เย่เฟิงเลิกใส่ใจกับเื่ที่เกิดขึ้น หลังจากดูตำแหน่งสถานที่จัดงานในจดหมายเชิญก็สั่งให้ชายร่างผอมขับรถไปส่งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จัก ห่างเกือบสองกิโลเมตรจากสถานที่จัดงานแสดงสินค้าโบราณ เย่เฟิงลงจากรถตู้แล้วบอกให้ชายร่างผอมไม่ต้องรอก่อนไล่เขากลับไป จากนั้นหาสถานที่ไร้ผู้คนแล้วหยิบหน้ากากที่เตรียมไว้ขึ้นสวม
ผู้คนในยุทธจักรค่อนข้างลึกลับ เย่เฟิงเชื่อว่าคงไม่มีใครใช้หน้าที่เเท้จริงมาร่วมงานหรอก หากเขามีพื้นฐานการฝึกฝนสูงกว่านี้จะสามารถใช้วิชาอำพรางตาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองได้ น่าเสียดายที่มันจะอยู่ได้ไม่นานและไม่เหมาะที่จะใช้อย่างบุ่มบ่าม
หลังจากสวมหน้ากากเรียบร้อย ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายของตน หลังจากวิ่งต่อเนื่องเกือบสิบนาที ในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าลานบ้านโบราณแห่งหนึ่ง ตรงทางเข้ามีชายรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่ เขามองไปรอบๆ เมื่อเห็นเย่เฟิงก็ขมวดคิ้วและมองอย่างสงสัย
“ไม่ทราบว่าคุณคือใครครับ?” ชายรูปงามถาม เขาเสียงแหลมสูงและมีไฝใต้คาง ทำให้ดูเหมือนผู้หญิงมาก
“โม่จิ่วเกอ” เย่เฟิงตอบเสียงต่ำ
ก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ให้แน่ชัด เขาจะไม่ใช้ชื่อของตัวเองแน่นอน ‘โม่จิ่วเกอ’ เป็ชื่อของชายคนหนึ่งที่เย่เฟิงเกลียดที่สุดสมัยยังอยู่ในโลกเทวะ เพราะมันเป็คู่หมั้นของอาจารย์คนสวยของเขา ชายหนุ่มเดาว่าในอนาคตตนอาจมีเื่ไม่ดีบนโลกนี้ก็ได้ เพราะงั้นให้โม่จิ่วเกอรับกรรมไปก็ถือเป็เื่ไม่เลว หลังจากมีระดับวรยุทธ์สูงกว่านี้ เขาจะสามารถใช้วิชาอำพรางตาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของโม่จิ่วเกอได้
“โม่จิ่วเกองั้นหรือ? ไม่เคยได้ยิน” ชายหนุ่มรูปงามมองเย่เฟิงอย่างดูถูก ท่าทางไม่อยากสนใจเขาแม้แต่น้อย
“นี่คือบัตรเชิญ” เมื่อเห็นการแสดงออกแบบนั้น เย่เฟิงจึงหยิบบัตรเชิญออกมา
“โอ้? เป็แขกของตาเฒ่าหวงนี่เอง เชิญทางนี้” เมื่อเห็นบัตรเชิญ ท่าทีของชายหนุ่มรูปงามก็เปลี่ยนไป เขาผายมือเชิญเย่เฟิง
ท่าทีของเย่เฟิงเป็ธรรมชาติ เมื่อเขาผ่านชายหนุ่มรูปงามก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของผู้ฝึกวรยุทธ์ ดูเหมือนจะเป็ที่นี่ไม่ผิดแน่
“ตาเฒ่าหวงที่ว่าคงเป็เพื่อนของลุงโอว…” เย่เฟิงคิดในใจ หลังจากเข้าไปด้านใน เขาเห็นเพียงเส้นทางเดียวตรงสู่ห้องไม้ทรุดโทรมห้องหนึ่ง มันดูไม่เหมือนสถานที่จัดงานแสดงสินค้าเลยสักนิด แต่เมื่อเข้าไปข้างใน กลับเห็นด้านหนึ่งของกระท่อมมีทางเดินลงไปใต้ดิน
“หว่านเอ๋อร์ ในที่สุดเธอก็มา ทุกคนรอนานแล้วครับ” ตอนนั้นเองดูเหมือนชายรูปงามจะเห็นใครบางคนที่ทำให้เขาตื่นเต้น
