เสี่ยวโหรวนั้นต่างจากเด็กนั่งดริงก์คนอื่นๆ
เธออ่อนหวานนุ่มนวล เรียก ‘พี่หย่ง’ ไม่ขาดปาก ราวกับเห็นหลิวหย่งเป็พี่ชายของเธอจริงๆ ทุกครั้งที่เจอก็ทำตัวเรียบร้อย หลิวหย่งดูแล้วเหมือนเธอจะไม่ได้อยากยั่วยวนเขาสักเท่าไร
“พี่หย่ง ที่จริงแล้วฉันมีคู่หมายอยู่ที่บ้านเกิดค่ะ”
มีคู่หมายอยู่แล้ว เช่นนั้นมาทำงานนี้ที่เผิงเฉิงทำไม?
หลิวหย่งไม่ได้ถามลงรายละเอียดมากมาย ถึงอย่างไรผู้หญิงที่อยากหาเงินจากผู้ชายล้วนมีเื่เล่าที่น่าสงสารด้วยกันทั้งนั้น แน่นอนว่าหลิวหย่งกลัวตนจะติดหลุมพราง
เสี่ยวโหรวเป็เด็กที่หลิวเทียนเฉวียนเรียกมา เมื่อเธอไม่พยายามยั่วยวนหลิวหย่ง ย่อมได้รับแรงกดดันจากหลิวเทียนเฉวียนอยู่ไม่น้อย
มีครั้งหนึ่ง หลิวหย่งดื่มหนักจนต้องหลบไปพักในห้องน้ำ เขาได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนแอบคุยกันอยู่ด้านนอก
“เสี่ยวโหรวนี่โง่จริงๆ ไม่เชื่อฟังเถ้าแก่หลิวแบบนี้ ฉันว่าเธอคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแล้วล่ะ”
“อยู่ได้ไม่นานแล้วจะทำอย่างไรต่อเล่า”
“เหอๆ จะทำอย่างไรได้ ก็ต้องถูกส่งไปที่อื่นน่ะสิ”
ทั้งสองคนหัวเราะสะใจ คำว่า ‘ที่อื่น’ นั้นชวนให้คิดไปไกลเสียจริงๆ
หลิวหย่งเดินออกจากห้องน้ำ เขานั่งยองๆ กับพื้นพลางสูบบุหรี่ไปสองมวน
ให้ตายเถอะ ลูกล่อลูกชนของเถ้าแก่ฮ่องกงช่างล้ำลึกเสียจริงๆ เื่นี้เขาจะสนใจหรือไม่สนใจดีล่ะ
—--------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เลยว่า ตอนนี้ลุงของเธอกำลังเจอกับบททดสอบที่ลูกผู้ชายยากจะข้ามผ่านอยู่ที่เผิงเฉิง
การแข่งขันภาษาอังกฤษรอบแรกจบลงแล้ว วิธีการจัดการกับชั้นเรียนกวดวิชาของวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง ในที่สุดก็ถูกลือกันทั่วมหาวิทยาลัยชั้นนำในกรุงปักกิ่ง ทำเอาเหล่านักศึกษาที่อยากหารายได้พิเศษด้วยการรับกวดวิชาใกันไปตามๆ กัน ในด้านนักศึกษาของหัวชิงนั้นได้รับผลกระทบไม่มาก ทว่ามหาวิทยาลัยที่มีปฏิกิริยามากที่สุดคือมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่ง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยครูที่โด่งดังและใหญ่ที่สุดของประเทศต่างพากันด่า ‘เซี่ยจื่ออวี้’ อย่างไม่มีชิ้นดี
เดิมทีทุกคนก็แอบรับงานสอนหนังสือนอกรั้วมหาวิทยาลัยกันอยู่แล้ว หนึ่งวันได้เงินหลายสิบหยวน รายได้ต่อเดือนย่อมเป็กอบเป็กำ สำหรับนักศึกษาที่ฐานะทางการเงินไม่ดี หลังได้รับเงินช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัย พวกเขาก็จะส่งเงินที่ได้จากงานพิเศษนี้กลับไปที่บ้านเกิด
ชั้นเรียนกวดวิชาแห่งนี้ทำการประชาสัมพันธ์เสียใหญ่โต แถมยังลงหน้าหนังสือพิมพ์เสริมสร้างชื่อเสียงอีกด้วย แต่วันดีคืนดีกลับร่วงจากจุดสูงสุดตกลงสู่เหวลึก มหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ มองเื่นี้เป็กรณีศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่งที่สั่งห้ามนักศึกษาทุกคนหารายได้จากการสอนหนังสือนอกรั้วมหาวิทยาลัย
เซี่ยจื่ออวี้ขาดทุนคนเดียวไม่พอ ยังตัดโอกาสหารายได้ของทุกคนอีกด้วย
คนที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่งเกลียดเธอเป็ที่สุด ส่วนที่วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง ทุกคนยิ่งพากันตีตนออกหากจากเซี่ยจื่ออวี้
‘ทำทัณฑ์บน’ นั้นนับเป็บทลงโทษที่ร้ายแรง เพื่อนร่วมหอของเซี่ยจื่ออวี้ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี และพวกเธอก็ไม่รู้เลยว่า ‘กิจการ’ ของเซี่ยจื่ออวี้จะใหญ่โตขนาดนั้น ได้ยินว่าชั้นเรียนกวดวิชาเคยรับนักเรียนมากที่สุดถึงหลายร้อยคน
สรุปแล้วเซี่ยจื่ออวี้หาเงินได้มากเท่าไรกัน?
