เฉียวเยว่ผลักหรงจ้านออกไป สีหน้าย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม "ท่านรีบปล่อยข้า"
"เ้าเป็อะไร?" หรงจ้านรู้สึกข้องใจ
เฉียวเยว่หน้าแดงขึ้นมา พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง แต่หรงจ้านได้ยินไม่ชัดว่านางพูดอะไร พอถามอีกครั้ง นางกลับไม่ยอมพูดแล้ว เอาแต่ผลักหรงจ้านอย่างแรง ดวงหน้าเล็กจ้อยแดงขึ้นเรื่อยๆ
หากจะบอกว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดก็ไม่น่าจะเป็เช่นนี้ เพราะตอนแรกนางก็ยังดีๆ อยู่ หรงจ้านคิดไปร้อยตลบก็ยังไม่เข้าใจ จึงเอาแต่จ้องเฉียวเยว่เขม็ง
เฉียวเยว่หน้าแดงจนไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว นางนึกออกแล้วว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงปวดท้องตลอดทั้งวัน นางเอามือน้อยๆ ลูบหน้าท้องของตนเอง นางไม่มีอาการเช่นนี้มาสิบกว่าปีแล้ว ไม่แปลกที่จะนึกไม่ออกแต่แรก
อาการปวดแบบนี้ ชัดเจนว่าคุณป้า [1] กำลังจะมาแล้ว
กระซิกๆๆ
คำนวณจากอายุ ก็มีความเป็ไปได้สูงมาก
เฉียวเยว่เอ่ยเสียงเบาด้วยท่าทางเอียงอาย "พวกเรากลับกันเถอะ"
หรงจ้านพิจารณาเฉียวเยว่อย่างเคลือบแคลงใจ การมองเช่นนี้ยิ่งทำให้เฉียวเยว่เปลี่ยนจากเขินอายกลายเป็โทสะ นางยู่ปากอย่างไม่พอใจ "ท่านจะเอาอย่างไรกันแน่"
ทันใดนั้นความรู้สึกแปลกบางอย่างก็เกิดขึ้น นางรู้สึกว่าคุณป้าจะมาจริงๆ แล้ว ์ ข้าจะทำอย่างไรดี
เฉียวเยว่หน้าแดงซ่าน เห็นหรงจ้านเป็ตายก็ไม่ยอมปล่อย ในใจก็ร้อนรนกระวนกระวายอย่างหนัก ขอบตาแดง ตั้งท่าจะร้องไห้
ท่าทางน่าสงสารของนางยิ่งทำให้คนปวดใจแทบตาย หรงจ้านปลอบเสียงเบา "เ้าเป็อะไรกันแน่? เฉียวเยว่คนดี ไม่ร้อง ไม่ร้อง เ้าร้องเช่นนี้หัวใจข้าจะแตกสลายอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่เงยหน้า โต้เถียงกลับ "ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย อย่ามาใส่ร้ายข้า"
หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "ท่านปล่อยข้าลงไป ข้าออกมานานแล้วยังไม่กลับ ท่านแม่กับพี่สาวคงจะเป็ห่วงแย่แล้ว ยังมีอวิ๋นเอ๋อร์อีกคน ไม่รู้ว่านางหายไปไหน"
นึกถึงเื่นี้ เฉียวเยว่ก็ยิ่งพะว้าพะวง "ท่านช่วยข้าหาอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าจะรีบกลับไป"
นางหยุดเว้นจังหวะ แล้วเอ่ยอีกว่า "ข้าจะรีบกลับจวน พี่จ้านไม่ต้องเป็ห่วง ข้าไม่ได้เป็อะไรมาก"
แม้ว่านางจะบอกว่าไม่เป็อะไร แต่หรงจ้านไหนเลยจะเชื่อ วันนี้ซูเฉียวเยว่ดูน่าสงสัยและผิดปรกติหลายอย่าง
หรงจ้านเอ่ยอย่างจริงจัง "เ้าไม่บอกสาเหตุ ข้าก็ไม่ให้เ้าไป ข้าไม่วางใจ"
เห็นหรงจ้านยังคงยืนกราน เฉียวเยว่ก็แทบอยากจะเข้าไปกัดคนเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อก่อนนางก็เป็เช่นนี้ ทุกครั้งที่คุณป้ามา นางก็จะกลายเป็คนอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่เหมือนนางในยามปรกติแม้แต่น้อย
เฉียวเยว่คิดเช่นนี้ ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด อ้าปากกัดลงไปที่แขนของหรงจ้าน "ท่านอืดอาดยืดยาดเช่นนี้ น่ารำคาญยิ่ง"
หรงจ้าน "..."
