“พลังกุศล?” กู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขามองสุสานเนินดินขนาดใหญ่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัว หันหลังเดินออกไป แม้จะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ก็ตระหนักได้ถึงความลึกลับของพลังกุศลแล้ว
บุญคุณต่อคนคนหนึ่งเปลี่ยนเป็บุญกุศล และหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหกร้อยกุศล ก็หลอมรวมเป็หนึ่ง ซึ่งถือว่ามีพลังมหาศาลมากทีเดียว...
... หากข้าได้เป็ฮ่องเต้ปกครองผู้คนนับล้าน พวกเขาจะช่วยข้าสร้างบุญกุศลเช่นนี้ได้หรือไม่?
ไต้ซือหลิวเหนียนเคยกล่าวว่า หากมีบุญกุศลจำนวนมาก ก็จะสามารถสร้างแว่นแคว้น และมีชีวิตที่เป็นิรันดร์ได้? หากเป็เช่นนั้น ข้าก็ไม่มีวันตายสินะ?
เมื่อออกจากที่นี่ เห็นทีจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเื่นี้เสียแล้ว
ชายหนุ่มค่อยๆ เดินตรงไปยังถ้ำที่อยู่ไม่ไกล สถานที่แห่งนี้ เกาเซียนจือเคยรายงานไว้ว่า เป็ที่คุมขังองครักษ์ทั้งสามของหลงหว่านชิง
ตูม!
กู่ไห่แทงกระบี่ของตนลงไปยังประตูบานใหญ่ พลัน แสงสว่างก็ลอดออกมา เนื่องจากมีไข่มุกราตรีคอยส่องสว่างอยู่ภายในถ้ำ ชายหนุ่มเดินเข้าไปจนสุดทาง ก่อนจะพบห้องโถงขนาดใหญ่
องครักษ์ทั้งสามของหลงหว่านชิงในตอนนี้ ต่างถูกตีตรวนเอาไว้โดยโซ่สีดำ
“กู่... กู่ไห่?” คนทั้งสามมองดูชายหนุ่มด้วยความสับสน
เสียงกรีดร้องอันน่าพรั่นพรึงที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้น ทั้งสามได้ยินตลอดเวลา และหวาดกลัวมากไม่แพ้กัน
พวกเขาเข้าใจดี ว่าอีกฝ่ายมาตามหาหลงหว่านชิง แต่ก็เคยเห็นมากับตาของตนเอง ว่าพลังของกู่ไห่นั้น เพิ่งจะเลื่อนเข้าสู่ระดับก่อ์มิใช่หรือ แต่ทำไมตอนนี้?...
ตูมๆ!
ชายหนุ่มมิได้กล่าวสิ่งใด เพียงแกว่งกระบี่ในมือเข้าใส่โซ่ตรวนพลัง เพียงพริบตา โซ่ที่เคยพันธนาการร่างทั้งสาม พลันสลายไปทันที
“ฮึ่ม!”
พลังที่เคยพันธนาการรอบกาย หายไปจากร่างของคนทั้งสาม
“อ๊ะ!”
