หากให้พูดตามตรงก็คือ จวินเหยียนกำลัง้าจะทดสอบนาง เพื่อดูว่านางมีความสามารถมากเพียงใด บุรุษผู้นี้ก็ช่างพยายามเสียเหลือเกิน หากเขากล้าพูดว่า ข้างกายตนไม่มียอดฝีมือด้านการแปลงโฉม นางคงได้เอาตำราตีศีรษะเขาแน่
ก่อนนี้ตอนที่แปลงโฉมเป็ฉินเหยียนนั้น เขาก็ชำนิชำนาญเสียเหลือเกิน หน้ากากหนังมนุษย์นั่นก็บางราวกับปีกจักจั่น ทำให้เมื่อสวมใส่เข้าไปก็สามารถแนบชิดกับผิวจริงได้ถึงเก้าสิบส่วน และต่อให้จะไม่ดึงหน้ากากหนังมนุษย์นี้ออกมาสักสองสามวันก็ไม่นับว่าเป็อะไร ไม่ว่าอย่างไรด้วยผลลัพธ์นี้นางได้ลองมาแล้วด้วยตนเอง ดังนั้นจึงแน่ใจอย่างยิ่งว่าข้างกายเขามียอดฝีมืออยู่
จวินเหยียนยิ้ม “ช่างเป็สตรีที่สังเกตได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ ไม่ว่าจะเื่ใดล้วนไม่อาจปิดบังเ้าได้ ตอนนี้ข้าให้คนไปจับคนสนิทผู้หนึ่งของโอวหยางเทียนหัวไว้แล้ว แต่น่าเสียดายที่คนผู้นั้นปากแข็งเกินไป นี่ก็คืนหนึ่งแล้ว พวกเรากลับยังไม่ได้ข่าวคราวใดที่เป็ประโยชน์เลย”
จวินเหยียนได้จัดวางคนของตนไว้ในเมืองหลวงแล้ว ทว่าข่าวที่คนเ่าั้สืบหามาได้ก็มีข้อจำกัด ต่อให้จะมีบ้างบางคนที่ได้กลายเป็คนสนิทของคนเ่าั้ แต่เื่ที่ได้ล่วงรู้มาก็ไม่มีทางจะสู้ข่าวที่ออกจากปากของพวกคนที่ถูกจับได้ดังเช่นพวกนี้แน่ เนื่องจากคนที่ถูกส่งมาหานโจวจักต้องมีภารกิจลับติดตัวมาด้วย หากว่าเราสามารถรู้ได้ว่าภารกิจของคนเหล่านี้คืออะไรก็มีแต่จะได้กับได้
หากได้รู้เื่เหล่านี้ก่อนก็จะได้เตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า ซึ่งไม่ว่าจะจวินเหยียนหรืออวิ๋นซีล้วนรู้ในข้อนี้ดี
คนทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งในห้องหนังสือ จู่ๆ นอกประตูก็มีเสียงขององครักษ์ดังลอดเข้ามา “ทูลท่านอ๋อง คนเฝ้าประตูให้มารายงานว่า หยวนอวี่เสี้ยนจู่ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
จวินเหยียนหันมองอวิ๋นซีที่กำลังจดจ้องตนอยู่เช่นกันด้วยสีหน้านึกสนุก จากนั้นก็ตอบกลับไปเรียบๆ “บอกเสี้ยนจู่ไปว่าเปิ่นหวางยังไม่ตื่น”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยิน มุมปากก็กระตุก ยังไม่ตื่น? คนผู้นี้กำลังลืมตาพูดคำบอด [1] หรือ? ปกติแล้วท่านอ๋องจะตื่นบรรทมั้แ่ยามเม่า [2] เพื่อฝึกซ้อมกระบี่ ซึ่งเื่นี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้กันดี แต่เหตุใดท่านอ๋องจึงกล่าวว่า ตนยังไม่ตื่นอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ได้อยู่อีก
