ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หนังตาของติงอ้ายเจินจึงกระตุกอย่างหนัก
เธอออกจากสำนักงานเพื่อกลับบ้านตั้งนานแล้ว ขณะเดินผ่านโรงงานมีคนไม่น้อยซุบซิบลับหลังติงอ้ายเจิน ติงอ้ายเจินทำบาปกรรมเชียวนะ แต่กลับยังใช้ชีวิตดีได้อยู่เลย
ติงอ้ายเจินไม่สนคำติฉินนินทาพวกนั้นอยู่แล้ว คนในโรงงานจะพูดอย่างไรก็ไม่กระเทือนต่อผู้อำนวยการติงแม้แต่น้อย
ในที่สุดปีศาจจิ้งจอกน้อยน่ารังเกียจเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นก็โชคร้ายเสียทีติงอ้ายเจินแทบจะร้องรำทำเพลง
กลับบ้านไปล้างๆ หั่นๆ ทำอาหารเต็มโต๊ะราวกับเฉลิมฉลองพอจูเฉิงชุนเลิกงานกลับบ้านมา สองสามีภรรยาได้เปิดสุราหนึ่งขวด
“ให้รู้ไปสิว่าฉันสุดยอดขนาดไหน!”
หัวหน้าแนวร่วมป้องกันทั้งคน มิใช่ว่าจัดการพวกปีศาจจิ้งจอกจนยอมจำนนได้หรอกหรือ?
ก่อนหน้านี้เธอแค่จิตใจดี ยึดใบอนุญาตประกอบการอะไรกันทำแบบนี้ั้แ่แรกก็ยอดเยี่ยมแล้ว!
“คุณอย่าเพิ่งเบิกบานไป รอจูฟ่างกลับมาจากอบรมเสียก่อนเถอะ ระวังเขาจะโวยวาย”
ติงอ้ายเจินส่งเสียงเฮอะเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นต้องบอกให้ลูกพี่ลูกน้องของคุณหุบปากให้สนิทสิหากไม่เอะอะซี้ซั้วต่อหน้าจูฟ่าง ลูกจะรู้ได้อย่างไร?”
อันที่จริงจูฟ่างเชื่อฟังมารดามากงานจัดซื้อของภัตตาคารหวงเหอไม่ได้มีความยากมากมายนัก แม้อายุอานามจะยี่สิบกว่าปีทว่ากลับไม่มีความรู้อะไรเลยพอเขากลับจากอบรม คดีของเซี่ยเสี่ยวหลานย่อมได้บทสรุปแล้วติงอ้ายเจินถึงขั้นวางมาตรการรับมือไว้แล้ว ถ้าจูฟ่างจะขอให้ครอบครัวช่วยเหลือเธอก็ต้องปากว่าตาขยิบออกตัววิ่งเต้นหาเส้นสาย
หลังจากนั้นก็แจ้งแก่จูฟ่างว่าครอบครัวได้ทำสุดความสามารถแล้วยกเลิกคดีความของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้จริงๆ
จากนั้นค่อยเรียกมารดาของกัวเฮ่ามาร้องห่มร้องไห้สักยก และถามไถ่จูฟ่างว่าเซี่ยเสี่ยวหลานวานคนให้ทำร้ายกัวเฮ่าจนเป็แบบนี้จะไม่สนใจเหล่าเครือญาติเพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียวจริงหรือ?
ติงอ้ายเจินเล่าแผนการให้สามีฟังด้วยความชื่นมื่นจูเฉิงชุนคีบถั่วลิสงหนึ่งเม็ดใส่ปาก
“คุณนี่นะ ฉลาดแต่กับเื่ไม่เป็เื่”
ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูบ้านก็ถูกเคาะจนเกิดเสียงดังอย่างแรง
ความแรงนั้นไม่อ่อนโยนเลยสักนิดเดียว ติงอ้ายเจินรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร “ใครน่ะ?”