องครักษ์เ่าั้จึงล้มลงกองกับพื้น ทันทีที่ไร้ซึ่งสิ่งตรึงร่าง
“ท่านทั้งสามเป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่เอ่ยถาม
“ไม่เป็ไร ข้าสบายดี เพียงแต่รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีแรงเท่านั้น พักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น” องครักษ์ทั้งสามกล่าว พร้อมยกยิ้มบางๆ
“เอาละ! ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วพาข้าไปพบถังจู่เถอะ” ชายหนุ่มกล่าว
องครักษ์ทั้งสามพยักหน้า
กู่ไห่จึงเดินนำออกไป ดวงตาของคนทั้งสาม มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้า ด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เมื่อออกมาแล้ว ดวงตาคมของกู่ไห่จึงมองไปยังทางออกของค่ายกลผลึกเกราะทอง พลางหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
“หือ?” ชายหนุ่มหรี่ตาด้วยความสงสัย ก่อนเดินตรงไปที่นั่น
เหล่าองครักษ์ทั้งสามที่เริ่มจะฟื้นตัวแล้ว ก็ช่วยประคองกันก้าวออกมาจากถ้ำ
ทันทีที่หลุดพ้นจากที่คุมขัง ดวงตาทั้งสามคู่ก็พลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง พากันสูดลมหายใจลึก พยายามเรียกสติของตัวเอง
“นี่มัน...” องครักษ์เอ่ยด้วยความใ
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า คือกองกระดูก ซึ่งกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ของสำนักซ่งเจี่ย
กระดูกมากมายนับไม่ถ้วน กองพะเนินไปทั่วหุบเขา ทำให้สถานที่แห่งนี้คล้ายดั่งขุมนรกอันน่าสะพรึงกลัวก็ไม่ปาน
“ฟู่!”
จู่ๆ คนทั้งสามก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น
...
พื้นที่ด้านนอกของค่ายกลผลึกเกราะทอง
ชาวบ้านเกือบสองหมื่นคน และผู้ฝึกตนอีกหลายร้อยคน ต่างจดจ้องไปยังค่ายกลตรงหน้า ซึ่งบัดนี้ ไม่มีเสียงกรีดร้องเหมือนเคย
ตูม!
เสียงะเิดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ะเิหรือ? นี่เขา้าจะะเิยอดเขาเพื่อปิดทางออกหรือ ข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หนึ่งในผู้ฝึกฝนเอ่ย ตอนนี้พวกเขาต่างรู้สึกสงสัยไม่น้อย ว่าภายในค่ายกลนี้ สถานการณ์จะเป็เช่นไร
...
ค่ายกล น้ำท่วม เมฆฝน สายฟ้าที่ผ่าลงมา และการต่อสู้ระหว่างเจียวหลงและไต้ซือหลิวเหนียน ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
“อั่ก! เฒ่าหัวโล้น เ้านี่รับมือยากจริงๆ” เจียวหลงคำรามเสียงดัง ด้วยความโกรธเกรี้ยว
หากแต่ไต้ซือยังคงทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน ก่อนกล่าวเสียงเรียบ “ฟู่เสวี่ย ข้าจะถามเ้าอีกครั้ง ท่านถังจู่ยังอยู่ในสำนักซ่งเจี่ยหรือไม่?”
ขณะที่เอ่ยถาม ดวงตาของไต้ซือก็เหลือบดูสถานการณ์ของกู่ไห่ที่อยู่ไกลออกไป แต่เมื่อไม่เห็นร่างอีกฝ่าย จึงหันกลับมาให้ความสนใจกับเจียวหลงตรงหน้าอีกครั้ง
...
ไกลออกไปจากพื้นที่การปะทะ ระหว่างไต้ซือหลิวเหนียนและเจียวหลง
จู่ๆ ก็ปรากฏแสงสีทองพุ่งทะยานมาจากทางใต้ เป็ซ่งเซิงผิงและหลี่ชิงเหอ ที่กำลังเหาะกลับมายังสำนักนั่นเอง
คนทั้งสองอยู่บนแผ่นวงกลมสีทอง หลี่ชิงเหอกำลังนั่งขัดสมาธิ บนศีรษะเต็มไปด้วยอสรพิษ เขาปิดดวงตาของตน พลางปรับลมหายใจเข้าออกเพื่อทำสมาธิ แม้จะผ่านไปหนึ่งวันแล้วก็ตาม แต่าแ และอาการาเ็ยังไม่ฟื้นตัวแต่อย่างใด
ซ่งเซิงผิงค่อยๆ เปิดเปลือกตาของตนขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับสำนักซ่งเจี่ย?” ท่าทีของเขาพลันเปลี่ยนไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ชิงเหอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นบ้าง
“นั่น!”
