เล่มที่ 1 บทที่ 23 ศิษย์สายตรง
สองชั่วยามถัดมา หลินเฟยก็กลับมาถึงถ้ำเสวียนปิง ส่วนซูหยวนที่เดินไปมาด้วยใจที่กระวนกระวายไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งอยู่นั้น เมื่อเห็นหลินเฟย เขาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ใบหน้าก็คลี่ยิ้มด้วยความยินดี
“ศิษย์พี่หลิน ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที หากไม่กลับมาล่ะก็ ข้าคงคิดจะไปตามหาท่านที่แม่น้ำหยินแล้ว...”
“มีอะไรหรือ?” หลินเฟยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของคนตรงหน้า
“ใช่แล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ด้วยนะ...” น้ำเสียงซูหยวนเต็มไปด้วยความดีใจ ก่อนจะเริ่มเล่าเื่ทั้งหมดออกมา
“ท่านเ้าสำนักประกาศแล้วว่า ที่จริงแล้วนายน้อยจางเมาแล้วไปก่อเื่ที่หุบเขาอวี้เหิง ทุกอย่างเป็เพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น จึงถือว่าศิษย์พี่ไม่มีความผิดแต่อย่างใด แถมยังมีความดีความชอบด้วยซ้ำ และตอนนี้ก็ได้มีคำสั่งให้ศิษย์พี่หลี่มารับท่านกลับไปแล้ว”
“อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฟยก็ตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะพ่นหัวเราะออกมา ‘เ้าสำนักนี่ช่างสุดยอดจริงๆ คำว่าไม่มีความผิด แต่มีความดีความชอบ ฟังๆดูแล้วเหมือนจะไม่ค่อยไว้หน้าสำนักเทียนซือเท่าไรเลยนะ...’
‘ถ้าคิดจะไม่ไว้หน้าสำนักเทียนซือจริง แล้วเหตุใดเขาจึงถูกกักบริเวณที่ถ้ำเสวียนปิงนานขนาดนี้?’
แน่นอนว่าหลินเฟยได้แต่คิดอยู่ในใจ ไม่อาจพูดออกมา ขณะเดียวกันเขาก็เดินตามซูหยวนกลับไป ระหว่างทางเอาแต่คิดหาวิธีเก็บแร่โลหะเพิ่ม
นี่เป็ปัญหาที่ยังคงกวนใจเขามาั้แ่ตอนที่ก้าวออกจากสุสานแล้ว
เดิมที เข้าใจว่าหลังจากกลืนกินปราณโลหะมากมาย จนเกิดเป็ปราณกระบี่ไท่อี๋ก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อก้าวขาออกจากสุสาน ขั้นบำเพ็ญจะพัฒนาจากขั้นจู้จีกลายเป็ขั้นย่างหยวนเสียได้ และปราณที่ถูกย้อมเป็สีทองก็ดันกลายเป็ปราณสีขาวเหมือนเดิม...
แต่พอมาทบทวนดูอีกที ก็ไม่ได้แปลกอะไร...
เพราะการบำเพ็ญจนบรรลุขั้นย่างหยวนได้นั้น เกิดจากการสูบเอาไอิญญาฟ้าดินที่เข้มข้นกว่าปกติเป็ร้อยเท่าเข้าไป พลังปราณจึงเก่งกล้าขึ้น ทว่าปราณโลหะที่กลืนกินเข้าไป มันเพียงพอแค่สำหรับขั้นจู้จีเท่านั้น ทำให้เมื่อเข้าสู่ขั้นย่างหยวนแล้ว ปราณที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพออีกต่อไป
ผลที่ตามมาก็คือเมื่อโคจรปราณกระบี่ไท่อี๋ พลังทำลายล้างจึงไม่รุนแรงเท่าที่ผู้บำเพ็ญขั้นย่างหยวนควรจะทำได้ อย่างมากก็แรงกว่าขั้นจู้จีสูงสุดนิดหน่อยเท่านั้น ช่างเป็เื่ที่น่าหงุดหงิดจริงๆ อุตส่าห์ฝึกฝนจนได้ปราณกระบี่ไท่อี๋มาทั้งที แต่พลังกลับไม่รุนแรงตามที่้า...
