หลิ่วซื่อกับสามีเป็คนไร้ยางอายที่ใครๆ ในหมู่บ้านก็รู้จักกันดี ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงไม่ชอบพวกเขา ตอนนี้พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็มีคนพูดสวนขึ้นมาทันที
“โอ๊ย! นี่เ้าเป็พระโพธิสัตว์กวนอิมหรืออย่างไร รู้ฟ้ารู้ดินไปเสียหมด คนเขาจะมีเคราะห์ร้ายหรือไม่มี เ้าก็รู้ด้วยหรือ?”
“อย่าเป็เหมือนครั้งก่อนเชียวนะ ไปใส่ร้ายคนอื่นเขา สุดท้ายตัวเองกลับถูกขังคุกเสียเอง!”
“แม่เ้าหู่หยาจื่อ บอกพวกเรามาสิ ว่าคุกของศาลาว่าการเป็อย่างไรบ้าง?”
คำพูดพวกนี้ทำให้หลิ่วซื่อโกรธจนตัวสั่น เพราะคุกของศาลาว่าการอำเภอนั้น ถือว่าเป็ฝันร้ายของนาง! แต่กระนั้นนางกลับไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้เลย!
“พวกเ้าอย่าได้ไม่เชื่อคำพูดของข้าเชียว บ้านอวิ๋นโส่วจงกำลังจะเจอเื่ร้าย ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ถูกขังคุกเพียงวันสองวันแน่” พูดจบ นางก็ไม่ซักผ้าต่อ หยิบถังใส่เสื้อผ้าสกปรกเดินกลับบ้าน
บรรดาสะใภ้ที่ซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำหัวเราะเยาะ “เดินช้าๆ หน่อย ระวังจะล้มเอา เ้าไม่มีคนคอยทำงานให้เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ!”
ก่อนหน้านี้ตระกูลอวิ๋นยังไม่ได้แยกบ้านกันอยู่ เคยเห็นคนี้เีอย่างหลิ่วซื่อมาซักผ้าที่ริมแม่น้ำเสียที่ไหน? พอแยกบ้านกันอยู่แล้ว งานบ้านของบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าก็ตกเป็ภาระของนางทั้งหมด มิเช่นนั้น จะให้อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ทำหรือ? เถาซื่อไม่มีทางยอมแน่!
เมื่อหลิ่วซื่อเดินไปไกลแล้ว สะใภ้ปากมากก็เริ่มคาดเดากัน “พวกเ้าว่าบ้านเ้าอวิ๋นโส่วจู่ไปรู้เื่อะไรบางอย่างมาหรือเปล่า? มิเช่นนั้นเหตุใดนางถึงมั่นใจเช่นนี้?”
“ข้าว่านะ ไม่แน่ว่าอวิ๋นโส่วจงอาจจะมีเื่อะไรที่ปิดบังไว้ มิเช่นนั้นเมืองหลวงดีขนาดนั้น ไฉนต้องพาลูกๆ กลับมาอยู่ที่ทุรกันดารเช่นนี้ด้วยเล่า?”
คนที่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันก็คือ เจียงซื่อ ภรรยาของไต้เอ้อร์โก่ว ครอบครัวที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้าน บ้านของพวกเขาไม่มีที่ดินทำกิน ต้องเช่าที่ดินของคนอื่นมาทำกิน แต่ครอบครัวนี้ี้เีกันทั้งบ้าน วันนี้ลงนาไปทำงานพรุ่งนี้ก็หยุดพัก ทั้งปีแทบจะไม่มีผลผลิตอะไรเลย ต่อให้ทั้งสองคนไม่จ่ายค่าเช่า ก็ยังไม่มีข้าวกิน
เมื่อได้ยินว่าบ้านอวิ๋นโส่วจงกำลังหาคนงาน ทั้งยังให้ค่าแรงสูง แถมยังเลี้ยงข้าว ไต้เอ้อร์โก่วก็อยากจะไปสมัคร แต่ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลอวิ๋นรู้จักนิสัยของเขาดี จึงไม่แนะนำเขาให้กับอวิ๋นโส่วเย่า
เมื่อไม่ได้เป็คนงาน เขาก็เริ่มเกลียดชังครอบครัวเหล่านี้ เมื่อกี้พอได้ยินคำพูดของหลิ่วซื่อ เจียงซื่อก็หวังเป็อย่างยิ่งว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็ความจริง เพราะอยากจะเห็นเื่น่าขายหน้าของบ้านอวิ๋นโส่วจง
“ถุ้ย! พูดจามั่วซั่วอะไร? ครอบครัวนั้นเป็มิตรกับทุกคน ไม่เคยดูถูกคนอื่น เพียงเพราะตัวเองร่ำรวย นางหลิ่วซื่อนั่นคงอิจฉาตาร้อน หรือไม่ก็กำลังวางแผนร้ายๆ คิดจะทำร้ายคนอื่น!”
