เมื่อเลิกประชุมแล้ว เขากลับถูกฮ่องเต้เรียกตัวไว้้
ณ ห้องปีกตำหนักจาวหยาง
ที่นี่คือสถานที่ที่ฮ่องเต้อ่านฎีกาภายในห้องสร้างจากไม้หนานมู่สีทอง เมื่อเข้าไป กลิ่นไม้สามารถทำให้ใจสงบ
กงเซิ่งยังคงนั่งในตำแหน่งสูงส่งเหนือใครๆ เขามองบุตรชายของตนเมื่อไม่กี่วันก่อนภาพใบหน้าซีดขาวของอีกฝ่ายและการเดินจากไปด้วยท่าทางสิ้นหวังยังคงติดตาเขาทว่าการประชุมในวันนี้อีกฝ่ายกลับรวบรวมความมั่นใจกล่าวได้อย่างเป็ธรรมชาติ
ที่กล่าวกันว่า ''ไม่ทำลายของเก่าไม่อาจสร้างของใหม่''ดูเหมือนว่ากงเช่อจะทำลายกรอบเดิมและสร้างสีสันใหม่ที่เป็แบบฉบับของตัวเอง กงเซิ่งลูบปลายคางเขาคิดว่าผู้ที่ทำให้กงเช่อต้อง ''ทำลาย'' ก็คือเขา เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าใครเป็ผู้ที่ทำให้กงเช่อ ''สร้าง'' ของใหม่ขึ้นมา
เมื่อถูกฮ่องเต้จ้องมองเช่นนี้ แม้ว่ากงเช่อจะรู้สึกกดดันเล็กน้อยทว่าเขายังคงยืนอย่างใจเย็นอยู่ตรงนั้น กงเช่อมีใบหน้างดงาม สีหน้าอ่อนโยนไม่ว่าใครที่เห็นเขาต่างรู้สึกว่าหากเขาสืบทอดบัลลังก์เขาจะต้องเป็ฮ่องเต้ที่ดีอย่างแน่นอน
“ใครเป็คนออกความคิดให้เ้า?” ผ่านไปนานพอสมควร กงเซิ่งจึงเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อเขาเอ่ยปาก กงเช่อกลับชะงักไปชั่วขณะ
“กระหม่อมพบกุนซือท่านหนึ่งโดยบังเอิญแต่น่าเสียดายที่มีวาสนาได้พบหน้าเพียงครั้งเดียว”
“กุนซือ? โม่เอ๋อร์ล่ะสิ” กงเซิ่งส่งยิ้ม เขาไม่ใช่คนพูดจาอ้อมค้อม
เขากล่าวอย่างมั่นใจโดยการใช้ประโยคบอกเล่ากล่าวออกมา กงเช่อไม่ตอบถือเป็การยอมรับโดยปริยาย กงเซิ่งถอนหายใจหนึ่งคำเหมือนกำลังหนักใจแต่ก็กำลังส่งยิ้ม เหมือนไม่รู้จะทำเช่นไรดี
“เฮ้อ ยายเด็กคนนี้”
“อี่โม่้าช่วยข้านาง้าเป็ส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือแผ่นดินนี้เท่านั้นเองหวังว่าเสด็จพ่อจะไม่ถือโทษนาง” กงเช่อเกรงว่ากงอี่โม่อาจกระเทือนจุดอ่อนไหวของฮ่องเต้เขาจึงรีบกล่าวขึ้น
“ไม่ให้ข้าถือโทษ ได้สิ”เขายิ้มอย่างเ้าเล่ห์
“นางให้เ้าออกจากเมืองหลวงไปสร้างคลองขนส่ง ถือเป็กลยุทธ์ที่ดีแต่การสร้างคลองขนส่งจำเป็ต้องใช้เวลานานหลายปี ยายหนูฉลาดเฉลียวนางต้องรู้จุดนี้อย่างชัดเจน ถ้าอย่างนั้นแล้วนางกล่าวเช่นไรจึงทำให้เ้ายอมตกลงฮองเฮาก็เห็นด้วยหรือ?”
กงเช่อครุ่นคิดเล็กน้อย เขาบอกไม่ได้เขาไม่ควรบอกวิธีการทำอย่างชัดเจน และเขาก็ไม่รู้เช่นกัน!
