หลังเฝิงเจี้ยนเหวินได้รับจดหมายคราวก่อนของเจิ้งหยวนก็เริ่มขบคิดเื่แต่งงานของตัวเองขึ้นมา แม้่แรกเขาจะต่อต้านการสร้างครอบครัวกับเด็กผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อตัดสินใจแต่งงานแล้ว เขาก็จะพยายามจริงจังต่อชีวิตแต่งงานของตนเอง
เื่แต่งงาน แม้เขาจะเคยประสบเป็ครั้งแรก แต่เขาเป็คนใฝ่รู้ คำขยายความของการแต่งงาน แท้ที่จริงแล้วก็คือชายหญิงสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเืสร้างครอบครัวใช้ชีวิตร่วมกัน คนนิสัยใจคอ กิจวัตรประจำวันแตกต่างกันอยู่ด้วยกันนานวันเข้า ต้องเกิดการกระทบกระทั่งแน่นอน เหมือนกับพวกเขาทหารอยู่หอเดียวกันนั่นแหละ ่แรกถึงขนาดชกต่อยกันด้วยซ้ำ! เขานึกถึงจดหมายที่ตนเขียนฉบับก่อน
พลันตระหนักได้ว่าสำนวนมันแข็งกระด้างไปสักหน่อย
หากทำให้เด็กสาวเกิดความประทับใจแย่ๆ จนกีดกันตัวเองจากเขาจะทำอย่างไร? ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนตอนนี้
ย่อมไม่พ้นการเอาใจว่าที่เ้าสาวให้มีความสุข
เฝิงเจี้ยนเหวินเข้ากองทัพมาั้แ่เล็กแต่น้อย อย่าว่าแต่ผู้หญิง กระทั่งหนูตัวเมียยังเจอไม่กี่ตัวเลย ต่อมาตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาสูงขึ้น สตรีที่ติดต่อด้วยล้วนมีแต่พี่สะใภ้ ไม่มีเด็กสาวสักคน ใช่ว่าไม่มีใครอยากแนะนำภรรยาให้เขา ชายหนุ่มอายุไม่เยอะแต่ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ทั้งยังโสดอย่างเขา ความจริงได้รับการต้อนรับจากกลุ่มพี่สะใภ้ทหารมาก แม้เขาจะไม่ชอบเด็กน้อยที่บ้านตัวเองหมั้นหมายไว้ให้ แต่ยังตระหนักว่าตนเองมีสัญญาหมั้นอยู่ จะกล้าคบหาผู้หญิงอื่นได้อย่างไร ดังนั้น เมื่อเขา้าเอาใจว่าที่ภรรยา เลยไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร อดีตสหายร่วมรบคนไหนจะแต่งงาน คนอื่นๆ มักเก็บรวบรวมคูปองผ้า คูปองอุตสาหกรรมเอามาให้กัน ครานี้เขาได้รับมาไม่น้อย แต่ก็ลังเลอยู่ดีว่าสามารถส่งคูปองพวกนี้ไปเฉยๆ ได้เลยหรือ?
ผู้พันหลิวไม่ค่อยเห็นท่าทีลำบากใจของเฝิงเจี้ยนเหวินบ่อยนัก สุดท้ายแล้วเขาก็หัวเราะพรวดหลังถามเหตุผลจนแน่ชัดอยู่นาน แต่ก็ช่วยออกความเห็น “วันนี้นายกลับบ้านไปกินข้าวกับฉันเถอะ เื่นี้คุยกับพวกชายฉกรรจ์ไม่ได้ความหรอก ต้องถามผู้หญิงเขา!”
ั์ตาเฝิงเจี้ยนเหวินพลันเปล่งประกาย และตามไปบ้านผู้พันหลิวในคืนนั้น
พี่สะใภ้หลิวเป็สตรีมีน้ำใจ ใบหน้ากลม ดวงตาเรียวยาว รูปร่างท้วมนิดหน่อย ดูอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ครอบครัวผู้พันหลิวมีลูกสามคน เป็ลูกชายทั้งหมด ธาตุหยินแรงกว่าหยาง [1] เหมือนครอบครัวเขา เด็กแสบสามคนซุกซนมาก ท่าทางซื่อๆ แต่ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี ได้ยินว่าต่อไปอยากเป็ทหารเหมือนคุณพ่อพวกเขา
บนโต๊ะอาหาร พี่สะใภ้หลิวทำอาหารสามอย่าง กับข้าวทุกจานใส่ในกะละมังอันเบ้อเริ่ม ถึงปริมาณจะเยอะจนล้น แต่เด็กชายทั้งสามคนก็ยังกินกันอย่างตะกละตะกลาม เหมือนกลัวว่าถ้ากินช้าไป จะโดนพี่น้องแย่งกินก่อน
เฝิงเจี้ยนเหวินมองเด็กแสบสามคนกินกันท่าทางเอร็ดอร่อย พี่สะใภ้หลิวทำอะไรไม่ถูก ต้องใช้ตะเกียบเคาะกันไปคนละที “กินช้าๆ หน่อย อย่างกับคนอดตายกลับชาติมาเกิดกันเลย ไม่เห็นหรือไงว่ามีแขกมาน่ะ! ดูซิ อาเฝิงเขาหัวเราะพวกแกแล้ว!”
