หลานซื่อเช็ดน้ำตา พร้อมยิ้มอย่างเหนื่อยล้า
หยางซื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหลานซื่อผิดปกติ เกรงว่านางจะขัดแย้งกับคนในบ้านหลังเก่าอีกแล้ว เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในหมู่บ้านนางมักจะได้ยินว่าหลานซื่อชอบขัดใจหวังซื่อ หลิงหลินอยู่ไม่ติดบ้านบ่อยๆ ครั้นพออยู่บ้านก็จะทุบตีบุตรชาย เฉิงเอ๋อร์ที่เป็ดั่งชีวิตจิตใจของหลานซื่อ นางย่อมไม่ให้หลิงหลินรังแกบุตรของตนอย่างแน่นอน สองสามีภรรยาจึงทะเลาะกันภายในบ้าน หวังซื่อออกหน้าจะเข้ามาแทรกแซง และหลานซื่อก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับนางเช่นกัน เพียงแต่อย่างไรเสียนางก็เป็หญิงโบราณที่ยึดมั่นในข้อปฏิบัติเดิม นอกจากจะได้เปรียบในเื่ของฝีปากแล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกหวังซื่อทุบตีไปยกใหญ่ และนางก็ไม่กล้าโต้ตอบกลับไป
“เ้า...เป็อันใดหรือไม่? ” สีหน้าของหลานซื่อผิดปกติ หากเพราะว่าเมื่อครู่กังวลเกี่ยวกับหลิงจื่อเฉิง บัดนี้ได้หาหลิงจื่อเฉิงพบแล้ว แต่สีหน้าของนางก็ยังผิดปกติอยู่ดี
หลานซื่อส่ายหน้าเบาๆ จับมือหลิงจื่อเฉิงพลางกล่าวว่า "พวกเราไม่รบกวนท่านลุงสามทำการค้าแล้ว พวกเราต้องไปก่อนแล้วเ้าค่ะ"
"รีบร้อนอันใดกัน? เด็กหิวแล้ว ให้เด็กกินอะไรก่อน นี่คือฝีมือของมู่เอ๋อร์ พวกเ้าลองชิมดูว่ากินได้หรือไม่" หยางซื่อกล่าวกับหลิงจื่อเฉิงและต้าโก่วจื่อ "รีบกินเร็วเข้า! ถ้าหากไม่อิ่ม ข้าตักให้พวกเ้าอีก นี่เป็ร้านของเราเอง มีให้พวกเ้ากินได้อย่างเพียงพอแน่นอน”
ต้าโก่วจื่อไม่มีทางรู้สึกเกรงใจกับพวกเขา ในบ้านของต้าโก่วจื่อมีเด็กหลายคน ยามปกติเวลากินอาหารไม่เคยได้กินอิ่ม ตอนนี้มีของกินให้โดยไม่ต้องเสียเงิน แน่นอนว่าจะต้องกินให้พอ
"ว้าว… อร่อยมาก..." ต้าโก่วจื่อจับช่วนช่วนขึ้นมาหนึ่งไม้ กัดกินไปหนึ่งคำจากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากของหลิงจื่อเฉิง "เ้าลองชิมดูสิ ช่างอร่อยเหลือเกิน..."
หลิงจื่อเฉิงอยากจะคายมันออกมาตามสัญชาตญาณ แต่ว่าสิ่งนั้นช่างอร่อยเหลือเกิน พอเข้าไปในปากก็หลงเหลือกลิ่นหอมไว้เต็มปาก เขาเคี้ยวตามสัญชาตญาณแล้วกลืนลงไป
หลานซื่อทอดมองไปที่หลิงจื่อเฉิงอย่างเ็ปใจ หลิงจื่อเฉิงไม่ได้หยิบไม้ที่สอง เขาเหมือนเด็กที่ทำเื่ผิดไว้ที่ในเวลานี้เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอันใด
“เ้ากินเถิด!” หลานซื่อกล่าวกับหลิงจื่อเฉิง
หลังจากได้ยินคำกล่าวของหลานซื่อ ดวงตาก็เปล่งประกายสดใส เขานั่งอยู่ข้างกายของต้าโก่วจื่อ เริ่มลงมือกินตามต้าโก่วจื่อทันที
“น้องสะใภ้สี่ เ้าไม่เป็อันใดใช่หรือไม่? ” หยางซื่อเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงเป็ใย
“ข้าไม่...” หลานซื่อยังไม่ทันเอ่ยจบก็รู้สึกสมองไม่ได้สติอยู่พักหนึ่ง จากนั้นคนก็ล้มลงไปทั้งร่าง
ครั้นหยางซื่อเห็นแบบนั้นก็รีบร้อนประคองไหล่ของนางเอาไว้ นางร้องอย่างกังวล "น้องสะใภ้สี่..."
หลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิวได้ยินเสียงจึงวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน หลิงต้าจื้อกล่าวว่า "เ้ารีบประคองนางเข้าไปในบ้านเร็วๆ ข้าจะไปตามหมอ"
“ตามหมออันใดกัน? ให้มู่เอ๋อร์เข้ามาตรวจดูเถิด” หยางซื่อกล่าว พร้อมกับแบกหลานซื่อเดินไปทางเรือนด้านหลัง
หลิงจื่อเฉิงเดินตามพวกเขาไปอย่างกังวลใจ ต้าโก่วจื่อมองอาหารอันโอชะบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปที่เงาร่างของกลุ่มคน สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะอยู่เฝ้าอาหารรสเลิศไว้
เขาเป็เพียงเด็กเล็ก แม้ว่าจะตามไปก็ช่วยอันใดไม่ได้ มิสู้เติมท้องให้อิ่มก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรอท่านแม่กลับมายังสถานที่ที่ได้นัดหมายไว้
ตอนนี้การค้ากำลังไปได้ดี หลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิวไม่อาจทิ้งตรงนี้ไปพร้อมกันได้ จำเป็ต้องอยู่ที่นี่หนึ่งคนเพื่อคอยต้อนรับลูกค้า หนานกงอี้จือกำลังเฝ้าหม้อใบนั้นอยู่ สตรีที่หน้าประตูร้านน้อยลงกว่าเมื่อวานบางส่วน แต่ก็ยังคงเป็สาวงามกลุ่มใหญ่ที่ห้อมล้อมหนานกงอี้จือเอาไว้ พวกเขาซื้อเพียงไม่กี่ไม้ และยังได้ลูบััชายรูปงามอีกด้วย วิธีนี้ช่างได้ประโยชน์เสียจริงๆ
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปที่ทิศทางของเรือนด้านหลังหนึ่งที เขาเป็คนคิดบัญชีที่สำคัญที่สุดของที่นี่ ไม่อาจออกไปได้
"ญาติผู้พี่..." หนานกงอี้จือเดินเข้ามา เมื่อครู่เขายังยืนอยู่ที่หน้าประตู แต่บัดนี้ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินด้วยท่าทางจริงจัง “เมื่อครู่ข้าเจอคนพวกนั้นแล้ว”
ั์ตาของซั่งกวนเซ่าเฉิดฉายประกาย "ดูเหมือนว่า...พวกเราจะต้องไปจากที่นี่แล้ว"
"ใช่แล้วขอรับ! ถ้าพวกเรายังไม่ไปจากที่นี่อีก เมื่อพวกเขาหาที่นี่พบ ในตอนนั้นก็จะเกี่ยวโยงไปถึงน้องสาวบุญธรรมของท่านแล้ว" หนานกงอี้จือกล่าว
“เมื่อครู่พวกเขาเห็นเ้าหรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวเสียงเรียบราบ
"ข้าหลบได้ทันถ่วงทีและทั้งยังมีสตรีเ่าั้ที่คอยขวางไว้ พวกเขาจึงมองไม่เห็นข้าขอรับ แต่ว่าดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว จะต้องกำลังมองหาคนอยู่เป็แน่" หนานกงอี้จือปิดใบหน้าของตนเอง “ดังนั้น ประเดี๋ยวท่านบอกกล่าวแก่น้องสาวบุญธรรมของท่านด้วย ข้าจะไม่เป็แมวกวักนำโชคนี้แล้ว ท่านให้นางหาบุรุษหน้าตาดีคนใหม่มาทำหน้าที่นี้ของนางให้เรียบร้อยเถิด”
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปที่หนานกงอี้จือด้วยรอยยิ้มที่คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่
หนานกงอี้จือเห็นท่าทางนี้ จึงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ "ท่านคงไม่คิดว่าข้ากำลังหาข้ออ้างเพื่อที่โยนความรับผิดชอบเื่ที่เด็กสาวผู้นั้นจัดแจงไว้หรอกกระมัง? ข้าเป็คนไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ?"