แถมภาพลักษณ์ของเธอยังเป็นักศึกษาที่ต้องขอเงินช่วยเหลือจากทางวิทยาลัยอีกด้วย
เมื่อสามารถเปิดกิจการใหญ่โตขนาดนั้นได้ เช่นนั้นเธอดูเหมือนคน้าเงินยี่สิบหยวนทุกเดือนหรือ?
สรุปคือ ‘ภาพลักษณ์’ ของเซี่ยจื่ออวี้พังทลายจนหมดสิ้น
เมื่อก่อนเห็นเซี่ยจื่ออวี้ดีกับหวังเจี้ยนหัว เพื่อนร่วมหอยังรู้สึกไม่คุ้มค่า ตอนนี้พอย้อนกลับไปคิดดูแล้ว คนที่โง่ที่สุดคือพวกเธอต่างหาก
เซี่ยจื่ออวี้คือนักศึกษาหญิงที่กล้าสร้างธุรกิจนอกรั้ววิทยาลัย แถมยังทุ่มเทให้แฟนหนุ่มขนาดนั้น มีหรือจะคิดเองไม่ได้?
ที่ทำไปคงเพื่อจับลูกชายข้าราชการอย่างหวังเจี้ยนหัวให้มั่น หากไม่ทำดีกับหวังเจี้ยนหัว แล้วจะเขี่ยคู่แข่งอย่างรุ่นพี่หลิ่วให้พ้นทางได้อย่างไร
่ยุค 80 การแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยบนหอคอยงาช้าง ก็คือ่จัดสรรตำแหน่งงานหลังเรียนจบ แต่โดยภาพรวมแล้วสภาพแวดล้อมถือว่าไม่ซับซ้อนสักเท่าไร ไม่ได้มีเื่ให้แก่งแย่งชิงดีมากนัก ไม่จำเป็ต้องใช้มารยาหรือเล่ห์เหลี่ยมอะไร ทุกคนศึกษาเล่าเรียนเพื่ออนาคตที่สดใส ครอบครัวของใครหลายคนนับได้ว่ายากจนแร้นแค้น แม้จะมีความกดดันแต่ก็ยังคงมีความหวังอันยิ่งใหญ่ มีความยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ว่า ‘ศึกษาเล่าเรียนเพื่อความก้าวหน้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน’ อย่างแท้จริง
อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แม้แต่เซี่ยเสี่ยวหลานที่ไม่ทำร้ายหรือเล่นงานใคร ยังถูกทังหงเอินวิจารณ์ว่าเห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไปอีกด้วย
ทังหงเอินรู้สึกว่าในฐานะนักศึกษาคนหนึ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานยังตระหนักถึงหน้าที่ของตนไม่มากพอ
เซี่ยจื่ออวี้ถูกทางวิทยาลัยตำหนิเช่นนี้ คนรอบข้างต่างพากันระแวงและมองเธอไม่ดีกันหมด เธอชวนนักศึกษาคนอื่นมาทำงานที่ชั้นเรียนกวดวิชาไม่น้อย คนเ่าั้ไม่มีใครหนีพ้น ‘การตักเตือน’ จากทางมหาวิทยาลัย ทุ่มเททั้งเวลาและแรงกายมาตั้งนาน สุดท้ายกลับต้องคืนเงินที่หามาได้ทั้งหมด นักศึกษาเหล่านี้ไม่มีใครพูดถึงเซี่ยจื่ออวี้ในแง่ดีแม้แต่คนเดียว
ปากหวานก้นเปรี้ยว เ้าแผนการจนน่ากลัว อยู่ให้ห่างไว้จะดีกว่า นี่คือเซี่ยจื่ออวี้ในสายตาคนรอบข้าง
แม้แต่เพื่อนร่วมหอเองก็ระแวงเธอทุกคน ในที่สุดเซี่ยจื่ออวี้เริ่มรู้สึกกลัว
คนเราไม่อาจอยู่ด้วยตัวคนเดียวในสังคมได้ สภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องพึ่งพาใครนั้นมีที่ไหน ถึงอย่างไรก็ต้องผูกมิตรกับผู้อื่นบ้างน่ะสิ
ครั้งนี้ เซี่ยจื่ออวี้ทำลายมิตรภาพที่เธอเพียรพยายามสร้างมาตลอดหนึ่งปีกว่าจนหมดสิ้น
เธอทำได้เพียงร้องไห้คร่ำครวญกับหวังเจี้ยนหัว
หวังเจี้ยนหัวรู้สึกสงสารเธอก็จริง แต่สงสารไปแล้วจะทำอะไรได้
รางวัลบุคคลตัวอย่างที่หวังเจี้ยนหัวควรได้มาครองก็หลุดมือไปแล้ว แผนการย้ายไปเรียนที่หัวชิงปีหน้าก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