เย่เฟิงอยากรู้อยากเห็นจึงหันกลับไปมองและเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าลานบ้าน คนที่เดินนำเป็หญิงสาวแสนสวยใบหน้ารูปไข่คนนั้น! ดูเหมือนว่าชายหนุ่มรูปงามจะให้ความเคารพเธอมากด้วย
เย่เฟิงตกตะลึง เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่นานจึงรีบเดินจากไป เมื่อผ่านทางเดินยาวและแคบ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือห้องโถงใต้ดินกว้างขวางสว่างไสวและบรรยากาศสมัยใหม่ ในห้องโถงมีผู้คนจำนวนมาก ดูด้วยสายตาคาดว่าประมาณร้อยคนขึ้นไป
ชายหนุ่มสวมหน้ากากเดินเข้าไปช้าๆ พลางมองไปรอบๆ พบว่าห้องโถงนี้เป็เหมือนตลาดผักที่มีผู้คนตั้งแผงขายของทั่วไป แม้คนจะเยอะแต่เป็ระเบียบเรียบร้อย
คนในห้องโถงไม่ใช่คนที่มีวรยุทธ์ทั้งหมด ตัวอย่างเช่นแผงของคนอ้วนที่กำลังคุยกับลูกค้าซึ่งอยู่ตรงหน้าเย่เฟิง เขาเห็นชายร่างอ้วนกำลังขายวัตถุโบราณ แต่แหวนกระบี่ัโบราณของเขาไม่มีปฏิกิริยากับมันแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ของดี แต่ก็ดึงดูดคนมากมายมาดูและต่อรองราคาสินค้าเหล่านี้
“ชายอ้วนคนนี้คงเหมือนลุงโอว ไม่รู้ว่าเขาเอาโบราณวัตถุมาจากไหน หวังว่าจะขายได้ราคาสูงในงานแบบนี้…” เย่เฟิงส่ายหัวแล้วหันตัวเดินจากไป
สถานที่แบบนี้ ตราบใดที่ของยังมีประโยชน์ หากขายออกไปย่อมได้กำไรแน่นอน พ่อค้าที่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานแสดงสินค้านี้ได้กำไรแน่นอน เช่นลุงโอวที่แต่เดิมมีหินิญญาครึ่งก้อน
“เฮ้เพื่อน มาทางนี้สิ” ทันใดนั้นชายร่างผอมคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเย่เฟิงแล้วพูดกับเขาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “พึ่งเด็ดดอกไม้ลายครามมาไม่นาน นายอยากดูหน่อยไหม?”
เมื่อมองรูปร่างผอมแห้งเหมือนลิงของชายคนนั้นอีกทั้งไม่มีพลังต่อสู้ใดๆ ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงระมัดระวังตัวมากแบบนี้ หรือมีสินค้าที่ไม่สามารถให้คนเห็นได้?
ดอกไม้ลายครามคืออะไร เย่เฟิงไม่รู้จักเลย แต่ไม่เป็ไร ชายหนุ่มกำลังกังวลว่าไม่มีใครให้ข้อมูลเกี่ยวกับยุทธจักรแก่เขา โชคดีที่เจอผู้ชายคนนี้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามไปมุมหนึ่งของห้องโถง ทุกคนต่างพูดคุยเกี่ยวกับเื่ของตัวเอง ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขาเลย แม้บางครั้งมีคนสังเกตเห็น แต่ก็แค่มองแปลกๆ และไม่สนใจ
“ดูสิ นี่คือดอกไม้ลายครามชั้นยอด หากได้ดูดซับจะช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้ถึงห้าปี ผมขายให้คุณแค่ห้าล้าน” ชายร่างผอมหยิบพืชต้นหนึ่งออกจากถุงผ้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเย่เฟิงมองดู เขาก็คิดในใจว่านี่น่ะหรือดอกไม้ลายคราม มันแค่ผักธรรมดา ตัวเขาซึ่งมาจากโลกเทวะ จะสับสนระหว่างสมุนไพรกับผักพวกนี้หรือ?