“ยังไม่รีบไปรายงานหยวนอวี่เสี้ยนจู่อีก” เมื่อจวินเหยียนเห็นว่าด้านนอกไม่มีเสียงตอบรับใด จึงพูดเสียงขรึมทันที
คนด้านนอกรีบรับคำโดยไว จากนั้นก็จากไป
อวิ๋นซีมองเขา ก่อนจะหัวเราะออกมา “ท่านทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากหนีวันที่หนึ่งได้ หนีวันที่สิบห้าไม่พ้น [3] อีกประการ หยวนอวี่เสี้ยนจู่ผู้นั้นก็หน้าตางดงามยิ่ง ไม่แน่ว่าท่านอาจได้เจอรักแรกพบของตนก็เป็ได้”
จวินเหยียนแค่นเสียงเ็า “รักแรกพบของเปิ่นหวางมีเพียงเ้าผู้เดียวเท่านั้น สตรีอื่นล้วนไม่สนใจ”
อวิ๋นซีรู้ว่าตนไม่สามารถไปบังคับฝืนใจใครได้ จึงไม่คิดพูดอะไรอีก นางทำเพียงยิ้มๆ ขณะที่ในใจกลับคิดไปว่า ตนจะไม่มีทางบอกเขาแน่ว่า การที่เขาไม่ไปเจอสตรีผู้นั้น ทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นเยอะ
อวิ๋นซียืนขึ้น ยิ้มพูดว่า “ไปเถิด ไปดูคนที่ท่านจับไว้กัน หากพวกท่านถามแล้วไม่ได้ความ ข้าก็อาจช่วยท่านได้” นางยิ้มเ็า หากอีกฝ่ายเป็คนของโอวหยางเทียนหัว นางก็มีใจอยากจะไปดู และถามอะไรสักหน่อย
จวินเหยียนเห็นั์ตานางมีประกายดุร้ายกระหายเืวาบผ่าน ในใจเขาก็ให้รู้สึกยิ่งซับซ้อน แท้จริงแล้วนางเป็ใครกันแน่ เป็แค่อวิ๋นซีจริงๆ น่ะหรือ? แต่ทำไมแลดูไม่เหมือนสักนิด อีกทั้ง ความลับที่แอบซ่อนอยู่ในใจของนางก็คลับคล้ายว่าจะต้องมีอีกมากแน่ๆ
“ได้ ให้เปิ่นหวางได้เปิดหูเปิดตากับวิธีการของชายาสักหน่อย” เมื่อพูดจบ เขาก็พานางกลับไปที่ห้องเพื่อจัดแจงแปลงโฉมแล้วจึงออกไปจากจวนอ๋องผ่านช่องทางลับ
เมื่อหยวนอวี่ได้ยินคำบอกกล่าวจากคนเฝ้าประตู หญิงสาวก็กัดริมฝีปากตน ขณะที่ในใจแทบอดรนทนไม่ไหวนึกอยากจะพุ่งกายเข้าไปหาพี่จวินเหยียนในเรือนชั้นห้า เพราะก่อนหน้านี้นางได้ให้คนไปสืบจนแน่ชัดแล้วว่า พี่จวินเหยียนมักจะตื่นขึ้นมาฝึกซ้อมกระบี่ั้แ่เช้าทุกวัน ทว่าตอนนี้แค่ตนอยากจะมาคารวะเขา มาเจอเขา เขากลับให้คนตอบกลับมาเช่นนี้ ยังไม่ตื่นหรือ? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลอกกันอยู่ชัดๆ
อิ๋งอิ๋งพูดเสียงเบาข้างหูนาง “คุณหนู บ่าวคิดว่า คำพูดนี้จะต้องอวิ๋นซีนางนั้นบอกให้พูดเป็แน่ เพราะนางคงจะกลัวว่าหลังจากที่ท่านอ๋องได้เห็นคุณหนูของบ่าวแล้ว คนจะถูกรูปลักษณ์บุปผาจันทรา [4] ของคุณหนูสะกดเข้าจนเกิดตกหลุมรัก ด้วยเหตุนี้ นางจึงได้พยายามขัดขวางมิให้ท่านอ๋องได้พบเจอกับคุณหนู สตรีนางนั้นช่างมีอุบายที่ลึกล้ำจริงๆ ”
