หากไม่ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับตนเองก็ยืนพูดไม่ปวดเอว [1] จริงๆ รอจนกระทั่งเกิดเื่ขึ้นบนหัวตนถึงจะรู้ว่าไม่ง่ายดายเช่นนั้นแล้ว
ลุงสองคนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก หมดคำพูด
เมิ่งต้ากล่าวอย่างโมโห “เมิ่งอู่ พอได้แล้ว เ้าอย่าได้ล้ำเส้นเกินไป! ซวี่ซวีถูกลงโทษแล้ว เ้ายัง้าสิ่งใดอีก?”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอย่างยุติธรรม “กฎของหมู่บ้าน ผู้ใดทำผิดย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต โชคดีที่ภรรยาของเมิ่งเอ้อร์ปลอดภัย ส่วนเมิ่งซวี่ซวีก็ได้รับโทษตามสมควรแล้ว ข้าดูแล้วว่าเื่นี้ยุติเพียงเท่านี้เถิด แต่เมิ่งซวี่ซวีต้องขอขมาครอบครัวของเมิ่งอู่ หากครั้งหน้ายังกระทำผิดซ้ำอีก จะไม่ผ่อนปรนเด็ดขาด!”
ชาวบ้านล้วนคิดว่านี่เป็การตัดสินที่เหมาะสม จึงกล่าว “เมิ่งซวี่ซวี รีบขอขมาเสียเถิด!”
เมิ่งซวี่ซวีปวดร้าวไปทั้งตัว ชั่วชีวิตนี้นางไม่เคยเ็ปถึงเพียงนี้มาก่อน นางรู้สึกราวกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของนางอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ปากของนางถูกกัดจนเป็แผล เืไหลทะลักออกจากมุมปาก แล้วหยดลงบนพื้นดินเหนียวเหนอะหนะ
นางเกลียดชัง เกลียดชังเมิ่งอู่เข้ากระดูก แต่ยามนี้นาง้ามีชีวิตอยู่มากกว่า
เมิ่งซวี่ซวีขยับร่างกายอย่างยากลำบาก หันไปทางเมิ่งอู่ สีหน้าเปี่ยมความอัปยศอดสูระคนไม่ยินยอม น้ำตาไหลปะปนกับโลหิต นางกลืนเืในปากก่อนเอ่ย “ขอโทษ”
เมิ่งอู่เลิกคิ้วมองเมิ่งซวี่ซวีที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นก่อนกล่าว “เพียงเท่านี้หรือ?”
นางเย่กรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง “เมิ่งอู่! นางขอโทษเ้าแล้ว อย่าได้รังแกคนจนตรอก!”
เมิ่งเจียนเจียกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจและมักให้อภัยผู้อื่น “น้องสาวเมิ่งอู่ ให้อภัยผู้อื่นได้ก็จงให้อภัยเถิด”
เมิ่งอู่แย้มยิ้มกล่าว "เพียงคำขอโทษคำเดียวก็ถือว่าขอขมาแล้วหรือ ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องคุกเข่าขอโทษจึงจะแสดงถึงความจริงใจ"
ซวี่เฉินฟางหรี่ตามอง จู่ๆ ก็เอ่ย “ญาติผู้น้องอาอู่ หากนางไม่เต็มใจก็อย่าฝืน นำตัวนางไปมอบให้ทางการเถิด ข้าพอจะรู้จักคนในศาลคนสองคน”
ชาวบ้านไม่เห็นใจเมิ่งซวี่ซวีแม้แต่น้อย “เมิ่งซวี่ซวี ข้าว่าเ้ารีบคุกเข่าขอโทษเสียเถิด หากถูกส่งตัวไปให้ทางการ ไม่ใช่แค่โดนโบยไม่กี่ทีก็จบเื่หรอก”
เวลานี้ชาวบ้านล้วนเข้าข้างซวี่เฉินฟาง เพราะเขาเพิ่งทำคุณงามความดีให้หมู่บ้าน
เทียบกับการถูกส่งตัวไปให้ทางการ ยามนี้การคุกเข่าขอโทษย่อมง่ายดายกว่า
สุดท้ายเมิ่งซวี่ซวีจำใจต้องคุกเข่าโค้งคำนับเมิ่งอู่สามครั้ง ก่อนเอ่ยขอโทษระหว่างคุกเข่า “ข้าผิดไปแล้ว”
เมิ่งอู่มีสีหน้าเรียบเฉยขณะกล่าว “ในเมื่อเ้าโขกหัวยอมรับผิด ข้าก็จะยอมทนรับคำขอขมาของเ้าไว้แทนท่านแม่ ครั้งนี้จะยกโทษให้เ้า แต่หากครั้งหน้าเ้ายังทำผิดซ้ำอีก มีผู้ใดในครอบครัวของข้าสามยาวสองสั้น [2] ตามกฎของหมู่บ้าน หากไม่สำนึกผิด ยังคงคิดร้ายต่อผู้อื่นย่อมสมควรโดนทุบตีจนตาย ขอให้ทุกท่านช่วยเป็สักขีพยานให้ด้วยเ้าค่ะ”