เฉียวเยว่เลิกคิ้วคู่งาม ทำสีหน้าจริงจัง "ท่านรีบปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้"
พอเห็นหรงจ้านยังคงดื้อดึง นางก็ตวาดอย่างโกรธจัด "ดูเหมือนว่าระดูของข้าจะมา ท่านเข้าใจหรือไม่ บุรุษเช่นท่านไยถึงน่าชังขนาดนี้ ท่าน..."
นางพูดไม่ออก ดวงหน้าแดงก่ำ
หรงจ้านตะลึงงัน ไม่รู้ว่านางเป็อะไรกันแน่ เขาแค่มองเฉยๆ นางก็ขัดเขินแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาแล้ว
เฉียวเยว่หน้าแดงจัดราวกับจะลุกเป็ไฟ "บอกแล้วท่านก็ไม่รู้เื่ เอาแต่ถามอยู่นั่นแหละ เหตุใดถึงน่ารำคาญขนาดนี้"
เฉียวเยว่ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
หรงจ้านเม้มปาก ก้มศีรษะ
ยังไม่ทันที่เฉียวเยว่จะมีการตอบสนอง หรงจ้านก็อุ้มนางะโลงมาจากคาน เฉียวเยว่ชำเลืองมองชายเสื้อของหรงจ้านโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องตกตะลึง
นางจดจ้องหรงจ้านเขม็ง ดวงหน้าแดงเห่อราวกับติดไฟ รู้สึกว่าตนเองไม่อาจพบหน้าผู้คนได้อีกแล้ว "คือว่า... คือว่า... พี่จ้าน..." ลิ้นของนางเริ่มจะพันกัน
หรงจ้านเลิกคิ้ว
เฉียวเยว่ปิดหน้า พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง
แต่ท่าทางเหมือนแมวน้อยบ่นหงุงหงิงเช่นนี้ หรงจ้านไหนเลยจะได้ยิน เขาจ้องนางไม่ขยับ ในที่สุดเฉียวเยว่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป "ฮือๆๆ ข้าขออภัยท่านด้วย"
หรงจ้านอึ้งงัน ไม่รู้ว่านางขอขมาเื่ใด
เขามองเฉียวเยว่อย่างพินิจ หลังจากนั้นก็เอ่ยเสียงเบา "ข้าจะส่งเ้ากลับไปเรือนหลัก แล้วค่อยช่วยเ้าหาอวิ๋นเอ๋อร์"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก
ไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร นางจะพูดอย่างไรดีหนอ เอ่อ... พี่จ้าน ระดูข้ามา แล้วสิ่งนั้น... สิ่งนั้นก็เลอะชายเสื้อของท่านไปแล้ว ถ้อยคำเช่นนี้ พูดได้ด้วยหรือ? พูดแล้วฟังได้หรือไม่?
เฉียวเยว่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจที่สุด นางรู้สึกว่าตนเองจบสิ้นแล้ว
ขณะที่เฉียวเยว่สับสนว้าวุ่นแทบตาย หรงจ้านกลับเผลอไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าพอดี
สีหน้าของเขากระอักกระอ่วนยิ่งกว่า ใบหน้าแดงก่ำ ขบเม้มริมฝีปาก ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยปาก "กระโปรงของเ้าเลอะแล้ว"
เฉียวเยว่ร้องหืม เงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง
แต่พอได้เห็นภาพตรงหน้าก็ต้องอึ้งงัน นางไม่เคยเห็นหรงจ้านเป็เช่นนี้มาก่อน สายตาล่อกแล่ก ดวงหน้าแดงซ่าน ขบเม้มริมฝีปาก แพขนตาสั่นระริก แค่มองก็รู้ว่าเขากำลังตกประหม่าอย่างมาก
นางไม่เคยเห็นหรงจ้านเป็เช่นนี้มาก่อน
จึงตกตะลึงตาค้าง
หรงจ้านถูกนางจดจ้อง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงพูดซ้ำอีกครา "กระโปรงของเ้าเลอะแล้ว"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แต่ยังไม่ขยับ
หรงจ้านไตร่ตรองดูแล้ว ก็ตัดสินใจเอ่ยว่า "เ้าไปรอข้าตรงนั้น ข้าจะช่วยหาคนให้ก่อน ข้า..."