หยวนอวี่ได้ยินคำของอิ๋งอิ๋งก็พยักหน้า ไม่อาจไม่พูดได้ว่าบางทีเท็จจริงอย่างไรก็อาจเป็ไปเช่นนั้นจริงๆ สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อน หยวนอวี่นั้นเป็หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงที่มีฐานะสูงส่ง ยิ่งกว่านั้น นางยังเป็เหมยเขียวม้าไม้ไผ่กับจวินเหยียนด้วย ดังนั้น หมอหญิงนางนั้นคงคิดอยากจะจับยศถาบรรดาศักดิ์และความมั่งมีที่พี่จวินเหยียนมอบให้นางเอาไว้แน่ จึงได้แต่คิดหาวิธีทำให้ตนและพี่จวินเหยียนไม่ได้พบกัน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หยวนอวี่ก็เคียดแค้นอวิ๋นซียิ่งขึ้นไปอีกหลายขั้น ทั้งยังทึกทักไปว่า จนถึงบัดนี้เหตุที่ตนยังไม่ได้เจอพี่จวินเหยียนจักต้องเป็เพราะแผนชั่วของสตรีนางนั้นแน่ แต่ว่าตัวนางเองก็ไม่อาจซี้ซั้วบุกเข้าไปมั่วๆ ได้ หนนี้จึงได้แต่ต้องจำใจพาสาวใช้ตนละจากไป
เตี๋ยอีที่ติดตามอยู่ข้างกายผู้เป็นายทำเพียงจ้องมองไปยังเรือนชั้นห้า จากนั้นก็จากไปด้วยแววตามีเลศนัย นางไม่ได้คิดเหมือนคุณหนู แต่กลับคิดไปว่า เื่นี้มีความเป็ไปได้แปดเก้าส่วนว่าแท้จริงแล้วท่านอ๋องไม่ได้อยากพบคุณหนู จึงได้ให้คนมารายงานเช่นนี้
ในสายตาของเตี๋ยอี การที่คุณหนูอยากจะเป็ชายาหานอ๋องนั้นอาจเรียกได้ว่า ค่อนข้างยากลำบากทีเดียว อย่างไรเสียที่นี่ก็มิใช่เมืองหลวง คนที่คุณหนูสามารถพึ่งพาได้ก็มีแค่ตนเท่านั้น อีกทั้ง เมื่อวานนี้นางเองก็ได้มีโอกาสเจอชายาหานอ๋องคนนั้นแล้ว ถึงแม้ชาติกำเนิดของอีกฝ่ายจะสู้คุณหนูไม่ได้ ทว่าดูไปแล้วคนน่าจะฉลาดกว่าคุณหนูมาก มิหนำซ้ำยังเป็ถึงหมอหญิงที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ทั้งในวงสังคมของคนชนชั้นสูงและได้คลุกคลีอยู่กับชาวบ้านทั่วไป ความรู้ของนางย่อมต้องกว้างขวาง และรู้เื่รู้ราวต่างๆ มากกว่าคุณหนู
หากว่าคุณหนูไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา ไม่ช้าก็เร็วจักต้องเสียเปรียบเป็แน่
หยวนอวี่พาเตี๋ยอีและอิ๋งอิ๋งเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในเรือนชั้นสี่ สถานที่แห่งนี้ไม่อาจไม่กล่าวได้ว่า ช่างแตกต่างไปจากที่ตนจินตนาการไว้ลิบลับ ที่นี่ถูกประดับแต่งไว้อย่างงดงาม ทั้งยังมีหอสูงใหญ่ แม่น้ำและภูผาจำลอง แม้แต่เรือนฉิ่นเยว่ที่นางพำนักอยู่ก็มิได้ด้อยไปกว่าเรือนของนางในจวนหยวนจวิ้นอ๋อง ด้วยเื่นี้ หยวนอวี่เองก็รู้ดีว่า อวิ๋นซีไม่ได้ปฏิบัติต่อตนไม่ดี ทั้งยังทำตามพระราชประสงค์ของฮ่องเต้ทุกประการ ดูแลรับรองนางเป็อย่างดี