“นั่นสิ หากพูดถึงเื่ไม่ดี ใครในหมู่บ้านเราจะทำเื่ไม่ดีได้มากเท่าพวกเ้าสองผัวเมียกันเล่า?”
ทุกคนต่างโต้เถียงกัน เจียงซื่อกับคนอีกไม่กี่คนสุดท้ายก็ไม่อาจสู้กับเสียงส่วนใหญ่ได้ โต้เถียงไปสองสามประโยคก็กลายเป็ใบ้ไปในที่สุด
แต่ในเวลานี้ กลุ่มเ้าหน้าที่ทางการนำกรงขังนักโทษกับอุปกรณ์ต่างๆ เดินเข้ามาในหมู่บ้าน บรรดาเหล่าสะใภ้ต่างก็วางงานในมือลง มองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นี่เกิดเื่อะไรขึ้นอีก? เหตุใดถึงมีเ้าหน้าที่มาที่หมู่บ้านอีกแล้ว!?”
“นั่นสิ นี่เป็ครั้งที่สองแล้วนะ!”
“ครั้งนี้ยังพาคนมาเยอะกว่าเดิมอีก บ้านไหนไปทำผิดกฎหมายกัน?”
“ข้าว่า หลิ่วซื่อต้องไปรู้อะไรบางอย่างมา จะต้องเป็เื่ของอวิ๋นโส่วจงเป็แน่ นับั้แ่ครอบครัวนั้นมาอยู่ที่หมู่บ้านไหวซู่ เ้าหน้าที่ทางการก็มาจับคนถึงสองครั้งแล้ว”
“นั่นน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะทำให้ฮวงจุ้ยในหมู่บ้านของเราย่ำแย่ลงหรือเปล่า”
“พูดจาเหลวไหลอันใดกัน ไม่รู้อะไรจริงก็พูดพล่ามไปเรื่อย บนใบหน้าเ้ามีปากไว้พูดหรือไว้ตดกันแน่ ตาบอดหรือไง?”
“เอ้า นี่เ้าจะด่าข้าทำไม...”
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ตามไปดูกันเถอะ”
“ใช่ๆ ไปดูกัน!”
ทันใดนั้นทุกคนก็วางงานในมือลง รีบตามเ้าหน้าที่ไปอยู่ไกลๆ ชาวบ้านที่ทำงานอยู่ตามท้องไร่ก็วางเครื่องมือทำกินลง แล้วรีบตามไปเช่นกัน
เ้าหน้าที่กลุ่มนี้ตรงดิ่งไปที่บ้านอวิ๋นโส่วจงอย่างที่หลิ่วซื่อพูดเอาไว้จริงๆ แถมยังนำกรงขังนักโทษมาด้วย
เนื่องจากบ้านของอวิ๋นโส่วจงอยู่ริมถนนใหญ่ ดังนั้นจึงเห็นขบวนเ้าหน้าที่มากมายั้แ่ไกล อาจารย์ตั่งกับอวิ๋นฉี่ซานก็เห็นเช่นกัน ทั้งสองคนละมือจากสิ่งที่ทำแล้วรีบกลับบ้านทันที ท่าทางของเ้าหน้าที่พวกนั้นดูน่ากลัวมาก
จางหลิงที่ได้รับข่าวอยู่ที่หมู่บ้านหยางหลิ่ว ไม่กล้าปิดบังจึงรีบรายงานให้ฉู่อี้ทราบ ฉู่อี้จึงให้เขานำคนไปที่บ้านตระกูลอวิ๋นทันที ประเมินสถานการณ์ หากจำเป็ก็สามารถอ้างชื่อเขาได้
จางหลิงรับคำสั่ง ไม่กล้ารีรอแม้แต่น้อย นำคนมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านไหวซู่ทันที
ส่วนตอนนี้กลุ่มเ้าหน้าที่ทางการก็บุกเข้าไปในบ้านอวิ๋นโส่วจงแล้ว พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ค้นหาข้าวของทุกซอกทุกมุมของบ้าน
เสี่ยวไป๋ที่อวิ๋นโส่วจงจงใจล่ามเอาไว้ ขนรอบคอตั้งชันราวกับเข็มเหล็ก ส่งเสียงขู่ต่ำในลำคอ พยายามจะพุ่งเข้าใส่เ้าหน้าที่ทางการ
“พวกเ้าทำอะไร บ้านข้าเป็ชาวบ้านสุจริต!”