เซี่ยจื่ออวี้อยู่ในรั้ววิทยาลัยอย่างกล้ำกลืนฝืนทน เธอมีโทษทัณฑ์บนเป็ชนักติดหลัง ต่อให้หวังก่วงผิงมีอำนาจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถย้ายมหาวิทยาลัยให้เซี่ยจื่ออวี้ได้ เนื่องจากไม่มีมหาวิทยาลัยไหนยอมรับเธอเข้าเรียน
อีกอย่าง เส้นสายที่หวังก่วงผิงมีก็คงไม่เอาออกมาใช้กับเซี่ยจื่ออวี้อย่างแน่นอน
เซี่ยจื่ออวี้ทำเพื่อตระกูลหวัง และตระกูลหวังก็ตอบแทนเธอเรียบร้อยแล้ว หวังก่วงผิงยังคงรู้สึกโกรธไม่หาย ถ้าเซี่ยจื่ออวี้เอาวาจาฉะฉานไปใช้กับเื่ที่มีประโยชน์ ชั้นเรียนกวดวิชาคงไม่เกิดเื่เดือดร้อนเช่นนี้
คนเดียวที่สงสารเซี่ยจื่ออวี้ และให้การยอมรับความเสียสละของเธอมีเพียงหวังเจี้ยนหัวเพียงผู้เดียว
หวังเจี้ยนหัวอาจจะมีอนาคตที่สดใส ทว่าแม้อายุจะยี่สิบกว่าแล้วแต่ก็ยังเป็เพียงนักศึกษาคนหนึ่ง ไม่มีอำนาจ และไม่อาจช่วยแก้ไขปัญหาให้กับแฟนสาวได้เลย
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้ยินข่าวลือเช่นกัน นึกไม่ถึงเลยว่าเซี่ยจื่ออวี้จะดังเป็พลุแตกด้วยวิธีนี้
ตอนเธอไปหาโจวเฉิงที่หน่วยงาน ยังอดพูดกับโจวเฉิงไม่ได้ “ฉันเกลียดสองคนนี้จริงๆ ก่อนมาที่ปักกิ่งฉันตั้งใจว่าจะมาจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่า ไม่ต้องให้ฉันลงมือ พวกเขาก็สามารถทำร้ายตัวเองจนตายได้!”
โจวเฉิงลูบนิ้วมือขาวเนียนของเซี่ยเสี่ยวหลานไปมา “เธอไม่จำเป็ต้องทำให้มือตัวเองสกปรกหรอก”
เหอเย่าจวินเป็เพียงหัวหน้าแผนกเล็กๆ ยังทำให้หวังก่วงผิงเต้นเป็เ้าเข้าได้ขนาดนี้ นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีคนหนุนหลังเขาอย่างแน่นอน ดูท่าถึงแม้หวังก่วงผิงจะกลับมารับตำแหน่งแล้ว แต่ก็คงขยับตัวทำอะไรได้ไม่มาก แฟนสาวของเขาลำบากมามากพอแล้ว ทำไมยังต้องเอาเวลาไปสนใจคนไม่สำคัญพวกนั้นด้วย
มือของเสี่ยวหลานนุ่มนิ่ม แต่นิ้วกลางข้างขวากลับมีรอยด้าน ท่าทางเธอคงจะเขียนหนังสือเป็ประจำ
ที่จริงโจวเฉิงเป็ห่วงเื่หลิวหย่งมากกว่า
คังเหว่ยกลับไปถึงเผิงเฉิงก็พบว่า หลิวหย่งกำลังถูกผู้หญิงร้ายลึกคนหนึ่งตามตอแยอยู่
“ฉันว่าลุงหลิวติดกับแล้วแน่ๆ!”
คังเหว่ยไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เขาเคยเห็นอะไรมามาก
ั้แ่เล็กจนโต เขาเจอผู้หญิงมารยาสาไถพยายามแทรกเข้ามาอยู่ในวงโคจรของพวกเขามานักต่อนัก หากใช้คำพูดของคังเหว่ย ผู้หญิงคนนี้ใช้วิธีที่ค่อนข้างแยบยล ผู้ชายมักจะสงสารคนที่อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ ตอนแรกคือความสงสาร แต่สุดท้ายอาจจะแยกไม่ออกว่าสิ่งนั้นคือความสงสารหรือความรู้สึกอื่นกันแน่ ถ้าหลงเสน่ห์ผู้หญิงประเภทนี้แล้วล่ะก็ หลิวหย่งคงถอนตัวยากแน่นอน
คังเหว่ยสนิทกับหลิวหย่งก็จริง แต่จะให้เขาเอ่ยปากพูดได้อย่างไร
จะบอกเซี่ยเสี่ยวหลานก็กระดากปาก จะให้บอกเซี่ยเสี่ยวหลานไปขัดขวางลุงตัวเองก็คงไม่งามสักเท่าไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบอกเื่นี้กับโจวเฉิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้