ใครมาเยือนเวลาอาหารกัน ช่างไม่รู้จักความเหมาะสมเอาเสียเลย
ติงอ้ายเจินเปิดประตูออกทว่าได้พบกับคนสวมเครื่องแบบตำรวจสองรายยืนอยู่หน้าประตู
“คุณคือติงอ้ายเจินใช่หรือไม่?”
“ใช่ค่ะ...”
“มีคดีหนึ่งที่้าความร่วมมือในการสอบสวนจากคุณ กรุณาไปกับพวกเราด้วย”
ตำรวจทั้งสองชูบัตรประจำตัวแสดงตัวตน จูเฉิงชุนรีบวิ่งออกมาทันที “พวกคุณมาจากสถานีตำรวจไหน?”
“สถานีตำรวจซีเฉิง”
นั่นมิใช่สถานีตำรวจที่จับตัวเซี่ยเสี่ยวหลานไปหรือ? จูเฉิงชุนไม่รู้สึกกังวลสักนิดคงไม่พ้นเซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มแว้งกัดคนเพราะสถานการณ์บีบคั้น สถานีตำรวจถึงได้มาหาติงอ้ายเจินเพื่อแจ้งให้รับทราบเหตุการณ์สินะ?
จูเฉิงชุนสีหน้าผ่อนคลายขึ้น “รองผู้กำกับสถานีคุณผมก็รู้จัก...”
ตำรวจขัดจูเฉิงชุนอย่างเยือกเย็น “พวกเราต้องพาติงอ้ายเจินกลับสถานี”
หืม?
จูเฉิงชุนรู้สึกถึงความผิดปกติ
บ้านที่พวกเขาอาศัยคืออาคารเอื้ออาทรของโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามมีเพื่อนบ้านกำลังเมียงมองมุงดูและกระซิบกระซาบกันแล้วหากติงอ้ายเจินโดนคนของสถานีตำรวจพาตัวไป ต้องเกิดข่าวลือระคายหูมากมายแน่นอนจูเฉิงชุนคิดว่าผลกระทบไม่น่าอภิรมย์เลย!
แต่ตำรวจทั้งสองคนนี้ไร้ความปราณี อีกทั้งติงอ้ายเจินก็ไม่โง่งมเสียด้วยถ้าเชิญเธอไปรับทราบสถานการณ์ทำไมต้องใช้ท่าทางเช่นนี้กัน?
“เหล่าจู!”
เธอตื่นตระหนกทันใด จูเฉิงชุนจึงปลอบโยนเธอ “ไม่เป็ไรผมจะไปกับคุณด้วย”
เสียดายอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะที่ติงอ้ายเจินทำไว้ สามีภรรยารับประทานไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น
ความเร็วของเื่ซุบซิบนินทาในอาคารเอื้ออาทรแพร่สะพัดรวดเร็วเหลือเกินไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนจำนวนมากของโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามล้วนรู้ว่าตำรวจจับติงอ้ายเจินไปแล้ว!
“ผู้อำนวยการติงทำความผิดอะไรกัน?”
“เื่เหล่าเจิ้ง...”
“จัดสรรบ้านเป็เื่ภายในโรงงานไม่ใช่หรือ ตำรวจจะมาจับได้อย่างไร?”
พอถึงสถานีตำรวจจูเฉิงชุนรู้ทันทีว่าแย่แล้ว หัวหน้ากัวซึ่งเป็ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ตำรวจหญิงคนหนึ่งโผล่มาก็เข้าเื่ทันที ให้ติงอ้ายเจินสารภาพความจริงในการก่ออาชญากรรมของตนเองที่ปลุกปั่นแนวร่วมป้องกันให้ใส่ร้ายเซี่ยเสี่ยวหลานอีกทั้งรวมกลุ่มทะเลาะวิวาท
เหมือนว่าทางกฎหมายจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเื่ใส่ร้ายป้ายสีคนนักแต่ถ้าติงอ้ายเจินโดนข้อหารวมกลุ่มทะเลาะวิวาทเข้า...มือทั้งสองข้างของจูเฉิงชุนเย็นเยียบขึ้นทีเดียว
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนที่าเ็คือแนวร่วมป้องกัน!”