แววตาเฝิงเจี้ยนเหวินเจือความโหยหาครอบครัวที่อยู่ห่างไกล แล้วบอก “เห็นพวกเขาสามคนแล้วผมคิดถึงสมัยเด็กๆ น่ะ ครอบครัวพวกเรามีพี่น้องห้าคน เด็กวัยกำลังโตกินเยอะกันอยู่แล้ว ฐานะทางบ้าน่นั้นไม่ค่อยดีอีก เลยทำกับข้าวน้อย พวกเรากินข้าวกันเร็วมากทุกครั้ง เพราะกลัวกินช้าจะไม่เหลือครับ”
พี่สะใภ้หลิวฟังแล้ว จึงเอ่ยตามตรง “เหมือนกัน เหมือนกันเลย พวกเขาสามคนก็เป็แบบนี้ ทุกครั้งที่มีเนื้อนิดหน่อย จะแย่งกันรุนแรงเชียวละ” แล้วถอนหายใจ “ฉันอยากมีลูกสาวสักคน ใครจะคิดว่าคลอดลูกติดกันสามคนจะเป็เด็กผู้ชายหน้าเหม็นกินล้างผลาญกันหมด!”
ผู้พันหลิวหัวเราะในลำคอ เชิดปลายคางขึ้น ดูภูมิอกภูมิใจอย่างยิ่ง
เฝิงเจี้ยนเหวินดื่มน้ำแกงอึกหนึ่ง ลิ้มรสชาติแล้วหรี่ั์ตาลงอย่างครุ่นคิด “ผมก็อยากได้ลูกสาว!” ลูกสาวดียิ่ง ครอบครัวพวกเขามีพี่ชายน้องชายตั้งห้าคน
ต่อยตีกันเกือบทุกวัน ลูกสาวอ่อนหวานนี่แหละน่ารักดี
พี่สะใภ้หลิวได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยติดตลก “ใกล้แล้วละมั้ง ปลายปีเธอจะแต่งงานนี่ ให้ภรรยาคลอดให้สักคนสิ!”
พูดถึงเื่นี้ เฝิงเจี้ยนเหวินพลันตั้งคอตรงขึ้นแล้วค่อยๆ ว่า “พี่สะใภ้หลิว คุณช่วยสอนผม… เข้าหาผู้หญิงหน่อยได้ไหม?”
พี่สะใภ้หลิวตกตะลึงชั่วขณะ ดวงตากวาดมองเฝิงเจี้ยนเหวินรอบหนึ่งแล้วมองสามีตนเอง ผู้พันหลิวขยิบตาให้เธอ เธออมยิ้มเล็กน้อย คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าชายร่างสูงใหญ่เกือบร้อยเก้าสิบเิเจะเป็คนเอาใจใส่ มาขอคำปรึกษาเื่ความรักกับเธอ
“ฉันได้ยินว่าคนรักของเธอเป็คู่หมั้นั้แ่วัยเด็ก แถมปีนี้เขาเพิ่งอายุสิบแปดด้วย?”
เฝิงเจี้ยนเหวินพยักหน้า
“เธอยังเป็เด็กสาวแรกรุ่นอยู่เลย” แววตาพี่สะใภ้หลิวเจือรอยยิ้ม เห็นชัดว่ากำลังแซวเฝิงเจี้ยนเหวินที่กินหญ้าอ่อน
แต่เฝิงเจี้ยนเหวินหน้าหนา ไม่รู้สึกเขินอายสักนิด ซ้ำยังหัวเราะในลำคอสองคำรบด้วย
“ตามหลักแล้ว พวกเธอเป็คู่หมั้นั้แ่วัยเด็กและอยู่ในกองเดียวกัน น่าจะโตมาด้วยกันนะ ทำไมเธอไม่รู้ว่าจะเข้าหาคู่หมั้นตัวเองยังไงล่ะ?” พี่สะใภ้หลิวคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้ลูกคนเล็กสุด
เพราะลูกคนนี้แย่งพี่ชายกินไม่ทัน พอหันมามองอีกทีเนื้อก็เกือบหมดแล้ว
“เฮ้อ” เฝิงเจี้ยนเหวินถอนหายใจยาวเหยียด “ถึงจะเป็คู่หมั้นวัยเด็กกัน แต่คนรักผมเด็กกว่าตั้งเจ็ดแปดปี สมัยผมออกมาเป็ทหาร สาวเ้าเพิ่งสิบขวบเอง ยังเป็เด็กไม่หย่านมแม่ ผมจะเข้าหาเธอยังไง หยอกเด็กเล่นเหรอครับ!”
