บริเวณรอบจวนขนาดใหญ่ประดับไปด้วยกระดาษมงคลหลากสี ชายหลังคาเรือนกับกิ่งก้านต้นไม้ต่างถูกห้อยด้วยโคมไฟกระดาษสีฟ้าหลายลวดลาย ซึ่งมีคำสั่งว่าต้องเป็สีนี้เท่านั้น เพราะเป็สีโปรดของผู้เป็เ้าของงานในวันนี้
ทางด้านหน้าประตูจวนเริ่มมีรถม้าผลัดเปลี่ยนมาจอดส่งผู้คนให้ทยอยเข้าจวน โดยมีบุรุษรูปงามเป็คนคอยยืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
"ไม่คิดว่าใต้เท้าโม่จะออกมายืนรับแขกด้วยตนเอง วันนี้มิใช่เป็แค่เพียงวันคล้ายวันเกิดของลูกสะใภ้หรือ เหตุใดใต้เท้าโม่ถึงออกหน้าเองเช่นนี้เล่า"
"เ้าก็ดูการจัดงาน เมื่อปีก่อนว่าจัดยิ่งใหญ่แล้ว ปีนี้ดูเหมือนจะใหญ่มากกว่าขึ้นไปอีก ข้าดูแล้ว งานวันคล้ายวันเกิดฮูหยินใหญ่เสนาบดีโจวที่ผ่านมา ยังเทียบไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ใต้เท้าโม่คงให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้คนนี้ไม่น้อย ต่อไปข้าคงมองข้ามฮูหยินน้อยโม่ไม่ได้เสียแล้ว"
โจวฮูหยินที่อยู่ ๆ ชื่อตนก็ถูกนำเข้าไปอยู่ในบทสนทนาของฮูหยินชั้นปลายแถว ที่นางไม่คิดจะเสวนาด้วย อดไม่ได้ที่จะกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นด้วยความอัดอั้น เพราะจากที่ดูด้วยตาเนื้อแล้ว งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดฮูหยินน้อยโม่ในวันนี้ จัดได้ยิ่งใหญ่กว่างานของนางจริง ๆ
การที่งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของลูกสะใภ้จวนขุนนางผู้หนึ่ง จัดได้ดีกว่าฮูหยินใหญ่จวนเสนาบดีอย่างนาง จะมีใครบ้างที่ไม่รู้สึกน้อยหน้า
"ท่านแม่" โจวเหมยฟางรับรู้ได้ถึงอารมณ์มารดา นางจึงต้องรีบเรียกให้สติอีกฝ่ายกลับมา หากคนอื่นรู้ว่ามารดากำลังอิจฉาริษยาแค่สตรีไร้สกุลคนหนึ่ง คงได้อับอายขายขี้หน้าไม่น้อย
อย่างไรโจวฮูหยินก็นั่งตำแหน่งภรรยาเอกเสนาบดีฝ่ายซ้ายมานาน ไม่ต้องรอให้บุตรสาวเอ่ยคำใดต่อ นางก็เรียกสติตนเองกลับมาได้ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างรักษากิริยาที่สตรีชนชั้นสูงพึงมี
"ฟางเอ๋อร์ ลูกอย่าลืมคำที่ท่านพ่อกำชับก่อนออกมาเล่า"
"เ้าค่ะ" เหมยฟางรับคำมารดา ก่อนจะแสร้งมองเหมือนไม่มองไปทางใต้เท้าโม่ ที่กำลังยืนสนทนากับเล่าแขกสูงศักดิ์อยู่
แม้อีกฝ่ายจะอายุใกล้เข้าเลขสามแล้ว นับว่าห่างกับนางเกินหนึ่งรอบ แต่ใบหน้าของใต้เท้าโม่กลับยังดูเยาว์วัยไม่ต่างจากบัณฑิตหนุ่มที่เพิ่งจบใหม่
โครงหน้าหล่อเหลากระจ่างใสราวกับหยก ริมฝีปากหยักมักมีรอยยิ้มเป็นิจน่าคบหา ั์ตาสีนิลเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์น่าหลงไหล ยามใดที่ถูกเขาจ้องมอง ต้องเกิดอาการเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าเขาทุกครั้งไป
นางคิดอยากผูกมิตรถึงขั้นหวังตบแต่งเป็ภรรยาให้เขาั้แ่บิดายังไม่ออกปาก แต่เพียงยังไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด
ทว่าตอนนี้เมื่อเป็ความ้าของบิดา นางคงหาทางใกล้ชิดเขาได้ไม่ยาก เพราะอย่างไรบิดาของนางก็มีตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้น ใต้เท้าโม่ต้องให้ความเคารพและยอมรับในตัวนางอย่างแน่นอน