ด้วยวิธีนี้แล้ว เมิ่งซวี่ซวีไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้ใดไม่ได้อีกต่อไป นางยังต้องภาวนาให้คนในครอบครัวของเมิ่งอู่ปลอดภัยด้วย มิฉะนั้นเมิ่งอู่จะเอาเื่นางอีกแน่นอน วันนี้เมิ่งอู่พูดไว้เช่นนี้ หากครั้งหน้านางยังทำผิดอีก นางจะต้องถูกตีจนตายจริงๆ
ครอบครัวเมิ่งต้ารีบหาแผ่นไม้มาหนึ่งแผ่นและยกเมิ่งซวี่ซวีที่เปรอะเืท่วมตัวกลับเรือน
ทุกคนล้วนหลีกทางให้
ขณะเดินผ่าน ซวี่เฉินฟางก็หลบไปด้านข้างเช่นกัน เขามองสภาพอันน่าเวทนาของเมิ่งซวี่ซวีพลางส่ายหน้า ถอนหายใจ เอ่ยเสียงอ่อนโยนด้วยความสงสาร “ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
รอบด้านมีแต่เสียงดังอื้ออึงเซ็งแซ่ บรรดาชาวบ้านพุ่งความสนใจไปที่เื่น้ำในบ่อน้ำ จึงไม่ได้ยินคำพูดนั้น ส่วนคนในครอบครัวเมิ่งต้าก็รีบพานางกลับเรือนจึงไม่ได้ยินเช่นกัน มีเพียงเมิ่งซวี่ซวีที่นอนอยู่บนแผ่นไม้เท่านั้นที่ได้ยิน
เมิ่งซวี่ซวีเงยหน้าขึ้น คิดว่าเขากำลังสงสารตนเอง อดไม่ได้ที่แววตาเผยความรู้สึกบางอย่าง นางหันมองซวี่เฉินฟาง แต่เพิ่งขยับมุมปาก ยังไม่ทันเอ่ยคำใด ก็ได้ยินซวี่เฉินฟางเอ่ยกับนางยิ้มๆ “น่าเสียดายที่ไม่ถูกตีจนตาย”
รอยยิ้มของเขาช่างมีเสน่ห์เย้ายวน แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับทำให้เมิ่งซวี่ซวีรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจในพริบตา
จะปล่อยบ่อน้ำนี้ในหมู่บ้านทิ้งไว้เช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ มิเช่นนั้นชาวบ้านจะเอาอันใดดื่มกิน ทุกวันนี้ทุกคนต้องไปตักน้ำที่หมู่บ้านข้างเคียง ทั้งไกลทั้งไม่สะดวก และนั่นไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาระยะยาว
ต่อมาทุกคนจึงทำตามคำแนะนำของเมิ่งอู่ ตักน้ำในบ่อออกมาจนหมดก่อน ทำให้บ่อน้ำแห้งสนิท แล้วปล่อยให้น้ำจากใต้ดินไหลเข้ามาชะล้างบ่อสองรอบ ก็น่าจะไม่เป็ไร
ทุกคนจึงร่วมมือร่วมใจกันตักน้ำขึ้นมาทีละถัง แล้วนำไปเททิ้งในที่ปลอดภัย ส่วนซากหนูตายที่น่าขยะแขยงหลายตัวเ่าั้ก็ขุดหลุมฝังดินลึกๆ
หลังจากนั้นในหมู่บ้านก็ไม่มีผู้ใดได้รับพิษจากยาเบื่อหนูอีก เื่นี้จึงถือว่าผ่านไปในที่สุด
เพียงแต่หลังจากนี้ไปทุกคนต้องระมัดระวังในการใช้ยาเบื่อหนูให้มากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ยามนี้เมิ่งอู่กับซวี่เฉินฟางเดินกลับเรือน
ระหว่างทางเดินผ่านริมแม่น้ำ ซวี่เฉินฟางล้างมือครู่หนึ่ง ผิวน้ำระยิบระยับยิ่งขับเน้นให้ผิวของเขาขาวผ่องราวหิมะ ชุดสีแดงที่เขาสวมระพื้น สายรัดผมสีอ่อนที่มวยผมทิ้งตัวลงมาแนบลำคอและประบ่า
เมิ่งอู่ยืนรอเขาอยู่ข้างๆ อย่างอดทนก่อนกล่าว “ไปเถิด หากตากแดดนานกว่านี้ เ้ายังไม่ทันหายดี ก็จะเป็ลมแดดไปอีก”
เพราะสีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
ซวี่เฉินฟางสะบัดหยดน้ำบนนิ้วเรียวอย่างเอื่อยเฉื่อย หันหลังกลับมามองเมิ่งอู่ยิ้มๆ พลางยื่นปลายนิ้วที่เปียกชื้นไปใกล้จมูกนางก่อนเอ่ย “เ้าลองดมดูสิ ยังมีกลิ่นหนูตายอยู่หรือไม่?”