ก่อนหน้านางรับพระบัญชาให้มาพักผ่อน อวิ๋นซีเองก็ช่วยเลือกสถานที่ที่สงบเงียบให้นาง แม้แต่อาหารการกินในแต่ละมื้อก็ยังเรียกได้ว่า ดีกว่าตอนที่นางอยู่ในจวนจวิ้นอ๋องอยู่หลายขุม ดังนั้น ต่อให้นางอยากจะคิดเล่นเล่ห์กลใดในเื่นี้ก็ย่อมทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายจัดฉากหน้าได้เป็อย่างดีถึงขั้นที่น้ำไม่รั่วไหลแม้สักหยด [5]
ยิ่งเป็เช่นนี้ ในใจนางก็ยิ่งร้อนรน เพราะจนป่านนี้แม้แต่พระพักตร์หานอ๋องก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น เพียงเท่านี้ก็นับว่าพ่ายแพ้ให้สตรีนางนั้นไปรอบหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเช้านี้ที่นางบังเอิญได้ยินสาวใช้และผอจื่อในจวนหลายต่อหลายคนพูดกันว่า หานอ๋องทรงรักใคร่อวิ๋นซีด้วยใจจริง และด้วยเื่นี้เองที่ทำให้ใจนางรับรู้ได้ถึงอันตราย
เื่ทั้งหมดนี้ช่างแตกต่างกับสิ่งที่นางเคยคิดไว้อย่างลิบลับ หยวนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเดินไปนั่งในศาลาริมน้ำ ทันทีที่อิ๋งอิ๋งเห็นท่าทีเช่นนี้ก็รีบพูดขึ้น “คุณหนูอย่าได้โกรธเคืองไปเลยนะเ้าคะ พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ และเป็เพราะท่านอ๋องไม่เข้าใจคุณหนูถึงได้เป็เช่นนี้”
เตี๋ยอีเลิกคิ้ว คำพูดนี้ของอิ๋งอิ๋งไม่รู้ว่าพูดมากี่รอบแล้ว ทว่าเื่จริงเป็เช่นนั้นจริงๆ น่ะหรือ? หากมองในสายตานางก็ไม่น่าจะใช่ แต่เพราะมีอิ๋งอิ๋งอยู่ คำพูดมากมายจึงไม่อาจพูดได้ ต่อให้นางคิดอยากเตือนคุณหนูก็คงได้แต่ต้องรอตอนที่อิ๋งอิ๋งไม่อยู่กระมัง แม้นางและอิ๋งอิ๋งจะเป็สาวใช้ประจำตัวคุณหนูเหมือนกัน แต่อิ๋งอิ๋งเป็ลูกหลานคนรับใช้ในตระกูล อีกทั้ง มารดาของอีกฝ่ายยังเป็ถึงแม่นมของคุณหนูด้วย คนทั้งสองจึงเติบโตมาด้วยกัน ดังนั้น แน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่มีไม่อาจนำมาเทียบกับนางที่เป็เพียงสาวใช้ที่ถูกซื้อตัวมาจากด้านนอก และเพิ่งจะมาอยู่ข้างกายคุณหนูได้ไม่ถึงสองปี
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ลืมตาพูดคำบอด(睁眼说瞎话)หมายถึง พูดปดไร้สาระอย่างไร้ความเกรงกลัว
[2] ยามเม่า(卯时)เวลาตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า
[3] หนีวันที่หนึ่งได้ หนีวันที่สิบห้าไม่พ้น(躲得了初一,躲不了十五)หมายถึง หลบเลี่ยงได้เป็ครั้งคราว ไม่อาจหลบเลี่ยงตลอดไปได้
[4] รูปลักษณ์บุปผาจันทรา(花容月貌)เปรียบเทียบถึงใบหน้าที่งดงามเปล่งปลั่งดังดอกไม้ ขาวนวลราวจันทรา
[5] น้ำไม่รั่วไหลแม้สักหยด(滴水不漏)หมายถึง จัดการเื่ราวได้อย่างรอบคอบ ระมัดระวังยิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้