนต้า กับชิงเหอรู้ จะหาทางกลั่นแกล้งนาง” เจ่าเจาขมวดคิ้ว
“พวกนางเป็เพียงหัวหน้าแม่ครัว จะกล้ากลั่นแกล้งฮูหยินได้อย่างไร” โม่โฉวจับจ้องไปยังเสี่ยวเฟย ที่นั่งตวัดพู่กัน แล้วพูดขึ้น
“เพราะนางรู้ ว่าข้าไม่เคยปกป้องนาง นั่นเป็เหตุผลให้นางเอาตัวรอดด้วยวิธีเช่นนี้” เจ่าเจานิ่งเงียบ ก่อนโม่โฉวจะเดินกลับไปยังโต๊ะว่าราชการ
“เจ่าเจา หากว่านางอยากได้สิ่งใด เ้าก็คอยดูแลนางหน่อยก็แล้วกัน กระดาษและหมึกที่นางเอามานั่งเขียนวรรณกรรม หากหมดแล้ว เ้าก็เตรียมสั่งเข้ามาใหม่” เจ่าเจาอึกอักแล้วเตรียมจะเอ่ยถาม ก่อนโม่โฉวจะรีบเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อความจำนางสูญสิ้นแล้ว ข้าจะโกรธเกลียดนางก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา อีกทั้งตอนนี้นางไม่ได้มีจิตใจมุ่งร้ายต่อใคร ข้าจะคอยมองนางอยู่ห่าง ๆ” เจ่าเจาน้อมรับคำสั่ง
มู่เลี่ยนรีบเดินเข้ามาหานายหญิงที่หน้าเรือนเล็ก ด้วยความเป็ห่วง ก่อนรอยยิ้มของเสี่ยวเฟยจะทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา
“เหตุใดท่านจึงไปอยู่ที่เรือนใหญ่ทั้งวันเ้าคะ ข้าเป็ห่วงแทบแย่ อยากจะตามไปดูแล ก็กลัวว่านายท่านจะไม่พอใจ” มู่เลี่ยนพูด พลางจูงมือนายหญิงมานั่งยังโต๊ะอาหาร
“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าไปเขียนวรรณกรรม”
“เอามาเขียนที่เรือนเล็กไม่ได้หรือเ้าคะ” สายตาสัดส่ายของมู่เลี่ยนทำให้เสี่ยวเฟยยิ้มกว้าง
“วันนี้ข้าใช้กระดาษกองสูงเท่าหัว” มู่เลี่ยนเบิกตากว้าง
“สูงเท่าหัว!” หญิงสาวเอ่ยย้ำด้วยความใ ก่อนเสี่ยวเฟยจะพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ
“เรือนใหญ่ เหมาะแก่การเขียนวรรณกรรมมากว่าเรือนนี้ เ้ามิต้องห่วง ข้าจะดูแลตัวเองอย่างดี แต่ข้ามีเื่สำคัญจะบอกเ้า” มู่เลี่ยนพานายหญิงเดินมายังโต๊ะอาหารช้า ๆ แล้วเอ่ยถาม
“เื่ใดหรือเ้าคะ” มู่เลี่ยนขมวดคิ้ว
“ข้าหลุดปากบอกเขาไปแล้ว ว่าข้าความจำสูญสิ้น” มู่เลี่ยนเบิกตากว้าง แล้วรีบจับมือเสี่ยวเฟยขึ้นมา ด้วยความเป็ห่วง
“เหตุใดจึงบอกไปเ้าคะ ข้ากำชับหนักหนา ว่าห้ามผู้ใดรู้เื่นี้ นายหญิงของข้าตอนนี้ไม่เหมือนนายหญิงคนเก่า ผู้ใดคิดร้ายต่อท่าน ท่านจะรู้ได้อย่างไร” มู่เลี่ยนถือวิสาสะตำหนิ ก่อนเสี่ยวเฟยจะรินชาร้อน ๆ ใส่ถ้วยแล้วยกดื่ม
“ข้าจำเป็ต้องบอก”
“จำเป็อย่างไรเ้าคะ”
“เขาบังคับข้า”
“บังคับด้วยวิธีใดเ้าคะ” ถึงตรงนี้ ใบหน้าของเสี่ยวเฟยแดงก่ำ นึกถึงวิธีการถูกบังคับ ด้วยการผลักนางขึ้นเตียงแล้วจู่โจม ก่อนเสียงของมู่เลี่ยนจะทำให้เสี่ยวเฟยได้สติกลับมา
“นายหญิงเ้าคะ เขาบังคับด้วยวิธีใดเ้าคะ เหตุใดจึงยอมคลายความลับง่ายเช่นนั้น”
