“อย่างไรก็แล้วแต่คำพูดของข้ามีเพียงเท่านี้ เื่การแต่งงานนั้น ข้าไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทำท่าฮึดฮัดแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างกายฮูหยินเยี่ยนเสียเลย จากนั้นก็ปิดปากเงียบ ทำท่าทางอย่างที่ไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไร ข้าก็ไม่ให้สวี่ชิวเยวี่ยแต่งงาน แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะตาต่อตากับมารดาตนจนถึงที่สุด
น่าแปลกนัก… ฮูหยินเยี่ยนในยามนี้รู้สึกสับสนงุนงง ไม่รู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมีลูกไม้อะไรกันแน่ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยถามเสียงเบา “เ้า… เ้าคงไม่ได้นึกเปลี่ยนใจ คิดอยากจะแต่งงานกับเปี่ยวเม่ยของเ้าขึ้นมาหรอกนะ...?”
“ท่านแม่!!!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพองขนด้วยความโมโหในคำพูดของฮูหยินเยี่ยน นางแทบอยากจะะโมอบกำปั้นฮูหยินเยี่ยนสักที ให้นางเข้าใจแจ่มแจ้งเสีย โชคดีที่ฮูหยินเยี่ยนเป็แม่นาง ไม่เช่นนั้นนางก็คงจะยั้งไม่อยู่ ปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว
“เปล่าจริงๆ นะ! อย่างไรก็แต่งไม่ได้ ส่วนเพราะเหตุใด ท่านไม่ต้องไปสนใจหรอก ได้หรือไม่?”
พูดตามตรง ฮูหยินเยี่ยนเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็คนตรงไปตรงมาในตัวของบุตรสาวของตนเป็ครั้งแรก ทว่า ครั้งนี้เหมือนว่าจะมีความจริงอย่างอื่นอีก ถึงอย่างไรเื่นี้ก็เป็เื่ที่ฮูหยินเยี่ยนออกหน้าไปคุยเอง ตอนนี้หากล้มเลิก ความรับผิดชอบก็จะตกมาอยู่บนไหล่ของฮูหยินเยี่ยนไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อเป็เช่นนี้ ฮูหยินเยี่ยนจะไม่สนใจได้อย่างไรกัน น่าเสียดายที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วบุตรสาวผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความลำบากของมารดาตน ยังนึกจะจับคนขึ้นไปย่างบนเตาไฟให้กลายเป็สีเหลืองทองทั้งสองด้าน เอาให้เด็กน้อยข้างบ้านอยากกินจนร้องไห้ไปเลย
ฮูหยินเยี่ยนถอนหายใจหนักหน่วง สองมือทับซ้อนบนหัวเข่าของตน เอ่ยชี้แนะอย่างจริงใจ “อวิ๋นหลิ่วเอ๋ย อวิ๋นหลิ่ว เ้าช่างไม่รู้ความลำบากของแม่เ้าเอาเสียเลย หรือจะบอกว่า เดิมทีเ้าไม่สนใจความลำบากของแม่เลยกัน?!” ไม่รอให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เต็มไปด้วยสีหน้างุนงงได้ตอบสนอง ฮูหยินเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่สนใจรอบข้าง “เื่การแต่งงานนี้ เป็เื่ที่ภรรยาของเ้าเป็คนเสนอกับข้า ตอนนั้นข้าเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ก็ไม่ใช่เพราะฟังคำพูดหว่านล้อมของนางหรอกหรือ...?”
“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเ้าเองก็ดีใจมากด้วยนี่ ข้ายังนึกว่าพวกเ้าสองคนสามีภรรยาจะหาคนดีๆ ให้กับเปี่ยวเม่ยของเ้า จึงรีบไปพูดคุยกับคุณชายจ้าวที่ตระกูลว่าอย่างนั้นอย่างนี้เสียดิบดี หน้าแก่ๆ นี้แม้ไม่ได้ทุ่มไปสุดตัว อย่างน้อยก็ทุ่มเทไปสามส่วนห้าส่วน มายามนี้เ้าบอกว่าไม่แต่งก็ไม่แต่ง ชัดเจนว่าก็ต้องเป็ข้าที่ไปฏิเสธอีก เ้าอยากจะให้แม่ของเ้าโยนใบหน้าแก่ๆ นี้ทิ้งไปเสียให้หมดสิ้นหรือไร?”