เมื่อเห็นกงเช่อนิ่งเงียบ กงเซิ่งจึงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจบุตรชายของเขาแต่ละคนต่างถูกยายหนูคนนั้นจูงจมูกไปหมดแล้ว แม้กระทั่งตัวเขาเองบางครั้งยังถูกยายหนูคนนั้นเล่นงาน
ยายหนูช่างฉลาดมากจริงๆ นางรู้ว่าเขาจะต้องซักถาม ส่วนกงเช่อก็ปิดไม่มิดนางจึงจงใจไม่บอกรายละเอียดกงเช่อ
ทว่าไม่ว่าจะเป็เช่นไรสุดท้ายโครงการนี้ก็เป็ประโยชน์ต่อแผ่นดินและประชาชน
กงเซิ่งถอนหายใจหนึ่งคำ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมเดินตรงเข้าไปหากงเช่อ
กงเช่อในวัยสิบหกปีสูงใกล้เคียงกับเขาแล้ว อีกฝ่ายสดใสสง่างามไม่ได้มีบารมีเหมือนเช่นเขา ทว่ากลับเป็เด็กหนุ่มที่สามารถแบกรับหน้าที่ได้แล้ว
เห็นกงเช่อค่อยๆ เติบโต ค่อยๆ ส่องประกายต่อหน้าตนสีหน้าของกงเซิ่งอ่อนโยนขึ้นในชั่วพริบตา เขาตบบ่าของกงเช่อเบาๆ
“ในเมื่อเ้า้าไป พ่อก็ต้องสนับสนุนเ้าอย่างเต็มที่หวังว่าเ้าจะรีบกลับมา”
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ได้ซักไซ้ต่อกงเช่อจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขามองเสด็จพ่อที่ยังคงสง่างามอยู่เบื้องหน้าแต่กลับพบว่าไม่รู้ั้แ่เมื่อไรที่จอนผมทั้งสองข้างมีเส้นผมสีเงินกงเช่อรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจกับเื่อะไรบางทีอาจเป็เพราะเืข้นกว่าน้ำกระมัง
เพราะไม่มีใครขัดขวาง โครงการนี้จึงถูกกำหนดเช่นนี้ทว่าการออกคำสั่งโยกย้าย การระบุเ้าหน้าที่ การเรียกตัวนายช่างต่างๆรวมทั้งการระดมเงินทุนล้วนต้องใช้เวลาทั้งนั้น ดังนั้น่นี้กงเช่อจึงยุ่งมากจนแทบไม่เห็นตัวเขา
เวลานี้กงอี่โม่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในสวน ศาลารับลมเถิงหลัวเครื่องดื่มของว่างเลิศรส เป็การใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
ทันใดนั้นพลันมีเสียงบางอย่างดังขึ้น นางหันไปมองกำแพงมีมือข้างหนึ่งกำลังปีนอยู่ตรงนั้น จากนั้นจึงมีศีรษะหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ! ท่านผู้นี้ก็คือซื่อจื่อไม่ใช่หรือ? ทำไมจึงไม่มาทางประตู แต่กลับปีนกำแพงเข้ามาล่ะ?” เมื่อเห็นบุคคลที่มา กงอี่โม่จึงยิ้มอย่างยินดี
“เ้าส่งเสียงเบาหน่อย!” เซินสือเย่หันไปมองรอบตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเขาจึงะโเข้ามา
“ก็เพราะพี่ชายคนนั้นของเ้าน่ะสิ ช่างบ้าคลั่งจริงๆเขาไม่อนุญาตให้ใครมาหาเ้า มิฉะนั้นข้าคงไม่ต้องใช้วิธีปีนกำแพงเข้ามาหรอก”
กงอี่โม่คาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยเซินสือเย่เดินเข้ามาไม่กี่ก้าว เขาเหลือบมองชั่วครู่ “อื้อ! ใช้ชีวิตไม่เลวเลยขนมซินซูและเสวี่ยอวิ๋นเกาล้วนเป็ขนมมีชื่อในเมืองหลวง ไปต่อแถวก็ยังซื้อไม่ได้แต่เ้ากลับมีเยอะทีเดียว”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็หยิบขึ้นทานโดยไม่ได้มองว่าตัวเองเป็เพียงคนนอก
“ท่านไม่กลัวว่ามันจะมีพิษอยู่ด้านในหรือ?” กงอี่โม่กวาดตามองเขาพร้อมส่งยิ้ม
“เ้าพูดอะไรนะ?” เซินสือเย่สำลักเขาพลันรู้สึกว่าจะกลืนก็ไม่ได้จะคายก็ไม่ออก เขาถลึงตาใส่นางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชัด
กงอี่โม่กลับหัวเราะลั่นอย่างไม่อาจควบคุม
“เ้าโง่! ไม่เจอกันมาสักพักท่านกลับโง่ยิ่งกว่าเดิม?”