แต่แล้วก็รู้สึกไม่วางใจที่จะให้เฉียวเยว่อยู่คนเดียว "ช่างเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว"
"ไหนๆ อันใด?" เฉียวเยว่ถามอย่างงุนงง
หรงจ้านชี้ไปที่กระโปรงของนาง
เฉียวเยว่เพิ่งตระหนักได้ภายหลัง นึกถึงปัญหาอีกเื่ เมื่อชายเสื้อของหรงจ้านมีรอยเลอะ เช่นนั้นกระโปรงของนางต้องเลอะด้วยเป็ธรรมดา
เสียงบึ้มะเิขึ้นในหัวของเฉียวเยว่ นางแทบจะเป็ลมไปเสียบัดเดี๋ยวนั้น ริมฝีปากสั่นระริก เริ่มพูดลิ้นพันกันอีกหน "คือว่า ข้า... มิได้ ความหมายของข้าก็คือ... ฮึ่ย... อาภรณ์ของท่าน... อาภรณ์ของท่าน อาภรณ์ของท่านก็มี... ข้า..."
นางอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ยกมือขึ้นปิดหน้า แล้วทรุดตัวลง หมดกัน หมดกัน!
หลังจากบัดนี้เป็ต้นไปซูเฉียวเยว่ไม่มีหน้าจะไปพบใครอีกแล้ว นางสะอื้นในใจ
"ข้าจบสิ้นแล้ว" นางพึมพำเสียงเบา
และในที่สุดหรงจ้านก็พบสิ่งผิดปรกติบนชายเสื้อของตนเอง เคราะห์ดีที่อาภรณ์ของเขามีสีเข้ม จึงเห็นไม่ชัดเจนนัก แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูออกว่ามีอะไร
หรงจ้านเม้มปาก แต่น่าแปลกยิ่ง เขากลับไม่รู้สึกว่ามันสกปรก
หรงจ้านช้อนตัวเฉียวเยว่ซึ่งนั่งจุมปุ๊กหลบมุมขึ้นมา "ไม่เป็ไร ทุกปัญหาย่อมมีหนทางแก้ไข"
เฉียวเยว่จึงถูกเขาอุ้มไปวางในห้องทั้งที่อยู่ในท่านั้น ไม่ช้าอวิ๋นเอ๋อร์ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เสื้อผ้ายับยุ่งเล็กน้อย นางเล่าว่าตนเองถูกตีจนสลบแล้วถูกจับไปโยนทิ้งในกอหญ้า เฉียวเยว่เห็นริมฝีปากของนางกลายเป็สีม่วงคล้ำจากความหนาวเย็น ก็ก่นด่ามือมืดที่บงการอยู่เื้ัเป็การใหญ่ แต่สิ่งเหล่านี้หาได้สำคัญที่สุดเวลานี้
ผ่านไปไม่นาน ชายารัชทายาทก็มาถึง พร้อมกับถืออาภรณ์ชุดใหม่มาด้วย
"รีบเปลี่ยนชุด" อิ้งเยว่เอ่ยปาก
นางอยากจะสอนวิธีการใช้ผ้าซับระดูให้เฉียวเยว่ แต่ก็รู้สึกประหม่าไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เฉียวเยว่เพิ่งนึกได้ว่าคนโบราณมักจะเก้อเขินกับเื่แบบนี้
นางคว้าผ้าซับระดูมาแล้วเอ่ยว่า "ข้าจัดการเอง"
พวกนางต่างวุ่นวายกันอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งถึงเวลากลับจวนในตอนเย็น เฉียวเยว่ก็ไม่ได้พบกับหรงจ้านอีก
แต่พอนึกถึงสถานการณ์่บ่ายวันนี้ เฉียวเยว่ก็รู้สึกว่าตนเองคงต้องทำตัวให้หายไปสักพัก แต่เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้จริงๆ
เฉียวเยว่ถอนหายใจ รู้สึกอับอายเหลือเกิน ตอนนี้นางไม่มีหน้าจะออกจากจวนแล้ว จะทำเช่นไรดีเล่า
นางรู้สึกเห็นอกเห็นใจตัวเองอยู่บ้าง แต่จำต้องอดทน นางแหงนมองฟ้าเงียบๆ รู้สึกว่าชีวิตของตนเองช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
อาจเป็เพราะเห็นสีหน้าของเฉียวเยว่ดูผิดปรกติ ไท่ไท่สามจึงเอ่ยปาก "นี่แสดงว่าเ้าเป็สาวแล้ว หาใช่สิ่งที่น่าอับอาย เ้าอย่าได้วิตกกังวล"
นางลูบศีรษะของบุตรสาว "ข้าก็ว่าแล้ว เหตุใดเ้าถึงไปนานนัก ที่แท้ก็เพราะเื่นี้เอง เด็กอย่างเ้าไฉนถึงโง่งมนัก"
เฉียวเยว่รู้ว่ามารดาเข้าใจผิด หลังจากคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจพูดออกมา "มิใช่เ้าค่ะ"