จูเฉิงชุนอดเตือนไม่ได้ ตำรวจหญิงมองเขาด้วยความเฉยชา
“แล้วคนอื่นเขาก็ต้องยืนปล่อยให้แนวร่วมป้องกันทำร้ายอยู่ตรงนั้นโดยไม่ตอบโต้หรือ? คุณคือลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้ากัวสินะ คุณรับรู้เื่ที่ภรรยาคุณไหว้วานพวกกัวเฮ่าทำสิ่งเลวร้ายหรือไม่?”
หัวหน้ากัวผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องมองเขาตาละห้อย
กัวเฮ่าและแนวร่วมป้องกันอีกสองสามคนถูกตำรวจคุมตัวจากโรงพยาบาลกลับมายังสถานีตำรวจสภาพทายาม่วงห่อผ้าพันแผล ใบหน้าบวมเป่งเหมือนหัวหมู
สถานการณ์นี้ จะบอกว่าพ่ายแพ้ก็พ่ายแพ้หรือ?
ติงอ้ายเจินย่อมรู้ว่าไม่อาจยอมรับข้อกล่าวหานี้ได้คนของสถานีตำรวจจึงนำเธอแยกสอบสวนในห้องเดี่ยว
จูเฉิงชุนรีบร้อนไปบ้านรองผู้กำกับ รายนั้นเป็คนยึดมั่นในมิตรภาพพวกพ้องทว่าตอนนี้ยังเอาตัวเองแทบไม่รอด มิวายกล่าวโทษจูเฉิงชุนด้วย “นายบอกว่าเป็แค่เด็กบ้านนอก เอาตัวมาข่มขวัญที่สถานีตำรวจพวกฉันเสียหน่อยฉันก็หลับตาข้างลืมตาข้างแล้ว ผลคือเลขาโหวประจำคณะกรรมการเมืองมาช่วยเหลือด้วยตัวเองแถมยังมีหัวหน้าหยางที่มาด้วยอีก ผู้กำกับของพวกฉันก็ตามพะเน้าพะนออยู่ด้านหลัง...เหล่าจู นายเล่นฉันเสียอนาถแล้ว!”
เลขาโหวประจำคณะกรรมการเมือง?
หัวหน้าหยางของสำนักงานเมือง?
จูเฉิงชุนศีรษะแทบจะะเิ เป็ไปได้อย่างไร!
เลขาโหวคือคนสนิทของเ้านายนะ ทำไมออกหน้ารับผิดชอบเื่เล็กน้อยแบบนี้กัน
จูเฉิงชุนก้าวเดินด้วยความไม่มั่นคง จิตใจยังสับสนอลหม่าน
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานมีเื้ัเช่นนี้ และรีบเอาออกมาวางไว้ก็หมดเื่แล้วให้เลขาโหวติดต่อให้สักหน่อย ใบอนุญาตประกอบการก็คงไม่กล้าเลื่อนออกไปนานขนาดนั้นหรอก! วิธีดีๆ อย่างคนมีการศึกษาดันไม่ใช้ กลับไปโวยวายที่สำนักงานพาณิชย์ เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้วิจารณญาณของเขาคลาดเคลื่อน...ตกลงแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักเลขาโหวไหม?
ในสมองของจูเฉิงชุนยุ่งเหยิงวุ่นวาย
ถ้าหูหย่งไฉอยู่ บางทีคงจะสั่งสอนจูเฉิงชุนเป็แน่ เคยบอกไว้ตั้งนานแล้วห้ามดูแคลนสาวงามคนไหนเด็ดขาด เธอเลือกเกิดได้ไม่ดีพอจึงเป็คนชนบทแต่รอจนโอกาสเกิดใหม่ครั้งที่สอง ไม่แน่ว่าอาจบินขึ้นยอดไม้กลายเป็หงส์ฟ้าก็ได้!