หลี่ชิงเหอมองสองร่างที่อยู่ไกลออกไป ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “ไต้ซือหลิวเหนียน? เหตุใดจึงมาถึงเร็วนัก”
“เรือเหาะของเขา บินเร็วกว่าพวกเรามาก” ซ่งเซิงผิงกล่าวเสียงต่ำ
“ไต้ซือหลิวเหนียน กับฟู่เสวี่ยอย่างนั้นหรือ?” หลี่ชิงเหอเอ่ย พลางขมวดคิ้วแน่น
“ดูเหมือนกู่ไห่จะไม่มา หรือหากมา ก็มิได้สลักสำคัญอะไร ยามนี้ มันไม่มีกองทัพคนโฉดทั้งสามพันคนแล้ว ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นก็ใช้การไม่ได้ ดังนั้น มันก็เป็ได้แค่ผู้ฝึกตนระดับก่อ์ธรรมดาๆ เท่านั้น” ซ่งเซิงผิงกล่าวเสียงเย็น
“มีเพียงฟู่เสวี่ย และไต้ซือหลิวเหนียนใช่หรือไม่?” ดวงตาของหลี่ชิงเหอ พลันเป็ประกายวาวด้วยความตื่นเต้น
“ปล่อยให้เป็หน้าที่ของฟู่เสวี่ย อย่างไรเสีย เขาก็สามารถสู้กับไต้ซือหลิวเหนียนได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไป...” ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ซ่งเซิงผิงก็ััได้ถึงสิ่งผิดปกติ
“คนอื่นๆ อยู่ที่ไหน? ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยของเ้าอยู่ที่ใดกัน?” หลี่ชิงเหอถามด้วยความสงสัย
เมื่อมองไปรอบๆ บริเวณ กลับพบแต่ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งศิษย์ที่คอยตรวจตราอยู่ด้านหน้าสำนัก... หายไปไหนกันหมด?
เห็นแต่กลุ่มคนราวสองหมื่นคน ที่กำลังเอาแต่จ้องมองไปยังทางออกของค่ายกลผลึกเกราะทอง ที่ถูกปิดตายจากด้านใน บริเวณภายในค่ายกลตอนนี้ เงียบสงัดจนผิดปกติ
“กลุ่มมนุษย์อย่างนั้นหรือ?” หลี่ชิงเหอเอ่ย
“หึ!” ซ่งเซิงผิงพร้อมหลี่ชิงเหอ ทะยานไปอย่างรวดเร็ว ด้วยวงแหวนสีทอง
เพียงพริบตา พวกเขาก็มาอยู่บนน่านฟ้า เหนือประตูทางเข้าของค่ายกล พลัน สายลมก็พัดกระหน่ำเข้าใส่กลุ่มคนราวสองหมื่นคนนั้น จนบางคนล้มลงกับพื้น บ้างก็ลอยกระเด็นไปไกล
“ซ่งเซิงผิง? หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย!” หนึ่งในกลุ่มคนเอ่ยขึ้น
“หลี่ชิงเหอ! นั่นหลี่ชิงเหอก็กลายเป็อสูรด้วยอย่างนั้นหรือ?”
แค่ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำที่กลายเป็อสูรอสรพิษ พวกเขาก็ไม่มีปัญญาต่อกรแล้ว แต่หลี่ชิงเหอกลับเป็ถึงผู้ที่มีพลังระดับหยวนอิง
ตูม!