พูดตามตรง เมื่อได้ยินฮูหยินเยี่ยนพูดเช่นนี้ ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้สึกปวดร้าวไม่น้อย แต่สถานการณ์ในตอนนี้ คนที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจำเป็ต้องห่วงกังวลนั้น น่ากลัวว่าจะเป็สวี่ชิวเยวี่ย…
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็ห่วงมารดาของตนอย่างไร เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ไม่อาจให้การฝากฝังของสวี่ชิวเยวี่ยถูกทิ้งขว้างลงกับพื้น ถึงอย่างไร... ถึงอย่างไรในใจของนาง ยามนี้สวี่ชิวเยวี่ยถูกทำร้ายและความกระทบกระเทือนที่หนักหนาเช่นนี้แล้ว ตนเองก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบหนึ่งในสาม เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยขอโทษมารดาของตนอยู่ในใจเป็ร้อยรอบ ในที่สุดสองขาก็โค้งงอ คุกเข่าลงกับพื้นดังพลั่ก
ยังไม่หมด แค่คุกเข่าลงกับพื้นยังไม่เท่าไร แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังยื่นมือทั้งสองออกไปจับมือของฮูหยินเยี่ยนเอาไว้อย่างจริงใจอย่างที่สุด “ท่านแม่! ขอร้องท่านล่ะ!”
“ข้ารู้ว่าท่านแม่ห่วงใยรักข้าที่สุด... ท่านก็คิดเสียว่าข้ากำลังทำเพื่อพี่ใหญ่ ดีหรือไม่?”
เห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วน้ำตานองด้วยความอัดอั้นอย่างไม่ได้เห็นบ่อยนักเช่นนี้ ฮูหยินเยี่ยนก็ทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ก็อับจนหนทางด้วยเช่นกัน จึงได้แต่เอ่ย “มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าทางคุณชายจ้าว... อย่างไรก็ต้องมีคำอธิบายให้นะ?”
อธิบาย...? อธิบายอะไร?!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถือโอกาสตัดสินใจไปให้รู้แล้วรู้รอด นางเอ่ยอย่างมุทะลุ “เช่นนั้นข้าต้องไปอัดเขาสักที ตีให้เขาไม่มีทางออกจากบ้านมาเจอใครได้ แล้วเราค่อยไปยกเลิกการแต่งงานตามขั้นตอน ก็นับว่าเป็คำอธิบายที่ไม่เลวแล้ว?!”
...
เมื่อเห็นสายตาที่เหมือนจะอยากกินคนของฮูหยินเยี่ยน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เข้าใจขึ้นมา ที่ตนเสนอขึ้นมานั้นคงไม่นับว่าเป็วิธีอธิบายที่ดีนัก แต่ก็... แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ใช้สมองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ตบต้นขาอย่างนึกได้ ในดวงตาส่องประกายวาววับราวกับยัดเพชรเข้าไปเลยจริงๆ “ข้ารู้แล้ว ข้าออกหน้าไปเองตรงๆ จะถูกพบได้ง่ายเกินไป ไม่เช่นนั้นข้าจ้างคนไปทำร้ายสักสองสามคน? จะต้องไม่เผยพิรุธอะไรออกมาแน่นอน ท่านแม่ว่าใช้ได้หรือไม่...”
