เจิ้งเฉวียนกังร้อนใจทันทีที่ได้ยินสหายผู้พี่กล่าวเช่นนั้น รีบแก้ตัวให้เฝิงเจี้ยนเหวินเป็พัลวัน “เป็ไปไม่ได้หรอกครับ พี่ไม่รู้อะไร เจี้ยนเหวินของพี่มีน้ำใจนะ เขียนจดหมายหาเจิ้งหยวนตั้งสองรอบ ล่าสุดยังส่งของเยอะแยะมาให้ด้วยครับ” พอพูดแล้ว เจิ้งเฉวียนกังก็มีความสุขไม่น้อย นี่เป็ครั้งแรกที่มีลูกเขยเอาอกเอาใจเขาขนาดนี้ ลูกเขยคนโตนั่นไม่มีกะจิตกะใจทำแบบนี้เลย แต่งลูกสาวเขาไปตั้งหลายปี แต่กลับหายเงียบไม่เคยส่งของมาให้เขาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
“เขาส่งของมาให้นายด้วยเหรอ?” เฝิงชางหย่งประหลาดใจมากเมื่อได้ยิน เอาใจพ่อตาแบบนั้น...
เป็สิ่งที่ลูกชายเขาทำจริงหรือ?
“จริงสิครับ” เจิ้งเฉวียนกังพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาส่งเสื้อโคตทหารมาให้ผมด้วย เฮ้อ เ้าเด็กคนนี้ส่งอะไรมาไม่รู้ เปลืองเงินออก” เขาไม่ได้ตั้งใจจะอวดเฝิงชางหย่ง เขาแค่ดีใจที่ตนเองได้ลูกเขยเช่นนี้เลยอยากเอ่ยชมเฝิงเจี้ยนเหวินเสียหน่อย
เฝิงชางหย่งเองมีสีหน้าปลื้มใจ ก่อนหน้านี้เขายิ่งกว่ากังวลเสียอีก จำได้ดีว่า่แรกๆ ที่ส่งจดหมายเร่งลูกชายให้กลับมาแต่งงาน เขาดูไม่พอใจการแต่งงานคราวนี้มาก ทำท่าทางรังเกียจเจิ้งหยวนว่าเป็เด็กน้อย แถมยังบอกว่าเขาไม่อยากกลับบ้านไปดูแลเด็กแทนสกุลเจิ้ง แม้เขาจะยอมรับงานแต่งอย่างไม่เต็มใจในภายหลังก็เถอะ แต่ความจริงเฝิงชางหย่งก็ยังวิตกกังวลอยู่เสมอ กลัวลูกชายจะไม่ใช้ชีวิตปกติสุขกับสาวเ้าจนเด็กสาวอัดอั้นตันใจ คนในหมู่บ้านต่างบอกว่าเด็กเจิ้งหยวนคนนี้นิสัยเสียนัก เขาไม่รู้สึกแย่สักนิดตอนรู้เื่ เขาตระหนักดีว่านิสัยลูกชายตนเองเป็เช่นไร และหวังด้วยซ้ำว่าจะได้ลูกสะใภ้ที่บุคลิกแข็งกร้าว สามารถควบคุมลูกชายได้ยิ่งดี
เขาดีใจที่รู้ว่าลูกชายรู้จักส่งของให้บ้านพ่อตาแม่ยายจนบรรยายออกมาไม่ถูก แม้เมื่อก่อนลูกจะไม่เคยส่งของมาให้เขา แต่เื่นี้มันบ่งบอกว่าลูกชายให้ความสำคัญกับงานแต่ง และยังยอมทุ่มเทความจริงใจเพื่องานแต่งงานครั้งนี้ด้วย
เฝิงชางหย่งหัวเราะร่วน “เปลืองเงินอะไรกัน เขามีเงินเดือนของตัวเอง นอกจากส่งเงินสิบหยวนให้ครอบครัวทุกเดือนแล้ว ที่เหลือก็เก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง เขาไม่มีที่ให้ใช้เงิน ถ้าส่งของมาให้ นายรับไว้ก็พอแล้ว เขาไม่ได้ขัดสนอะไรหรอก”
“ก็ไม่น่ามือเติบขนาดนั้นอยู่ดี!” เมื่อนึกถึงเงินถึงห้าสิบหยวนที่เฝิงเจี้ยนเหวินส่งให้เจิ้งหยวน
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจำเป็ต้องใช้เงินจำนวนนั้นซื้อของอะไร
แต่เขาบอกเฝิงชางหย่งเื่นี้ไม่ได้ พูดไปก็กลัวชิ่งเจียจะไม่พอใจเอา
มีใครยินดีที่ลูกชายตัวเองให้เงินลูกสาวบ้านอื่นใช้จ่ายเยอะขนาดนั้นบ้างเล่า
“ต่อไปถ้าลูกสาวนายแต่งเข้ามา ก็ให้เจิ้งหยวนคุมเขาสิจะได้ไม่ถลุงเงินซี้ซั้ว!”