ผู้ฝึกฝนจำนวนมาก ต่างะโลงไปในแอ่งน้ำใหญ่ ด้วยความหวาดผวา เวลานี้ พวกเขาอยากที่จะหนีไปเสียให้พ้นๆ จากอสูรทั้งสอง
ทว่า ซ่งเซิงผิงหาได้สนใจการหลบหนีของคนเหล่านี้ เขารู้สึกกังวลไม่น้อย เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ที่กำลังเกิดขึ้นภายในค่ายกลตรงหน้า
“บ้าเอ๊ย! นี่ทุกคนตายกันหมดแล้วหรืออย่างไร?” ซ่งเซิงผิงตวาดลั่นด้วยความโกรธ จากนั้นก็ไม่รอช้า รีบสะบัดมือ ปล่อยพลังโจมตีไปยังค่ายกลผลึกเกราะทองทันที
ตูม!!!
เศษหินที่เคยปิดทางเข้าออก กระจายหายไป ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง
...
อีกด้านหนึ่ง
ไต้ซือหลิวเหนียน และเจียวหลงที่กำลังต่อสู้กันอยู่ พลันรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของหัวหน้าสำนัก อย่างซ่งเซิงผิง และหลี่ชิงเหอ
“ฮ่าๆๆๆ! เ้าลาหัวโล้นหลิวเหนียน ตอนนี้ซ่งเซิงผิง และหลี่ชิงเหอกลับมาแล้ว เช่นนี้ เ้าจะยังสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อยู่อีกหรือ?” เจียวหลงคำราม
ดวงตาของไต้ซือเปลี่ยนเป็นิ่งเรียบ มือใหญ่ประคองสร้อยประคำ ก่อนสะบัดประคำลูกหนึ่งขึ้นฟ้า
ทันทีที่ลูกประคำลอยขึ้นไป ก็ขยายขนาด พร้อมเปล่งประกายราวกับดวงดาวประดับฟ้า ก่อนพุ่งเข้าไปในกลุ่มเมฆที่กำลังก่อตัว
ตูม!
ทันทีที่เข้าปะทะกับมวลเมฆครึ้มฝน ลูกประคำพลันะเิออก เพื่อสลายเมฆสีดำครึ้มนั้น
“หือ?” ท่าทีของเจียวหลงพลันแปรเปลี่ยนทันที
“เมื่อครู่ คือการโจมตีสูงสุดของเ้าหรืออย่างไร?”
ไต้ซือหลิวเหนียนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ฟู่เสวี่ย ข้าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้ง บอกมา ว่าตอนนี้ท่านถังจู่เป็อย่างไร?”
...
ตูม!
ไกลออกไป เศษซากปรักหักพังที่เคยปิดทางเข้าออกก่อนหน้านี้ ได้หายไปโดยการโจมตีของซ่งเซิงผิง และตอนนี้มีฝุ่นควันก่อตัวหนา แต่ไม่นาน ก็ค่อยๆ จางหายไป
“คนของข้าอยู่ที่ใด? พวกเขาตายกันหมดแล้วหรือ?” ซ่งเซิงผิงกวาดตามองไปทั่วบริเวณ
แกรบ!
ภายใต้กลุ่มควันฝุ่น เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้น...
เป็กู่ไห่ ที่ย่างเท้าออกมาทีละก้าว
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวออกมา ทุกคนจึงหันไปให้ความสนใจเขา แม้แต่ไต้ซือที่กำลังต่อสู้อยู่ ก็ยังหันกลับมามองด้วยความสงสัย
ภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นไม่น่าดูนั้น มีาแนับร้อย ในมือของกู่ไห่ยังคงถือกระบี่กระดูกเอาไว้ แววตานิ่งเฉย เหลือบมองท้องฟ้าอย่างเ็า
“กู่ไห่?” หลี่ชิงเหอพลันตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าร่างของชายปริศนาผู้นั้นคือใคร
“ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยของข้าอยู่ที่ไหน?” ซ่งเซิงผิงะโถามเสียงกร้าว
เป็กู่ไห่ไปได้อย่างไร? มันมาที่นี่ได้อย่างไร?