"มิใช่อันใด?" ไท่ไท่สามไม่เข้าใจ
"ข้ามิได้ล่าช้าเพราะเื่นี้" เฉียวเยว่กล่าวอย่างจริงจัง
นางเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้มารดาฟัง สุดท้ายก็กล่าวสรุป "หากไม่ได้พี่จ้าน ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องเจอกับสิ่งใด"
หลังจากฟังเฉียวเยว่เล่า ไท่ไท่สามก็ใจนหน้าซีดเผือด "ถึงกับเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นเชียวหรือ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า ตอบกลับไปอย่างจริงจัง "ใช่เ้าค่ะ พี่จ้านบอกว่า มีคนหลอกให้เสด็จพี่รัชทายาทเข้ามา หากไม่เพราะเขากันเสด็จพี่รัชทายาทออกไปก่อน เกรงว่าเสด็จพี่รัชทายาทคงจะเข้าไปในห้องที่มีการวางยาไว้ห้องนั้น"
จากเื่นี้เห็นได้ว่าไม่ว่ายาชนิดไหนก็ไม่มีผลกับหรงจ้าน และด้วยเหตุนี้นางจึงอยู่รอดปลอดภัย แต่หากเป็บุรุษอื่นเข้ามาเล่า? เพียงนึกดูเฉียวเยว่ก็รู้สึกหวาดผวา
"ช่างอันตรายเหลือเกิน" นางรำพึง
ไท่ไท่สามจับมือบุตรสาวเอาไว้แน่น "วันหลังอย่าออกไปไหนอีก ไม่ออกไปไหนอีกแล้ว"
เฉียวเยว่เม้มปาก ไม่ได้ตอบกลับไป นางเองก็กังวลใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นางขบริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบา "ไม่รู้ว่าข้าไปขัดขวางอันใดผู้อื่นเข้า"
"คนดี ไม่ต้องกลัว" ไท่ไท่สามปลอบประโลม
เพราะเฉียวเยว่เพิ่งมีระดูครั้งแรก ได้รับความตื่นตระหนก ทั้งถูกคนวางยา แล้วยังไปตากลมมาอีก จึงซูบซีดไปทั้งตัว แม้ว่ากำลังใจดูเหมือนจะดีอยู่ แต่แท้จริงแล้วนางไม่สบายมาก
ไท่ไท่สามปวดใจยิ่ง หลังส่งบุตรสาวกลับห้องไปนอนแล้ว ก็รีบเข้าครัวต้มน้ำขิงใส่น้ำตาลแดงด้วยตนเอง
เฉียวเยว่รู้สึกวิงเวียนไปหมด "อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าว่าข้าอ่อนแอเกินไปหรือไม่"
อวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้ออกมา ปรกตินางแทบไม่เคยร้องไห้ แต่ครานี้กลับร้องออกมา "ข้าปกป้องคุณหนูไม่ดี ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ"
หากเป็เื่อื่น อวิ๋นเอ๋อร์นับว่ามีความสามารถ แต่ไม่ใช่สำหรับเื่นี้
นางไม่เป็วิชาป้องกันตัว จึงถูกคนทำร้ายอย่างง่ายดาย
"คุณหนูเ้าคะ หากคุณหนูเป็อะไรไป บ่าวตายหมื่นครั้งก็คงมิอาจชดใช้"
เฉียวเยว่ส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ "ข้าไม่เป็อันใดเสียหน่อย เ้าคิดมากไปแล้ว"
นางมองไปบนยอดมุ้ง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า "ดูเหมือนทุกคราที่ข้ามีอันตราย พี่จ้านมักจะไปปรากฏตัวเสมอ เขาปกป้องข้า ล้วนเป็เขาที่ปกป้องข้า"
เสียงของเฉียวเยว่แ่เบา แต่กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น ไท่ไท่สามยกน้ำขิงมาถึงหน้าประตู ก็หยุดเท้าลง
เฉียวเยว่พึมพำเสียงเบา "เขาดีมากจริงๆ แม้ดูเป็คนปากร้าย ทว่ามักทำสิ่งต่างๆ จริงจังเสมอ เป็พี่ชายที่แสนประเสริฐยิ่งนัก..."
...
[1] คุณป้า มีความหมายอีกอย่างว่า ระดู หรือประจำเดือน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้