เจิ้งเฉวียนกังไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ได้แต่คิดในใจว่า อย่าเลย ลูกสาวเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก!
พูดถึงตรงนี้เขาก็อดห่วงเจิ้งหยวนกับลูกเขยในอนาคตไม่ได้ สุรุ่ยสุร่ายกันทั้งคู่ ต่อไปจะอยู่กันอย่างไรล่ะ? เขาอยากบอกความจริงกับเฝิงชางหย่งใจจะขาด
แต่กลัวว่าหากเอ่ยตามตรงสกุลเฝิงจะเสียใจภายหลัง
ดีร้ายอย่างไรเจิ้งหยวนก็เป็ลูกสาวแท้ๆ ของเขา หากเฉินชุ่ยอวิ๋นรู้เื่เข้า
คงมีทะเลาะบ้านแตกกันอย่างแน่นอน
เวลานี้เจิ้งเฉวียนกังน้ำท่วมปาก แม้จะแยกกับเฝิงชางหย่งแล้ว ก็ยังไม่ได้คายความจริงออกมา
เฮ้อ ทำไมเขามีลูกสาวน่าเป็ห่วงขนาดนี้นะ? อยากยัดเธอกลับเข้าท้องแล้วให้เฉินชุ่ยอวิ๋นคลอดใหม่เสียจริง!
ด้านฝั่งที่อยู่ในโรงพยาบาล หนิวหนิวงอแงหาคุณพ่อคุณแม่ ทั้งร้องไห้และโวยวาย เจิ้งหยวนปลอบอย่างไรก็ไม่สงบ จวนจะไม่ไหวอยู่แล้ว เจิ้งเฉวียนกังก็ไม่อยู่บ้าน เธอเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เทียนเลี่ยงพาซิงซิงเล่น และอุ้มเด็กน้อยไปโรงพยาบาลด้วย ส่วนเฝิงิเยว่ทำงานอยู่ ฉะนั้นในโรงพยาบาลจึงเหลือเพียงเฉินชุ่ยอวิ๋น เจิ้งเทียนิ และเจิ้งเจวียน รวมตัวเธอแล้วสี่คนถ้วน
อาการป่วยของเฉินชุ่ยอวิ๋นดีขึ้นมากแล้ว ใบหน้าเริ่มมีเืฝาด พอเห็นหนิวหนิว
เธอก็อ้าแขนรับหลานตัวน้อยไปอย่างมีความสุข
ในขณะที่เจิ้งเทียนิเหลือบมองเจิ้งหยวนแทบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้
เขาอยากรู้สุดๆ ว่าภารกิจคืนก่อนของเจิ้งหยวนเป็อย่างไรบ้าง เขากังวลมาทั้งคืน แต่สุดท้ายคนที่มาส่งอาหารเช้าดันเป็เจิ้งเจวียนแทนเสียได้ เขาไม่ได้ถามคำถามที่มีมากมายจนแทบล้นอกออกไป แค่เลียบๆ เคียงๆ ถามนิดหน่อยเท่านั้น เจิ้งเจวียนก็บอกเพียงว่าเธอไม่รู้อะไรเลย เมื่อคืนเธอเข้านอนเร็ว
กว่าเจิ้งหยวนที่เฝ้าคอยจะมา เขาต้องได้ถามในสิ่งที่อัดอั้นจนอกจะะเิแล้วสิ