อวิ๋นเจียวเห็นคนรู้จักในกลุ่มเ้าหน้าที่ทางการ ก็คือผู้ดูแลจางจากร้านยาจี้เหรินถัง ตอนนี้เ้าหน้าที่หกนายกำลังคุ้ยค้นทำลายข้าวของในบ้านอวิ๋นโส่วจงราวกับโจร เพียงชั่วพริบตา บ้านทั้งหลังก็พังพินาศยับเยิน แม้แต่ผ้าห่มก็ถูกพวกเขาใช้ดาบฟันจนขาดวิ่น เกลื่อนเต็มลานบ้าน
หีบสมบัติต่างๆ ในบ้านก็ถูกนำออกมาทั้งหมด ก่อนจะถูกฟันจนกุญแจพัง ข้าวของถูกเทกองลงบนพื้น ฝนตกติดต่อกันมาหลายวัน พื้นดินที่ไม่ได้ปูด้วยแผ่นหินจึงเต็มไปด้วยโคลน พวกเ้าหน้าที่เทข้าวของในบ้านอวิ๋นโส่วจงลงบนพื้นอย่างไม่ไยดีราวกับจงใจทำลายข้าวของของพวกเขา ข้าวของดีๆ เปื้อนไปด้วยดินโคลน
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่อวิ๋นโส่วจงก็ยังโกรธจนหน้าแดงก่ำ ฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวก็สีหน้าย่ำแย่
ตุ๊กตากับว่าวพวกนั้นที่ฉู่อี้มอบให้ก็เปียกโคลนไปหมด... รวมถึงดอกไม้ประดิษฐ์ ปิ่นปักผม ล้วนเป็ของดีๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน เสียหายหมดแล้ว
ภาพตรงหน้าทำให้บรรดาชาวบ้านที่มุงดูใ และรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ ของดีๆ หลายอย่าง เป็ของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตด้วยซ้ำ กลับถูกทำลายจนหมดสิ้น! เวรกรรมแท้ๆ!
ตอนที่อาจารย์ตั่งกับอวิ๋นฉี่ซานรีบมาถึง ก็เห็นภาพเช่นนี้ อาจารย์ตั่งเป็คนที่เกลียดชังความอยุติธรรมเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะนิสัยเช่นนี้ เขาก็คงไม่ติดอยู่กับตำแหน่งขุนนางเล็กๆ ในกรมโยธามาตลอดชีวิต ต่อมา เพราะต้องหลีกทางให้กับพวกเส้นสาย จึงลาออกจากราชการพร้อมกับอาจารย์หม่า
เขาเดินออกมาแล้วเอ่ยถาม “พวกเ้ากำลังทำอะไรกัน? ยังมีกฎหมายอีกหรือไม่? กลางวันแสกๆ กล้าบุกเข้ามาในบ้านของผู้อื่น ทำลายข้าวของเช่นนี้ สมควรหรือไม่!”
ผู้ดูแลจางจากร้านจี้เหรินถังได้ยินดังนั้น ก็ชี้หน้าด่า “ตาแก่นี่ หลบไปซะ มิเช่นนั้นข้าจะจับเ้าด้วย!”
หัวหน้าเ้าหน้าที่เป็คนที่เคยชินกับการพบปะผู้คนมากมาย เขาสังเกตเห็นว่าอาจารย์ตั่งบุคลิกไม่ธรรมดา จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจ้องมองผู้ดูแลจางด้วยสายตาเตือน เขาไม่ชอบคนที่อวดดีเช่นนี้ เ้านับว่าเป็ใครกัน ถึงกล้าทำตัวอวดเบ่ง
ผู้ดูแลจางใจนพูดไม่ออก รีบยิ้มแหยๆ ส่งสายตาขอโทษให้กับหัวหน้าคนนั้น
หัวหน้าเ้าหน้าที่เอ่ยขึ้น “ท่านนายอำเภอเตียวมอบหมายให้ทางร้านยาจี้เหรินถังแกะสลักตราประทับส่วนตัว ปรากฏว่าถูกขโมยไป ทางร้านยาจี้เหรินถังแจ้งความว่าในวันที่ตราประทับหายไป เห็นเด็กสาวคนนี้กับพี่ชายของนางบุกเข้าไปในร้านยาจี้เหรินถัง และขโมยตราประทับไป! ข้าได้รับคำสั่งจากใต้เท้าเตียวให้มาค้นหาของกลางที่บ้านของพวกเขา!”