“พวกมันตายไปหมดแล้ว!” ชายหนุ่มกล่าว พลางยกยิ้มร้าย
“อะไรนะ?” ซ่งเซิงผิงมองอีกฝ่าย ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ทว่า กู่ไห่มิได้สนใจใครอื่น เพียงหันไปมองผู้ทรงศีล ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไต้ซือหลิวเหนียน ท่าน้าทดสอบข้าหรืออย่างไร? ตอนนี้ สิ่งที่ท่านควรทำคือตามหาถังจู่มิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงเป็ข้า ที่มาถึงสถานที่แห่งนี้ก่อนเล่า?
ท่านแม่ของถังจู่ เคยขอร้องท่านเอาไว้ก่อนจะสิ้นใจ ว่าให้ปกป้องถังจู่ แต่สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่คืออะไร? ที่ถังจู่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ ก็เพราะความประมาทของท่าน เช่นนี้แล้ว ท่านยังจะมามัวเสียเวลากับเจียวหลงนี่อยู่อีกหรือ?”
“หือ?” ทุกคนในตอนนี้ ต่างงุนงงกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ชายหนุ่มและไต้ซือหลิวเหนียน กำลังขัดแย้งกันอยู่หรือ?
ซ่งเซิงผิงและหลี่ชิงเหอ มองกู่ไห่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เจียวหลงใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดพาดพิง พลันนิ่งอึ้ง
ส่วนไต้ซือ ก็ขมวดคิ้วแน่น
ชายหนุ่มจ้องมองผู้ทรงศีล พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ “ไต้ซือ ท่านอย่าได้มองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ข้าพูดผิดอะไร นั่นมิใช่เพราะท่านละเลยหน้าที่เองหรอกหรือ?
ท่านเคยเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับท่านตาของถังจู่ ข้าหารู้ไม่ ว่าท่านตาของนางคือใคร แต่เชื่อว่าที่เขายอมปล่อยให้ถังจู่เดินทางมากับท่าน เพราะเชื่อว่าหากนางอยู่กับท่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็จะไม่กล้าลงมือกับถังจู่ เช่นนี้แล้ว ท่านจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไต้ซือหลิวเหนียนพลันอึ้งไป
“ท่านไม่จำเป็ต้องหาคำตอบ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้า ขณะที่ต่อสู้กับอสูรกว่าห้าพันตน เพราะพวกมันถูกข้าสังหารจนหมดสิ้น ตอนนี้ทุกอย่าง มันก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“อะไรนะ?” หลี่ชิงเหออุทานด้วยความประหลาดใจ
“เป็ไปไม่ได้!” ซ่งเซิงผิงก็ตื่นตะลึงไม่ต่างกัน
ทั้งๆ ที่ในตอนนี้ มันไม่มีลูกน้องสามพันคนตามมาเลยด้วยซ้ำ
กู่ไห่เพียงคนเดียว จะฆ่าคนของเขาได้อย่างไร?
“ทุกครั้งที่เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป นั่นเท่ากับว่าความปลอดภัยของถังจู่จะลดลงด้วยเช่นกัน ทุกลมหายใจเข้าออกของท่านไต้ซือ มันคือนาทีชีวิตของท่านถังจู่มิใช่หรือ?” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเยือกเย็น
ไต้ซือขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกผิดไม่น้อย
ฟึ่บ! ทันใดนั้น ลูกประคำอีกสิบเจ็ดเม็ดที่เหลืออยู่ พลันะเิออกมา
ตูม!
ลูกประคำทั้งสิบเจ็ดเม็ด ต่างพุ่งกระจัดกระจายใส่ร่างของเจียวหลง ซ่งเซิงผิง และหลี่ชิงเหอ
“ท่าจะไม่ดีแล้ว!”
ท่าทีของซ่งเซิงผิงพลันเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าลูกประคำสิบเม็ดกำลังพุ่งตรงมาทางตน
ลูกประคำนับสิบที่กำลังตรงมาหาเขา ขยายใหญ่ขึ้น ทั้งยังเปล่งประกาย ดูราวกับอุกกาบาตสิบลูกกำลังพุ่งตัวลงมา
“แหวนั!” ซ่งเซิงผิงสะบัดมือ วงแหวนสีทองพลันปรากฏขึ้นมา
“ฮึ่ม!”