เจิ้งหยวนเข้าใจว่าเขาอยากรู้อะไร เื่นี้น่ะ เธอไม่อยากเอ่ยปากบอกเองเลยจริงๆ อย่างไรเสีย เธอก็เป็คนเปลื้องผ้าเจิ้งเทียนหู่จนเกลี้ยง แต่เจิ้งเทียน
ิไม่รู้วันนี้ ช้าเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี
และถึงตอนนั้นเธอน่าจะโดนคาดโทษหนักว่าเดิมด้วย
“อะแฮ่ม...” เจิ้งหยวนแสร้งกระแอมไอ “ฉันจะบอกให้ เมื่อเช้ากองของพวกเราเกิดเื่แปลกๆ ขึ้นละ”
เจิ้งเทียนิพยักหน้าเป็สัญญาณให้เธอพูดต่อ
เฉินชุ่ยอวิ๋นเองก็หันมามอง
เจิ้งหยวนลูบจมูกเบาๆ พลางว่า “ตอนเช้า ฉันเพิ่งทำอาหารเสร็จก็ได้ยินคนะโข้างนอกว่ามีคนตายน่ะ”
เจิ้งเทียนิพลันใจเต้นระรัว เขากลัวเจิ้งหยวนจะทำคนตายจริงๆ
“ฉันก็เลยตามไปมุงดูด้วย ไปแล้วถึงรู้ว่าไม่มีใครตายหรอก พวกเธอยังจำกระท่อมมุงหญ้าเก่าผุพังตรงตีนเขาได้ไหม ที่ว่ากันว่ามีผีเฮี้ยนน่ะ เมื่อคืนก่อนเหมือนจะมีผีอาละวาดจริงๆ แล้ว พวกเธอไม่รู้อะไร มีตัวอักษร ‘สี่’สีแดงตัวเบ้อเริ่มเขียนไว้ข้างนอกกำแพง ได้ยินคนบอกว่าข้างในมีเขียนอีกเยอะแยะเลยละ แถมเตียงดินกลางบ้านยังมีผู้ชายโดนเปลื้องผ้าอยู่ด้วย คนในหมู่บ้านลือกันว่าเป็ ‘เ้าบ่าวผี’ ที่ผีสาวเลือกน่ะ”
“พระเ้าช่วย!” เฉินชุ่ยอวิ๋นได้ยินแล้วก็รู้สึกว่า มันเป็เื่ที่แปลกและพิสดารมาก
และเมื่อเธอลองจินตนาการดูก็โดนหลอกเข้าเต็มเปา “สรุปแล้วมีผีจริงๆ เหรอ?”
แต่เจิ้งเทียนิกับเจิ้งเจวียนไม่เหมือนกัน พอได้ยินเจิ้งเจวียนยังดีหน่อย แค่ใเื่ที่พี่สาวเธอแก้ผ้าลูกพี่ลูกน้องชายเท่านั้น ถึงขนาดนับถือพี่สาวเล็กน้อยด้วย พี่สาวเธอสมเป็คนทำการใหญ่อย่างแท้จริง! ส่วนเจิ้งเทียนิโกรธจนแทบจะลุกขึ้นมาฟาดน้องสาวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด
“แกนี่มัน…” เขากัดฟันกรอด หากไม่ใช่เพราะเฉินชุ่ยอวิ๋นยังอยู่ เขาต้องด่ากราดเธอแน่! เก่งเหลือเกินนะ กล้าถอดกระทั่งเสื้อผู้ชายเนี่ย!