“เป็เพราะเธอรังเกียจที่เขาเด็กกว่า เลยไม่อยากสนใจเขามากกว่ามั้ง!” พี่สะใภ้หลิวมองเฝิงเจี้ยนเหวินขาดในทันที
เฝิงเจี้ยนเหวินยิ้มแหย
“ทำไม ตอนนี้เห็นสาวเ้าโตเป็ดอกไม้บานสะพรั่งแล้ว ก็อยากแต่งขึ้นมาหรือไง?” พี่สะใภ้หลิวยังล้อไม่หยุด
“เป็เพราะพ่อแม่ผมตัดสินใจต่างหาก เด็กคนนั้นถึงวัยออกเรือนแล้ว ส่วนผมก็อายุมากขึ้น เลยยอมแต่งน่ะ”
“ทัศนคติเธอใช้ไม่ได้เลย!” พี่สะใภ้หลิวใบหน้าบูดบึ้งทันที “จะมาแต่งงานลวกๆ ได้ยังไง
นิสัยใจคอคู่หมั้นเธอยังไม่รู้เลย แล้วยังไม่เคยไปมาหาสู่กันด้วย
หากหลังแต่งไปเข้ากันไม่ได้จนเธอรู้สึกเสียใจขึ้นมา เด็กคนนั้นเขาจะทำยังไง?”
“โธ่ พี่สะใภ้ คุณใส่ร้ายผมเกินไปแล้ว” เขาชี้ตัวเอง พร้อมพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ทัศนคติผมยังมีปัญหาอยู่อีกเหรอ ผมมาขอคำปรึกษาว่าจะเข้าหาคู่หมั้นผมยังไงเลยนะ”
พี่สะใภ้หลิวตากระตุก คิดแล้วก็ใช่ เธอใส่ร้ายเขาเกินไปจริงๆ เขาถึงขั้นบากหน้ามาขอคำปรึกษา ดูท่าจะเอาใจใส่เด็กสาวคนนั้นไม่น้อย ดังนั้น เลยเริ่มสอนเฝิงเจี้ยนเหวินว่าควรเอาใจว่าที่ภรรยาอย่างไร จึงจะพอดี พอเหมาะ
ความจริงวิธีการของพี่สะใภ้หลิวเรียบง่ายมาก และใช้ได้จริง นั่นคือการมอบของขวัญ แต่ให้ของขวัญกับว่าที่เ้าสาวและครอบครัวของเ้าตัว ห้ามส่งไปมั่วซั่วเด็ดขาด ต้องส่งให้ถึงหัวใจผู้รับ จนทางนั้นรู้สึกว่าตัวเราเองก็ใส่ใจ ใช้ความคิดด้วย ส่งของขวัญให้ผู้าุโในบ้านยังง่ายสำหรับเฝิงเจี้ยนเหวินอยู่ ทว่าส่งให้คู่หมั้นของเขาเนี่ย ชายหนุ่มเริ่มหนักใจแล้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงตอนนี้ชอบอะไรกันบ้าง
พี่สะใภ้หลิวกล่าว “ให้ของขวัญผู้หญิงง่ายนิดเดียว แค่เสื้อผ้าก็พอแล้ว อย่างเครื่องแบบทหารไง สาวๆ ชอบกันมากนะ”
ในกองทัพทหารไม่ค่อยมีของอะไรมาก ยกเว้นเครื่องแบบทหาร การฝึกของกองทัพต้องกลิ้งในน้ำและปีนเขา ใช้เสื้อผ้าเปลืองอย่างยิ่ง ดังนั้นทุกคนเลยต้องมีสำรองหลายชุด เครื่องแบบทหารสีเขียวใส่ได้ทั้งชายและหญิง เฝิงเจี้ยนเหวินไม่รู้ขนาดตัวของเจิ้งหยวน จึงหาชุดตัวเล็กสุดส่งไปให้เจิ้งหยวน แล้วยังส่งคูปองผ้า คูปองอุตสาหกรรม รวมถึงบุหรี่จงหัวติดไปด้วย พยายามคำนึงถึงสมาชิกทุกคนของสกุลเจิ้งให้มากที่สุด
หลังส่งออกไป เขาก็รอการตอบกลับของเจิ้งหยวนอย่างใจจดใจจ่อ
เชิงอรรถ
[1] ธาตุหยางแรงกว่าหยิน หมายถึง มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ซึ่งใช้หยางที่เหมือนดวงอาทิตย์อันเป็สัญลักษณ์ของบุรุษเพศ เปรียบกับหยินที่เป็ตัวแทนของสตรีเพศ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้