วงแหวนสีทอง ะเิออกเป็แสงสีทองพราวพร่าง พุ่งกระแทกการโจมตีของไต้ซือหลิวเหนียนทันที
ตูม!
เกิดการสั่นะเืไปทั่วบริเวณ แรงปะทะทำให้มีพายุกรรโชก โอบมวลน้ำขึ้นสู่ท้องฟ้า จนกลายเป็คลื่นั์ขนาดใหญ่
“พรวด!” ซ่งเซิงผิงกระอักเื ร่างถอยหลังไปเล็กน้อยจากแรงโจมตี
ทางฝั่งหลี่ชิงเหอ ก็กำลังเผชิญกับการจู่โจมของลูกประคำเช่นเดียวกัน
“ทำลาย!” หลี่ชิงเหอเหยียดฝ่ามือของตนออกไป
ตูม!
มือของหลี่ชิงเหอะเิออก เพราะพลังของเขาไม่อาจต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายได้ ทำให้ถูกกระแทกอย่างจัง
“ไม่!” หลี่ชิงเหออุทาน
ตูม!
ร่างของเขาะเิออก
อีกด้านหนึ่ง กู่ไห่กำลังจ้องมองการต่อสู้ตรงหน้า ด้วยสีหน้าเฉยชา แม้จะเดาได้ว่าลูกประคำอธิษฐานของไต้ซือหลิวเหนียนนั้น ต้องทรงพลังแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกินคาดถึงเพียงนี้
แม้ว่าหลี่ชิงเหอจะได้รับาเ็ แต่เขาก็อยู่ในระดับหยวนอิง เมื่อเทียบกับตอนที่อีกฝ่าย เผชิญกับทวนวงเดือน์ของเขาแล้วนั้น...
ลูกประคำเพียงเม็ดเดียว ก็สามารถกำจัดผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงได้?
หลี่ชิงเหอตายแล้วหรือ?
ไม่! ชายหนุ่มเห็นบางอย่าง จากร่างที่ะเิของหลี่ชิงเหอ แสงสีทองประหลาดนั้น พุ่งออกมาจากศีรษะของเขา ซึ่งยังอยู่ในสภาพเดิม
ร่างกายะเิ แต่ศีรษะยังคงสภาพเช่นเดิม แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของหัวอสรพิษ
ทันทีที่ศีรษะของหลี่ชิงเหอตกลงกับพื้น มันก็พยายามหนีไปอย่างรวดเร็ว
แกล้งตาย เพื่อหลบหนีอย่างนั้นหรือ?
จากนั้น ลูกประคำก็พุ่งตรงไปยังร่างของซ่งเซิงผิง และเจียวหลงทันที ราวกับไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหัวหลี่ชิงเหอ ที่กำลังจะหนีไป
“จะไปไหน!” แววตากู่ไห่เย็นะเื รีบไล่ตามศีรษะของหลี่ชิงเหอไปทันที
ศีรษะของหลี่ชิงเหอ ไม่กล้าเหาะขึ้นไปบนฟ้า เพราะกลัวว่าจะถูกไต้ซือหลิวเหนียนพบเข้า จึงได้แต่เคลื่อนหนีไปบนพื้นเช่นนี้เท่านั้น
จ๋อม!
ศีรษะอสรพิษพุ่งลงน้ำไปในที่สุด
ตูม!
เมื่อกู่ไห่เห็นเช่นนั้น จึงไม่รอช้า รีบะโตามลงไปในน้ำ เพื่อไล่ล่าศีรษะอสรพิษของหลี่ชิงเหอ ที่กำลังจะหลบหนีทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้