คงจะจริงอย่างที่ตาเฒ่าพูด การบำเพ็ญนั้นจะต้องค่อยเป็ค่อยไป ต่อให้เป็สิ่งวิเศษขั้นเซียนเทียน ก็ไม่อาจทำให้แข็งแกร่งได้ภายในพริบตา...
“ศิษย์พี่หลิน ศิษย์พี่หลิน...” ทันใดนั้นหลินเฟยก็หลุดจากภวังค์ ด้วยเสียงเรียกของซูหยวน
“มีอะไรหรือ?”
“ข้าได้ยินมาว่าท่านเ้าสำนักสั่งศิษย์พี่หลี่ไว้ว่าท่านได้สร้างคุณความดีให้สำนักไว้ ต่อให้ต้องฆ่าล้างเหล่าปีศาจที่ผาปากเหยี่ยวให้สิ้น ก็ต้องช่วยท่านออกมาให้ได้ แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร?”
“แต่ว่า...” ซูหยวนอ้ำๆอึ้งๆ ในฐานะศิษย์สายนอก ซูหยวนเองก็ไม่กล้านินทาศิษย์สายตรงสักเท่าไร
“แต่ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ศิษย์พี่หลี่มา เขาก็ไม่ได้ไปที่ผาปากเหยี่ยวเลยสักครั้ง...”
“หื้อ?”
“ได้ยินว่าเพราะศิษย์พี่หลี่ฝึกเคล็ดวิชากระบี่มารฟ้า หลังจากไอปีศาจที่ผาปากเหยี่ยวถูกผนึก ก็เลยไม่อาจซึมซับไอปีศาจเพื่อบำเพ็ญ...”
“เป็อย่างนี้นี่เอง...” ได้ยินเช่นนั้นหลินเฟยก็เข้าใจทันทีว่าวิชากระบี่มารฟ้าก็เหมือนกับกระบี่พิฆาตเซียนมาร ล้วนเป็หนึ่งในวิชาสามกระบี่ห้าเคล็ดวิชาของสำนักเวิ่นเจี้ยน ต่างกันตรงที่กระบี่มารฟ้ามีรากฐานการบำเพ็ญด้วยไอปีศาจ ยิ่งบำเพ็ญสูงเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสกลายเป็ปีศาจได้เท่านั้น
ดังนั้นหลังจากที่ผาปากเหยี่ยวถูกผนึก ปีศาจที่อาศัยอยู่มากมายก็ล้วนหนีหายไปหมด ที่นั่นจึงไม่เหลือไอปีศาจให้ศิษย์พี่หลี่บำเพ็ญอีก...
หลังจากซูหยวนพูดจบ เ้าตัวคงรู้สึกได้ว่าตนพูดเื่ที่ไม่สมควรออกไป จึงเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“ข้าแค่ได้ยินเขาลือกันมา ท่านฟังผ่านๆก็พอ อย่าคิดมากเด็ดขาด เคยรู้มาว่าว่าศิษย์พี่หลี่นั่นเ้าคิดเ้าแค้นยิ่ง...”
“อื้ม ข้ารู้แล้ว...” หลินเฟยพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไรมากไปกว่านี้อีก ที่จริงหลินเฟยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าศิษย์พี่หลี่คนนี้จะไปที่ผาปากเหยี่ยวหรือไม่ เพราะต่อให้เขาถูกปีศาจโอบล้อมไว้ มีหรือที่จะมีคนมาช่วย?
การบำเพ็ญฝึกฝนล้วนแต่ต้องพึ่งตนเอง เื่นี้หลินเฟยเข้าใจั้แ่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว เมื่อยามที่เคราะห์มาถึง อย่าว่าแต่ศิษย์พี่หลี่อะไรนั่นเลย ต่อให้เป็เซียน์มากมายก็ไม่อาจพึ่งพาได้...