“นี่แกล้อฉันเล่นเหรอ?” ตาของเย่เฟิงฉายแววเย็นเยียบ เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ? นี่คือดอกไม้ลายครามชั้นยอด ดูของแล้วไม่ซื้อ เื่นี้ไม่จบง่ายๆ แน่” ชายร่างผอมแสยะยิ้มก่อนหันไปด้านข้างและขยับปากเป็นัยให้เย่เฟิงมองตาม
ชายหนุ่มหันศีรษะไปด้านข้างและเห็นชายท่าทีดุร้ายสองคนยืนเปลือยกายอยู่ข้างๆ ขณะนี้พวกเขามองราวกับเย่เฟิงเป็ลูกแกะกำลังถูกเชือด
“เฮ้เพื่อน นายคงรู้จักพวกเขาสินะ?” ชายร่างผอมพูดด้วยน้ำเสียงอวดดี “นี่คือคู่หูเจียงไหว พวกเขาถูกขนานนามว่า ‘เซวี่ยนเฟิงฝู’ กับ ‘ทานหลางเจี้ยน’ หลายสิบชีวิตตายอยู่ใต้เงื้อมมือของพวกเขา! ดอกไม้ลายครามนี้ก็เป็ของที่พวกเขา้าขาย…”
ถึงตอนนี้ มีหรือที่เย่เฟิงยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีก เขากำลังถูกบังคับให้ซื้อ!
ในงานจัดแสดงสินค้านี้ แม้คู่หูเจียงไหวไม่กล้าทำรุนแรงมากนัก แต่เป็ไปได้ว่าหากตอนนี้เย่เฟิงปฏิเสธที่จะซื้อต้นหอมในราคาห้าล้าน เมื่องานแสดงสินค้าจบลง พวกมันต้องตามไปจัดการเขาข้างนอกแน่ เซวี่ยนเฟิงฝูดูมีกำลังล้นเหลือ ขวานด้ามใหญ่สองอันสะพายโดดเด่นอยู่ด้านหลัง ส่วนทานหลางเจี้ยนสวมผ้าปิดตาข้างหนึ่ง มีรอยแผลเป็ที่น่าใหลายแห่งบนร่างกาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผ่านการต่อสู้มากี่ครั้งแล้ว เนื่องจากเย่เฟิงยืนห่างเกินไป จึงไม่รู้ว่าระดับวรยุทธ์ของพวกมัน แต่ประมาณได้ว่าน่าจะสูงพอสมควร… ตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสองคนแน่นอน มีเพียงการลอบโจมตีเท่านั้นที่พอจะทำอะไรได้
มองดูแล้ว เ้าอัปลักษณ์นี่คงคิดว่าเขาเป็แกะตัวอ้วน น่าเสียดาย เขาคือผู้ฝึกวิถีเซียน จะติดกับดักโง่ๆ อย่างนี้หรือ? ยิ่งกว่านั้นเขามีเงินห้าล้านเสียที่ไหน ทันใดนั้น ความคิดอย่างหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว เขาคิดวิธีที่จะออกจากตรงนั้นได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย แต่ตอนนี้ทำไมไม่ล้วงข้อมูลจากชายคนนี้สักหน่อยล่ะ
“ไม่อยากตายก็ตอบคำถามฉันมาเสียดีๆ” เย่เฟิงตะคอกอย่างเ็าและคว้าคอเสื้อของอีกฝ่าย “ถ้าเเกทำให้ฉันโมโหล่ะก็ แกตายแน่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายร่างผอมถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว
ท่าจะแย่ ดูเหมือนรอบนี้จะไปหลอกคนที่ไม่ควรแล้วสิเรา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้