ในขณะเดียวกันนั้น ในห้องด้านข้างของห้องโถงใหญ่ที่เรือนด้านหลัง หลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่หน้าเตียงกำลังจับชีพจรที่ข้อมือของหลานซื่อ
หลิงจื่อเฉิงร้องไห้ฮือๆ "ท่านแม่… ท่านอย่าได้ทิ้งเฉิงเอ๋อร์… ท่านแม่… ท่านรีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า... "
หลิงจื่ออวี้จับมือของหลิงจื่อเฉิง และมองเขาอย่างเป็กังวล
หยางเสี่ยวหูสูดจมูกพลางเอ่ยว่า "ท่านแม่ของเ้าจะไม่เป็อันใด ลูกผู้พี่หญิงข้าเก่งกาจมาก นางจะต้องทำให้ท่านแม่ของเ้าฟื้นขึ้นมาแน่นอน"
หลิงมู่เอ๋อร์นำเข็มเงินที่ทำไว้ครั้งก่อนออกมา แล้วฝังเข็มลงไปที่ศีรษะของหลานซื่อ ผ่านไปไม่นาน หลานซื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“นี่ข้า… เป็อันใดไป?” หลานซื่อเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า
“ท่านทำงานหนักเกินไป ร่างกายได้รับความเสียหายอย่างหนัก” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนิ่ง “หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป ชีวิตอันน้อยๆ ของท่านก็จบสิ้นลงในไม่ช้าก็เร็วเ้าค่ะ”
“มู่เอ๋อร์...” หยางซื่อขมวดคิ้ว ถลึงตาจ้องไปที่นางอย่างไม่พอใจ "อย่าได้พูดจาเหลวไหล"
“ข้ามิได้พูดจาเหลวไหลนะเ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่แล้วก็ท่านอาสะใภ้เล็กไม่รู้หรือเ้าคะ? ว่าคนในบ้านนั้นเป็ผีดูดเืกันทั้งบ้าน” หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะเยาะ "พวกเขาไม่เห็นผู้อื่นเป็มนุษย์อย่างแท้จริง"
หลานซื่อมองไปที่ชายคาบ้าน กล่าวอย่างขมขื่น "ข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ? ผู้ใดใช้ให้ข้ามีชะตาชีวิตที่ลำบากพบเจอสัตว์เดรัจฉานเช่นนั้น แล้วยังมีผีร้ายอีกกลุ่มหนึ่ง"
หยางซื่อทอดถอนหายใจเบาๆ
ชีวิตของหลานซื่อนั้นยากลำบากยิ่งกว่าหยางซื่อในเมื่อก่อนเสียอีก ไม่ว่าชีวิตหยางซื่อจะลำบากเพียงใด แต่ในใจของหลิงต้าจื้อก็ยังมีนาง เขายังรู้จักรักนาง ทะนุถนอมนางและดูแลนาง แต่หลานซื่อกลับมีเพียงบุตรชายคนเดียวที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันเพื่อให้อยู่รอด ชายผู้นั้นบีบบังคับนาง ทำลายย่ำยีนาง ทำลายชีวิตที่เดิมทีควรจะมีความสุขของนาง
หลานซื่อมีแต่ความเกลียดชังต่อคนสกุลหลิง ที่สามารถรับรู้ได้จากคำพูดของนาง นางมองว่าหลิงหลินเป็สัตว์เดรัจฉาน และมองหวังซื่อคนบ้านนั้นเป็ดั่งผีร้าย
"มู่เอ๋อร์ เ้ารักษาอาสะใภ้เ้าสักหน่อย" หลิงต้าจื้อกล่าว "อาสะใภ้เ้ายังอายุน้อย ยังต้องดูแลเฉิงเอ๋อร์ อย่าให้แย่ลงไปกว่านี้เลย"
“ข้าสามารถจ่ายยาให้ท่านอาสะใภ้ได้เ้าค่ะ แต่ว่าหลังจากอาสะใภ้นำกลับไปแล้วจะอธิบายอย่างไร? หวังซื่อจะกล่าวว่านางแอบซ่อนเงินของบ้านเป็ของตนเอง ถึงขนาดที่ว่าอาจจะไม่ให้นางดื่มยา” หลิงมู่เอ๋อร์เก็บเข็มเงินกลับแล้วกล่าวนิ่งๆ "อาสะใภ้อาศัยอยู่ข้างกายผีร้ายฝูงนั้น ไม่ช้าก็เร็วก็จะถูกพวกเขาสูบพลังชีวิตไปจนหมดสิ้น สิ่งที่อาสะใภ้้าไม่ใช่ยาดี แต่เป็… การไปจากผีร้ายเ่าั้เสีย ยิ่งไกลเท่าใดยิ่งดีเ้าค่ะ"