ติงอ้ายเจินถูกคุมตัวไป จูเฉิงชุนเทียวไปเทียวมาทั้งคืน เขามีญาติมากมายเลยขอร้องคนไปทั่ว
วิ่งวุ่นจนฟ้าใกล้สาง มีญาติคนหนึ่งให้ความกระจ่างแก่เขาจนได้
“พวกกัวเฮ่าเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว เลขาโหวจัดการแทนเ้านายแน่นอน”
หากเื่นี้เกี่ยวข้องกับเลขาโหวโดยตรงยังพอไกล่เกลี่ยได้
แต่ถ้าเลขาโหวจัดการตามความ้าของเ้านายเล่า?
จูเฉิงชุนเป็หัวหน้าแผนกภรรยาคือผู้อำนวยการสำนักงานของโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สาม โดยปกติสองสามีภรรยาปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความหยิ่งผยองพวกเขาจึงรังเกียจพื้นเพของเซี่ยเสี่ยวหลาน คิดว่าโบกไม้โบกมือนิดหน่อยก็สามารถไล่เซี่ยเสี่ยวหลานให้ไสหัวออกไปจากซางตูได้แต่อำนาจเล็กน้อยในมือก็เป็แค่สิ่งที่ทำให้ชีวิตราบรื่นขึ้นบ้างเท่านั้นหัวหน้าเบื้องบนรับสั่งประโยคเดียวตามความพอใจ จูเฉิงชุนก็ไม่ทำอะไรได้เหมือนประชาชนคนทั่วไปนั่นแหละ
วันต่อมาจูเฉิงชุนขอลาหยุดจากหน่วยงานตัวเขาที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการช่วยภรรยายังคงไม่รู้ว่าเจิ้งจงฝูแห่งโรงงานฝ้ายที่สามได้เดินทางไปยังสำนักงานเมืองั้แ่เช้าตรู่ถือป้ายผ้ายาว รายงานด้วยนามจริงว่านางติงอ้ายเจินประจำโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามใช้ประโยชน์จากหน้าที่การงานประพฤติมิชอบ— เจิ้งจงฝูมิได้รายงานเื่ไม่ได้รับการจัดสรรบ้านแต่เป็เื่ที่ติงอ้ายเจินมีความสัมพันธ์ทุจริตกับผู้อำนวยการโรงงานทั้งสองคนจัดสินค้าระดับหนึ่งที่โรงงานผลิตเป็สินค้าไม่ผ่านมาตรฐานขายแก่คนนอกด้วยราคาต่ำ และรับผลประโยชน์จากในนั้น!
ข่าวนี้ทำเอาโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามจวบจนโรงงานฝ้ายในซางตูหลายๆ แห่งแตกตื่นกันเสียพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
หลังจากเลขาโหวได้ยินข่าวคราวก็รู้สึกว่าน่าขันเหลือเกิน ช่างบังเอิญยิ่งนักโรงงานฝ้ายเหล่านี้เป็กิจการขนาดใหญ่และมีคนงานจำนวนมาก ปกติไม่ค่อยเชื่อฟังคำบัญชาของสำนักงานเมืองเท่าไรเื่นี้ไม่ใช่เื่เล็ก อาจเป็จุดเปลี่ยนแห่งการริเริ่มปฏิรูปการบริหารโรงงานสิ่งทอของซางตูก็เป็ได้
สุดท้ายติงอ้ายเจินก็เป็เพียงบุคคลที่ไร้ซึ่งความสำคัญและกำลังตกอยู่สภาวะยากเข็ญถูกกำหนดให้เป็ทหารไร้ค่าในสนามรบที่ต้องสังเวยก่อนเป็อันดับแรก!