“เ้าว่าใครโง่? ยายหญิงอัปลักษณ์เ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง?” เซินสือเย่โกรธจัดเขากลืนของว่างลงไปพร้อมมองอย่างเดือดดาล
“พอเถอะ ว่ามาซิ ท่านมาทำอะไร?” กงอี่โม่ไม่กลัวเลยสักนิด แต่นางกลับโบกไม้โบกมือ
เซินสือเย่พยายามควบคุมความโกรธ เขายังไม่ลืมความจริงว่าตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย
“ก็พวกอวี้จื่อชิงพวกนั้นไง เ้าเคยเจอตอนดื่มสุราครั้งที่แล้วพวกเขาอยากออกไปเที่ยวเล่นกับเ้าแต่เมื่อมาขอพบที่นี่กลับถูกขวางให้อยู่หน้าประตู ดังนั้นข้าจึงต้องเข้ามาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อคิดถึงพวกเด็กหนุ่มที่เจอครั้งที่แล้ว สมองของกงอี่โม่จึงทำงานอย่างรวดเร็วผ่านไปชั่วครู่ นางกะพริบตาแล้วรีบลุกขึ้นทันที
“สนุกไหม? รีบนำทางเร็วหากไม่สนุกข้าจะไม่ไว้หน้าท่านจริงๆ”
“วางใจได้ รับรองว่าสนุกอย่างแน่นอน” เซินสือเย่พลันส่งยิ้มให้นาง
ณ ถนนเส้นหนึ่งที่มีแขกหลั่งไหลเข้ามา
กงอี่โม่หรี่ตามองลายแกะสลักบนประตู ฝีมือแกะสลักประณีตสวยงามเรียงสลับซับซ้อน นายช่างที่สร้างบ้านหลังนี้มีฝีมือไม่เลวจริงๆ
“เดินสิ หน้าประตูไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย” เซินสือเย่ดึงนางเข้าไป
“ข้าไม่มองบนประตู แล้วให้ข้ามองพวกนางอย่างนั้นหรือ?” กงอี่โม่มองเขาชั่วครู่ ขณะที่กล่าวนั้นกงอี่โม่จึงชี้ไปที่ไปที่คนสองคนทางด้านหน้าที่ทำท่าเหมือนอยากเข้ามาทว่าเป็เพราะความเ้าเล่ห์ของซื่อจื่อทำให้หญิงนางโลมไม่กล้าเข้าใกล้
เวลานี้เหลาเป่า* ได้ยินว่าซื่อจื่อมาถึงแล้วนางจึงรีบออกมาต้อนรับ
“อุ๊ย ซื่อจื่อ ท่านไม่ได้มาตั้งนานแล้ว รีบเข้ามาเถิดเพื่อนของท่านรออยู่ที่ห้องพิเศษแล้วนะ”
ขณะที่กล่าวนั้น นางก็มองกงอี่โม่ดวงตาเป็ประกาย
“อุ๊ย ดูคุณชายน้อยรูปงามน่ารักผู้นี้สิเป็น้องชายของซื่อจื่อหรือ?” เดิมทีนางคิดว่าอีกฝ่ายหน้าตาเหมือนสตรีทว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองมากลับสะท้อนประกายดุดันสายตาเช่นนี้ต้องไม่ใช่สายตาของคนธรรมดาอย่างแน่นอน เหลาเป่าหัวใจสั่นนางคิดว่าคุณชายน้อยผู้นี้จะต้องมีเื้ัไม่ธรรมดาแน่นอน
“อย่าพูดมาก ยังไม่รีบนำทางอีก?” เซินสือเย่ดึงกงอี่โม่ไว้ด้านหลังของตน
“เอ๋ ได้ ได้ เชิญท่านทางนี้ เชิญเข้าไปด้านใน”
เหลาเป่าส่งยิ้มตาหยี นางรีบพาคนนำเข้าไปด้านใน
ว่ากันตามจริงชาติที่แล้วกงอี่โม่เที่ยวหอนางโลมบ่อยครั้งจนเบื่อแล้วตอนนั้นนางเป็แขกประจำของหอนางโลม เนื่องจากทุกครั้งที่มีการจัดเลี้ยงปรึกษาหารือสถานที่เช่นนี้ก็เป็สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ
เวลานี้คนที่อยู่ในห้องพิเศษต่างรออย่างร้อนใจ
“ทำไมยังไม่มาอีก ซื่อจื่อคงไม่ถูกขวางไว้ด้านนอกเหมือนกันหรอกนะ?” อวี้จื่อชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าสวีหยวนที่อยู่ด้านข้างกลับไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย
“วางใจเถอะ ไม่มีใครที่ซื่อจื่อเชิญมาไม่ได้หรอก”
* เหลาเป่าเป็สตรีที่เปิดหอนางโลมหรือเป็ผู้ดูแลหรือควบคุมนางโลม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้