“ข้า...” ภายในดวงตาของหลานซื่อฉายแววประกายความสับสน "ข้าจะจากไปได้อย่างไร? "
"อาสะใภ้ ท่านมีมือมีเท้า หลายปีที่ผ่านมานี้ถูกพวกเขากดขี่ข่มเหงจนไม่ใช่คน ถ้าไม่มีครอบครัวนั้น ท่านจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้เ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว "เหตุใดท่านถึงไม่หย่ากับชายคนนั้นเสีย? ตามที่ข้ารู้ บ้านเดิมของท่านก็ปฏิบัติต่อท่านอย่างดี ถึงแม้ว่าท่านจะหย่ากับคนบ้านนั้นไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางถือโทษโกรธท่าน”
"ท่านพ่อท่านแม่แล้วก็พี่ชายพี่สะใภ้ข้าล้วนเป็คนจิตใจดี ถ้าเกิดหย่ากับคนผู้นั้นจริงๆ พวกเขาก็จะรับข้ากลับไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า… แล้วเฉิงเอ๋อร์จะทำอย่างไร?" หลานซื่อหลุบตาลงและยิ้มอย่างขมขื่น “แม้ว่าข้าจะไม่สนใจความคิดของเฉิงเอ๋อร์ ชายผู้นั้นก็ไม่ยินยอมที่จะหย่ากับข้า ข้าอยากจะหลุดพ้นจากสกุลหลิงของพวกเขานั้น แต่นั่นจะง่ายอย่างที่คิดหรือ? มีเพียงแต่ต้องตายในบ้านของพวกเขาเท่านั้นพวกเขาถึงจะยอมเลิกรา! ”
"ท่านแม่… ข้าอยากอยู่กับท่านแม่ ข้าไม่้าผู้อื่นขอรับ" หลิงจื่อเฉิงอายุเพียงห้าขวบ แต่เป็เด็กรู้ความด้วยเพราะเคยผ่านชีวิตที่ยากลำบากมา เขาล้วนเข้าใจทุกอย่าง
“เฉิงเอ๋อร์ผู้มีชีวิตอาภัพของข้า” หลานซื่อกอดหลิงจื่อเฉิง
ก๊อกๆ! เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
"แม่นางมู่เอ๋อร์" เสียงของหนานกงอี้จือดังเข้ามา “เ้าออกมาสักหน่อยได้หรือไม่? พวกข้ามีธุระ้าพบเ้า”
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินเสียงของหนานกงอี้จือ สังเกตว่าเขากล่าวคำว่า 'พวกข้า' ไม่ใช่ข้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่้าพบนางไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่ยังรวมไปถึงซั่งกวนเซ่าเฉินด้วย
ตอนนี้ยังเป็เวลาเปิดร้าน ครอบครัวพวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ในห้อง ด้านนอกน่าจะมีเื่วุ่นวายแล้วกระมัง! ไม่แปลกใจที่หนานหงอี้จือจะตามหานาง
"ไอ๊หยา พวกเรายังเปิดร้านอยู่นี่! " หยางซื่อร้องออกมาด้วยความใ "ละเลยลูกค้าแล้ว เกรงแต่ว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจ มู่เอ๋อร์ พวกเราไปดูแลแเื่ก่อนเถิด! ให้อาสะใภ้เ้าพักผ่อนที่นี่สักครู่ รอสักพักข้ายกอาหารเข้ามาให้เ้าทาน”
“ไม่ต้องแล้วเ้าค่ะ พี่สะใภ้สาม” หลานซื่อทำท่าทางจะลุกจากเตียง
“เอาล่ะ สภาพของเ้าเป็เช่นนี้จะลุกจากเตียงได้อย่างไร พักผ่อนอย่างวางใจ นี่คือห้องของมู่เอ๋อร์ ไม่มีผู้ใดเข้ามา เ้าก็ลองคิดดูว่าหากเ้าเป็ลมล้มระหว่างทาง เฉิงเอ๋อร์จะทำอย่างไร? แม้ว่าเ้าอยากจะกลับไป ก็ต้องแน่ใจว่าสามารถดูแลเฉิงเอ๋อร์ได้อย่างดีก่อนที่จะกลับไปได้! " หยางซื่อจับแขนของหลานซื่อไว้พลางกล่าว