"นั่นฮูหยินน้อยโม่มิใช่หรือ ข้าไม่เห็นเสียนาน เหตุใดถึงดูงดงามขึ้นจนจำแทบไม่ได้อย่างนั้นเล่า"
"จริงด้วย หากเ้าไม่บอกข้าก็จำไม่ได้ ดูท่าใต้เท้าโม่คงดูแลเอาใจใส่ลูกสะใภ้คนนี้ไม่น้อย เ้าเห็นหรือไม่ เครื่องประดับบนกายนางล้วนทำจากไข่มุกทั้งหมด น้ำงามเปล่งประกายล้อแสงไฟอย่างนั้น แต่ละชิ้นต้องราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันตำลึงทองเป็แน่"
“อย่าว่าแต่เครื่องประดับเลย เ้าดูอาภรณ์ที่คนทั้งคู่สวมใส่ มองแล้วต้องมาจากผ้าพับเดียวกันอย่างแน่นอน ถ้าไม่บอกว่าฮูหยินน้อยโม่เป็แค่ลูกสะใภ้ ข้าคงคิดว่านางเป็ภรรยาของใต้เท้าโม่แล้ว”
หลังสิ้นเสียงแขกทางด้านฝั่งสตรีที่นั่งกันอยู่ สตรีร่างบางในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนข้างกายใต้เท้าโม่ ก็ได้รับความสนใจขึ้นมา
ฮูหยินน้อยโม่ไม่ค่อยได้ออกงานสังคมมากนัก น้อยครั้งที่จะออกมาให้ผู้คนได้พบหน้า การได้เห็นหญิงสาวในครั้งนี้ จึงทำให้แขกที่มาร่วมงานทั้งบุรุษสตรีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในความงดงามของนาง
ใบหน้าสวยประกอบด้วยองคาพยพทั้งห้าอย่างสมบูรณ์ ยามนางคลี่รอยยิ้มหวานละมุน ดั่งกำลังร่ายมนต์ยั่วเย้าให้ตรึงใจ รูปร่างอรชรน่าทะนุถนอม แต่กลับมีทรวดทรงโค้งเว้าบนเรือนร่างเด่นชัด ถึงแม้นางจะอยู่ในชุดหนาหลายชั้น ทั้งยังคลุมทับด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ก็ตาม
ไหนใครว่าฮูหยินน้อยโม่เป็แค่สตรีจากบ้านป่าเมืองเถื่อน รูปโฉมไม่น่ามอง ที่บุญชายบุญธรรมใต้เท้าโม่แต่งด้วยตอนไปทำศึก หลังจากบุญชายบุญธรรมเสียชีวิตในสนามรบ ใต้เท้าโม่ถึงได้ไปรับกลับมาดูแลตามคำสั่งเสีย
แต่ตอนนี้ให้ดูอย่างไรก็มองไม่ออก ว่าสตรีตรงหน้าเคยเป็อย่างที่ได้ยินมา
"ดูเหมือนฮูหยินน้อยจะงดงามขึ้นอีกแล้ว"
"ซื่อจื่อกล่าวชมเกินไปแล้วเ้าค่ะ" ไม่ว่าสตรีใดเมื่อได้รับคำชมย่อมต้องดีใจเป็ธรรมดา หนี่ซวงเองก็เช่นกัน และเพราะเหตุนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่คลี่รอยยิ้มหวานเป็การตอบแทนคำชมจากอีกฝ่าย
"เชิญซื่อจื่อไปนั่ง ปล่อยให้หน้าที่รับแขกเป็ของข้ากับซวงเอ๋อร์พอ"
"ฮั่นหยางหนอฮั่นหยาง ข้าละเกลียดเ้านัก ชอบขัดจังหวะได้ตลอด อย่างน้อยก็ให้ข้าได้มอบของขวัญให้ฮูหยินน้อยเสียก่อน แล้วข้าจะรีบไปนั่งทันที"
โม่ฮั่นหยางยอมขยับกายที่ยืนบังร่างบางออกเล็กน้อย เปิดทางให้นางได้รับของจากสหายสูงศักดิ์ ก่อนจะผายมือเชิญอีกฝ่ายไปยังทิศทางโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้
"หยุดยิ้มได้แล้ว ไม่ได้ดูดีสักเพียงนิด"
หนี่ซวงเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้เขายังกำชับให้นางต้อนรับแขกให้ดี แล้วหากไม่ให้นางยิ้มแล้วต้องให้ทำอย่างไร อีกอย่างซื่อจื่อก็มิใช่คนอื่นไกล การจะยิ้มให้อีกฝ่ายก็เป็เื่ปรกติมิใช่หรือ
ทีตัวเองยังส่งรอยยิ้มหวานไปทั่วได้ แต่พอเป็นางทำบ้างกลับทำไม่ได้
ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