ใช้ได้กับผีน่ะสิ… เมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินเยี่ยนแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้ได้ว่านางคงจะอยากพูดคำนี้ เพื่อไม่ให้ก้นของตนต้องโดนตีจนช้ำ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงเอาแต่พอประมาณ เอ่ยพร้อมถอยร่นไปข้างหลังไม่หยุด “เอาเถอะ เช่นนั้นข้าจะกลับไปใคร่ครวญให้ดีว่าควรจะแก้ปัญหานี้อย่างไรกันแน่ จะต้องให้คำอธิบายและคำชี้แจงที่สมเหตุสมผลให้กับท่านแม่และคุณชายจ้าวได้แน่นอน! เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปก่อนนะท่านแม่ ลาก่อนเ้าค่ะ~”
พูดจบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วราวหมอกควัน
“รีบร้อนวิ่งอะไรขนาดนั้น... นี่...” ยังไม่ทันถึงห้อง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็พบกับเยวี่ยเจาหรานที่ออกมาเดินเล่นระหว่างทาง ก่อนจะดึงตัวเยวี่ยเจาหรานที่ยังสับสนงุนงงเดินไปโดยไม่พูดไม่จา
เยวี่ยเจาหรานที่ตะบึงอย่างบ้าคลั่งตามเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไปตลอดทางไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ พลันเริ่มเห็นท่าไม่ดี อย่างไรเสีย... อย่างไรเสียั้แ่ตนปลอมตัวเป็สตรีมา ก็ไม่ได้วิ่งอย่างเอาเป็เอาตายเช่นนี้มานานมากแล้ว
จะว่าไป… ร่างกายของตนก็ยังมีาแอยู่ไม่ใช่หรือ? วิ่งสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ได้หรือ?!
เยวี่ยเจาหรานที่เก็บกลั้นคำกล่าวโทษต่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไว้ในใจ ในที่สุดก็มองเห็นความหวังที่จะหยุดลงได้ ทว่า อาจเพราะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววิ่งเร็วเกินไป ตอนที่เยวี่ยเจาหรานเพิ่งจะได้เห็นความหวัง ยามนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหยุดนิ่งเสียแล้ว
เมื่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหยุดฝีเท้าลงโดยไม่คาดคิด เยวี่ยเจาหรานจึงกระแทกเข้าเต็มรัก ถึงแม้หน้าผากของตนจะเจ็บอยู่บ้าง แต่ดูท่าทางแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคงจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเป็แน่
“นี่เ้าจะคิดจะทำอะไรกันแน่” เยวี่ยเจาหรานลูบหน้าผากที่เ็ปเล็กน้อยของตน สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความงุนงงเหมือนยังไม่ตื่นนอน เขาถามเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่อยู่ตรงหน้าไม่หยุดว่าเกิดเื่แปลกประหลาดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่บุ่มบ่ามมุทะลุอยู่เสมอ…
บุ่ม! บ่าม! วู่! วาม! ถึงขนาดนี้!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหอบหายใจอย่างยากลำบาก แล้วจึงเอ่ยขึ้น “ก็… ก็เป็เื่ของสวี่ชิวเยวี่ยนั่นแหละ... เ้าไม่รู้อะไรเสียเลย เมื่อครู่ตอนที่ข้าโกหกต่อหน้าท่านแม่ แม้แต่ดวงตาของท่านแม่ข้าก็ยังไม่กล้ามองเลย! ทำข้าเครียดแทบแย่!”
ที่แท้คุณหนูใหญ่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลัวการโกหกหรือ? เหตุใดข้าถึงดูไม่ออกกันนะ เยวี่ยเจาหรานลูบคลำปิ่นดอกไม้ที่วิ่งจนโย้เย้ของตนอย่างเชื่องช้า พร้อมกับคิดเช่นนั้นในใจ แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากพูดออกมาตรงๆ ถึงอย่างไร... ถึงอย่างไรชีวิตก็สำคัญกว่าไม่ใช่หรือ?
เยวี่ยเจาหรานผู้ปิดบังความคิดที่แท้จริงของตนไม่กล้าว่าอะไรต่อ เพียงแค่เอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ “เช่นนั้น… เื่นี้แม่เ้าวางแผนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร?”