“ท่านแม่ เฉิงเอ๋อร์กลัวขอรับ” หลิงจื่อเฉิงมองหลานซื่อด้วยท่าทางน่าสงสาร
ใจของหลานซื่อพลันอ่อนลง นางถอนหายใจพลางกล่าว "ตกลงเ้าค่ะ! รบกวนพี่สะใภ้สามแล้ว"
"รบกวนอันใดกัน? เมื่อก่อนเ้าเคยช่วยข้า ข้าจำบุญคุณของเ้าได้" หยางซื่อตบไปที่หลังมือของหลานซื่อ “พักผ่อนอย่างวางใจ ไม่ต้องเห็นพี่สะใภ้เป็คนอื่นไกล”
หลิงมู่เอ๋อร์เดินออกมา เห็นหนานกงอี้จือและซั่งกวนเซ่าเฉินยืนอยู่ที่ในมุมของบ้าน นางเดินเข้าไปหาพวกเขา เอ่ยถามพวกเขาอย่างไร้เสียง
“เด็กน้อย ข้ากับอี้จือจะต้องไปแล้ว” ซั่งกวนเซ่าเฉินทอดมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างอ่อนโยน "ข้าทิ้งพี่น้องไว้ที่นี่สองสามคน ถ้าเ้ามีเื่้าให้พวกเขาช่วยเหลือก็สามารถหาพวกเขาได้ที่โรงตีเหล็กทางด้านทิศตะวันตกของเมือง"
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้ถามว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะไปที่ใด ซั่งกวนเซ่าเฉินมีความลับซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่นางสมควรจะก้าวก่าย
“พี่ใหญ่จะกลับมาหรือไม่เ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าแล้วเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ ซึ่งก็แสดงว่านางเห็นเขาเป็พี่ชายจากจริงใจ และนางก็เป็ห่วงความปลอดภัยของเขาอีกด้วย
"เ้าเด็กโง่ พี่ใหญ่ของเ้าเป็ตัวปัญหาเคลื่อนที่คนหนึ่ง เขากลับมาอาจจะสร้างปัญหาให้เ้าได้" หนานกงอี้จือที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ครอบครัวที่แท้จริงย่อมไม่สนใจปัญหาเ่าั้ เขาเป็พี่ใหญ่ของข้า ข้าย่อมไม่สนใจเื่เ่าั้แน่นอน เพียงแต่ว่าการไปครั้งนี้ ไม่รู้จะได้พบกันอีกเมื่อใด ในใจยากที่จะไม่เป็กังวลได้" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ยว่า "พวกท่านจะไปในเร็วๆ นี้หรือเ้าคะ? รอจนถึงเย็นค่อยไปได้หรือไม่?"
"ไม่จำเป็ต้องจัดงานเลี้ยงอำลา พวกข้าจะต้องรีบไป หากยังล่าช้ากว่านี้จะไม่เป็ผลดีต่อพวกเ้า" หนานกงอี้จือเอ่ยด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“ผู้ใดจะทำอาหารให้เ้าทานกัน? ข้าจะตระเตรียมสิ่งของอย่างอื่นให้พี่ใหญ่ต่างหาก” หลิงมู่เอ๋อร์ตำหนิหนานกงอี้จืออย่างไม่ชอบใจ เงยหน้าขึ้นมองซั่งกวนเซ่าเฉิน เฝ้ารอคำตอบจากเขา “พี่ใหญ่ เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น น่าจะไม่มีปัญหากระมังเ้าคะ?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินลูบเส้นผมของนาง และพยักหน้าเบาๆ "ถ้าอย่างนั้นตอนกลางคืนค่อยออกเดินทางเถิด! เวลากลางคืนเคลื่อนไหวได้ง่าย อาศัยแสงรัตติกาลในการเดินทางและง่ายที่จะลบร่องรอย"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้