"จิวซาแยกของซื่อจื่อออกมาด้วยเล่า ข้าอยากรู้ว่าซื่อจื่อจะให้อะไร" หญิงสาวคล้านจะใส่ใจคนแก่อารมณ์แปรปรวน หันไปกำชับสาวใช้ให้แยกของขวัญที่เพิ่งได้รับออกมาเป็พิเศษ เพื่อได้แกะดูก่อนเป็อันดับแรก
"ทำไม ดีใจถึงขนาดรอแกะทีหลังไม่ไหวเชียวหรือ"
"จะแกะก่อนหรือแกะทีหลังก็ต้องแกะอยู่ดีนี้เ้าคะ แค่ซวงเอ๋อร์อยากรู้ของซื่อจื่อก่อนเท่านั้นว่าจะให้อะไร"
"ดี เช่นนั้นหลังจบงานข้ามีของขวัญให้เ้าได้แกะเช่นกัน"
อากาศเย็นจากหิมะยังทำให้หนี่ซวงรู้สึกหนาวเย็นไม่เท่าคำพูดจากร่างสูง ที่หันไปต้อนรับแขกที่เพิ่งเดินเข้ามาอีกชุด จนอดไม่ได้ต้องลูบต้นแขนตนเองขึ้นลง
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าของขวัญที่เขาจะให้นั้น ต้องไม่ปลอดภัยกับตัวนางอย่างแน่นอน
"จะยืนอีกนานไหม เข้าไปด้านในได้แล้ว"
หนี่ซวงรีบก้าวเดินตามร่างสูงทันทีหลังจากได้สติ ไม่รู้นางยืนจมกับความคิดตนเองนานแค่ไหน กระทั่งเขาต้อนรับแขกชุดสุดท้ายเสร็จแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
หญิงสาวเดินเข้าด้านในงานเคียงคู่ร่างสูงโปร่ง แม้่ขาเขาจะยาวกว่านาง แต่หนี่ซวงกลับััได้ว่าจังหวะก้าวเดินของเขาช้ากว่าปรกติ ทำให้นางไม่รู้สึกเหนื่อยในการก้าวเดินไปพร้อมกับเขา
บอกตามตรง นานครั้งจะได้พบเจอผู้คนมากมายเช่นนี้ หนี่ซวงย่อมมีความตื่นเต้นและกดดันเป็ธรรมดา ทว่าการมีเขาเดินอยู่ข้างกาย ได้ยินเสียงชายแขนเสื้อที่กระทบกันตามจังหวะก้าวเดิน ทำให้นางรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจได้มากขึ้น
หนี่ซวงคลี่รอยยิ้มทักทายแขกที่มาร่วมงานอย่างมีมารยาท รักษากิริยาที่สตรีชนชั้นสูงพึงมีได้อย่างครบถ้วน ด้วยนางไม่ได้ออกงานสังคมบ่อยนัก
ทั้งเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงกว้างใหญ่ได้เพียงสองปีกว่าเท่านั้น ทำให้ไม่รู้จักใครเป็พิเศษ นอกจากเหอซื่อจื่อสหายสนิทของชายหนุ่มแล้ว ก็มีเพียงเหล่าคุณหนูจากจวนขุนนางที่อยู่ฝั่งเดียวกันกับเขาอีกไม่กี่คนเท่านั้น
ตามจริงนางไม่เคย้าให้จัดงานเลี้ยงในวันคล้ายวันเกิด เพราะแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครให้ความสำคัญกับวันเกิดของนางอยู่แล้ว หากต้องเป็อย่างนั้นต่อไปอีก หนี่ซวงก็มิได้รู้สึกเสียใจอันใด
แต่หลังจากเขารู้ว่าวันไหนเป็วันเกิดของนาง ก็ไม่ลังเลที่จะจัดการสั่งจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตขึ้นในทันที
แม้นางจะเพิ่งรู้ว่าเขาใช้งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของนาง เป็งานบังหน้าเพื่อพบปะกับเหล่าขุนนางฝั่งเดียวกัน แต่หนี่ซวงก็อดดีใจไม่ได้ เพราะอย่างน้อยนางก็มีงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดเป็ของตนเอง โดยไม่ต้องคอยแอบปีนกำแพงดูเด็กรุ่นเดียวกันจัดเลี้ยงฉลองกับครอบครัวอีกต่อไป
***************************
นิยายเื่นี้มีจัดทำเป็ E book แล้วนะคะ
สามารถเสิร์จหาจากชื่อนิยายหรือชื่อนักเขียน Hawthorn ใน meb ได้เลยค่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้