เส้นเืบนขมับของเมิ่งอู่เต้นตุบๆ นางพยายามระงับความรู้สึกอยากต่อยหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา ก่อนกล่าว “เ้าไม่ได้ัักับซากหนูโดยตรง จะมีกลิ่นหนูตายได้อย่างไร?”
ซวี่เฉินฟางหัวเราะเบาๆ “ใช่หรือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าทั้งตัวของข้ามีแต่กลิ่นนั้นเล่า”
เมิ่งอู่มองใบหน้าขาวซีดของเขา “เมื่อครู่ตอนลงไปในบ่อน้ำ เ้าไม่ได้เผลอกลืนน้ำในบ่อที่ปนเปื้อนเข้าไปใช่หรือไม่?”
ซวี่เฉินฟางตอบ “เมื่อครู่ข้าลื่นในบ่อน้ำโดยไม่ตั้งใจ เหมือนว่ามีน้ำในบ่อกระเซ็นโดนตัวข้าหลายหยด”
เมิ่งอู่ดุ “เช่นนั้นเ้ายังล้อเล่นอีก!” พูดจบ นางก็คว้าข้อมือของเขา แล้วลากเขากลับเรือน
ซวี่เฉินฟางเดินตามหลังนางอย่างเกียจคร้าน เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์ “อาอู่ เ้าเป็ห่วงข้าหรือ?”
เดินไปได้สักพักเขาก็หัวเราะลั่น “ข้าไม่ได้โง่งมนะ”
เมิ่งอู่เพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกเขาหลอก นางจึงยกเท้าขึ้นเตะเขา
ซวี่เฉินฟางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวหลบได้พอดิบพอดีก่อนเอ่ย “ญาติผู้น้องสมควรทำตัวให้เรียบร้อยสักหน่อยจะดีกว่า”
เมิ่งอู่หักกระดูกนิ้วมือ “ซวี่เฉินฟาง ข้าอยากตีเ้ามานานแล้ว ครั้งนี้ข้าเอาจริงนะ”
ซวี่เฉินฟางถอยหลังสองก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่ง เมิ่งอู่วิ่งไล่ตามไป
ซวี่เฉินฟางกล่าวขณะกำลังวิ่ง “เมื่อครู่กระเซ็นโดนจริงๆ เพียงแต่โดนเสื้อผ้าเท่านั้น เป็เพราะเ้าไม่ถามให้ละเอียดเองนี่”
เมิ่งอู่กล่าว “น่าจะจมน้ำตายไปเสีย!”
บนคันนา ชุดสีแดงของซวี่เฉินฟางพลิ้วไหว งามยิ่งกว่าแสงตะวัน ส่วนเมิ่งอู่วิ่งไล่ตามมาด้านหลังประหนึ่งสุนัข
พอทั้งคู่วิ่งเข้าเรือนทีละคน อินเหิงก็เห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว สีหน้าเขาอ่อนโยนและสงบราบเรียบขณะกล่าว “เื่ราวยุติลงแล้วหรือ?”
เมิ่งอู่เล่าเื่ราวคร่าวๆ ให้อินเหิงฟัง อินเหิงเลิกคิ้วอย่างคลุมเครือ ยังกล่าวอีกว่า “ช่างน่าเสียดาย”
นางไม่ได้ยินยามที่ซวี่เฉินฟางพูดว่าน่าเสียดาย ครานี้เมิ่งอู่จึงหันกลับไปถาม “น่าเสียดายอันใด?”
อินเหิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวล “น่าเสียดายที่เมิ่งซวี่ซวีอายุยังน้อย แต่กลับไม่ยอมเดินในทางที่ถูกที่ควร”
……….
[1] หมายถึง หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันย่อมไม่เข้าใจ
[2] หมายถึง พบเื่โชคร้าย สูญเสียถึงขั้นเสียชีวิต หรือประสบภัยพิบัติที่อันตรายถึงชีวิต