เจิ้งหยวนไม่กล้าสบตาเจิ้งเทียนิ เพียงเอ่ยกับเฉินชุ่ยอวิ๋นท่ามกลางสายตาอัน ‘ร้อนแรง’ ของผู้เป็พี่ชาย “แม่ แม่รู้ไหมว่าคนที่โดนผีสาวเลือกเป็เ้าบ่าวคือใคร? เป็เจิ้งเทียนหู่ ลูกพี่ลูกน้องฉันเองเนี่ยแหละ!” เจิ้งหยวนเล่าความจริงด้วยน้ำเสียงใเกินจริง “คุณพระช่วย
แม่ไม่รู้หรอกว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งร้องไห้อย่างกับอะไร” เธอว่า
ก่อนแค่นเสียงหัวเราะเสียดสี“ตามความเห็นฉัน คนอย่างญาติผู้พี่ฉันน่ะ
แต่งกับสาวบ้านไหนก็ซวยคนอื่นเขา คราวนี้แต่งเ้าสาวผีก็ไม่มีอะไรไม่ดีนะ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นกำลังใ แต่พอได้ยินบุตรสาวพูดจาไม่รู้กาลเทศะพลันโกรธจนเงื้อมือฟาดหลังเธอไปหลายฉาดใหญ่ “เด็กบ้าพูดอะไรเนี่ย นั่นญาติผู้พี่แกนะ! คนได้ยินเข้าจะแย่เอา”
เพราะเฉินชุ่ยอวิ๋นตีไม่เจ็บ เจิ้งหยวนจึงหัวเราะคิกคัก ยิ้มไปยิ้มมาก็ทำเฉินชุ่ยอวิ๋นหัวเราะตามไปด้วย แม้เฉินชุ่ยอวิ๋นจะกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ห่วงเจิ้งเทียนหู่หรือครอบครัวลุงใหญ่เจิ้งเท่าไรนัก บ้านพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเธอ เมื่อก่อนพวกเขามักเอาเปรียบบ้านเธอบ่อยๆ แค่เธอไม่ได้มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นก็ดีถมเถแล้ว เธอแค่ห่วงเจิ้งเฉวียนกัง เธอรู้ว่าเจิ้งเฉวียนกังให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก มาคราวนี้บ้านลุงใหญ่เกิดเื่น่าขายหน้าขึ้น ไม่รู้จะกลุ้มใจขนาดไหน
หลังจากนั้นไม่นาน เพราะเฉินชุ่ยอวิ๋นไปเข้าห้องน้ำ เจิ้งเทียนิถึงมีโอกาสคุยกับเจิ้งหยวนตามลำพัง เจิ้งหยวนอยากหลบ แต่หลบไม่ทัน
เจิ้งเทียนิจับใบหูของเธอบิดอย่างแรง ก่อนเอ่ยเสียงต่ำลอดไรฟัน “เ้าลูกกระต่าย แกทำอะไรลงไป? แกกล้าถึงขั้นถอดเสื้อผู้ชายเลยเหรอ!”
“โอ๊ยๆๆ เจ็บๆๆ” เจิ้งหยวนปกป้องหูตัวเองและเอียงคอพูดว่า “นั่นไม่ใช่ผู้ชายคนอื่นเสียหน่อย เป็ญาติผู้น้องของพี่ ญาติผู้พี่ของฉัน ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น สมัยเด็กใครไม่เคยเห็นของใครบ้าง?”
เจิ้งเทียนิเหยียดยิ้มเย็นเยียบ “มีเหตุผลกับแกน่ะสิ?”
เธอจำได้ไหมว่าตัวเองเป็เด็กสาวยังไม่แต่งงานน่ะ? ฮะ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้