ทั้งคู่เดินไปคุยไป ไม่นานก็มาถึงบ้านหลังน้อยๆ ของหลินเฟย ทว่าข้าวของมากมายกลับถูกโยนออกมาที่ลานด้านหน้า หลินเฟยกวาดตามอง พบว่าส่วนมากเป็ของใช้ที่ซูหยวนส่งมาให้ ถึงแม้ตัวเขาจะอยู่ที่แม่น้ำหยิน แต่ก็ไม่เคยแตะของพวกนี้มาก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้กลับถูกโยนออกมาเช่นนี้ รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน...
“ศิษย์พี่...”
“ไม่เป็ไร...” หลินเฟยหัวเราะออกมา ก่อนจะเคาะประตูตามมารยาท
“ข้าหลินเฟย ศิษย์จากหุบเขาอวี้เหิง คารวะศิษย์พี่หลี่”
“หลินเฟย?”
สักพักก็ได้ยินเสียงหัวเราะเ็าตามมา ทันใดนั้นก็มีไอปีศาจพวยพุ่งออกมาจากบ้านหลังน้อยนั้น ในตอนนี้หลินเฟยมีขั้นบำเพ็ญเพียงแค่ย่างหยวนเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไอปีศาจเช่นนี้ ก็อดที่จะล่าถอยไม่ได้ นี่เป็พลังของผู้บำเพ็ญอย่างน้อยขั้นมิ่งหุนเลยทีเดียวเชียว ดูท่าแล้วการที่หลี่ชิงซานขึ้นเป็ศิษย์สายตรงลำดับที่สามได้ คงไม่ได้อาศัยฐานะศิษย์สายตรงของท่านเ้าสำนักหรอก
“ในฐานะนักโทษ ที่ไม่ยอมอยู่สำนึกผิด แต่กลับแอบเข้าไปที่แม่น้ำหยินโดยพลการ หวังคิดทำลายผนึกที่ผาปากเหยี่ยว ปล่อยาาปีศาจขั้นเยาตี้ออกมา บัดนี้ข้าขอส่งเ้าไปรับโทษที่หุบเขาเทียนสิง!” บรรยากาศก็อบอวลไปด้วยไอปีศาจโดยฉับพลัน ปราณกระบี่สีหม่นแดงกระจายตัวไปทั่ว ทำให้บ้านหลังน้อยแห่งนี้ไม่อาจรับแรงกดดันมหาศาลนี้ จึงะเิแตกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย...
ชั่วขณะที่ปราณกระบี่สีแดงพุ่งมานั้น ก็ได้หอบเอากระแสลมแรงสายหนึ่งมาด้วย มันกระจายตัวก่อนจะปกคลุมไปทั่วทั้งตัวหลินเฟย...
ซูหยวนได้แต่ยืนตาค้างอยู่ข้างๆ...
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ศิษย์พี่หลี่เสียสติไปแล้วหรือไร?”
“ท่านเ้าสำนักสั่งให้มาช่วยศิษย์พี่หลินนี่นา?”
‘จะว่าไป การที่ศิษย์พี่หลี่ไม่ได้ย่างกรายไปที่ผาปากเหยี่ยวนั้น ก็ถือว่าเป็การขัดคำสั่งแล้ว บัดนี้พอเห็นศิษย์พี่หลินกลับมา ไม่เพียงแต่ไม่อ้อนวอนขอให้ช่วยปิดบังแล้ว หากแต่กลับลงมือเองเนี่ยนะ?’
‘ช้าก่อน นี่มันหน้าไหว้หลังหลอกสินะ...’
หลังจากที่พอเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว ซูหยวนก็ใจนเหงื่อแตกพลั่ก
‘ใช่แล้ว…ศิษย์พี่หลี่ต้องจำยอมทำเป็คนดีต่อหน้าเ้าสำนัก แต่ลับหลังแอบเล่นสกปรกเป็แน่ หากศิษย์พี่หลินไม่กลับมา เขาก็คงกลับไปรายงาน ไม่ออกไปตามหาศิษย์พี่หลินที่ผาปากเหยี่ยวให้เหนื่อย ส่วนศิษย์เฝ้าถ้ำเสวียนปิงอย่างพวกเขา ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ออกไปหรือไม่ แล้วจะมีโอกาสไปแจ้งความจริงกับท่านเ้าสำนักได้อย่างไร?’
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้