ภายในถ้ำมืดสนิท ไอิญญารุนแรงมาก ก่อให้เกิดผลึกน้ำแข็งหนาขึ้นที่ผนังถ้ำโดยรอบ
เสิ่นเสวียนเดินเข้าไปในนั้นอย่างระมัดระวัง สอดส่องอันตรายที่แอบแฝงอยู่ตลอดเวลา
ในยมโลก พลังยุทธ์ต่ำสุดคือขั้นหยวนก่อกำเนิด ซึ่งเป็อันตรายต่อเขาในตอนนี้มากขนาดไหนแค่คิดก็พอจะรู้ได้ ครั้งนี้เขา้าตามหาทางเข้ายมโลกเท่านั้น ไม่ได้จะเข้าไปจริงๆ
ตราบใดที่เจอทางเข้าแล้ว ภายหน้ายังมีโอกาสเข้าไปอย่างแน่นอน
ไม่กล่าวไม่ได้เลยว่าไอพลังของงูหน้าผีแข็งแกร่งมาก ในแดนิญญาแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็อันดับหนึ่ง มีไอพลังของมันปกคลุมร่างเอาไว้ เสิ่นเสวียนเจอกับสัตว์วิเศษที่แข็งแกร่งถึงสามตัวแต่ก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น หนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นหกแล้วด้วยซ้ำ ทว่ามันไม่กล้าจู่โจมใส่เขา
สำหรับพวกมันแล้ว การมีชีวิตต่อไปในแดนิญญาคือสิ่งสำคัญที่สุด หากไม่จำเป็จริงๆ พวกมันไม่มีทางทำให้ตนเองาเ็อย่างเด็ดขาด หากต้องลงมือคือสังหารในกระบวนท่าเดียว ไม่มีทางต่อสู้กันยืดเยื้อเป็อันขาด เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่มีพลังต่อกรกับงูหน้าผี จึงเลือกที่จะล่าถอยไป
เสิ่นเสวียนใช้พลังจิติญญาสำรวจเส้นทางเข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็เจอต้นกำเนิดของไอิญญา เมื่อััได้ถึงจุดต้นกำเนิดนี้เสิ่นเสวียนรู้สึกดีใจมาก เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วลึกเข้าไปในถ้ำ
ตลอดทางเขาเดินผ่านมาได้อย่างราบรื่น กระทั่งมาถึงสถานที่เสาะหาจิติญญา
สีฟ้า!
ที่แห่งนี้มีม่านสีฟ้าขนาดใหญ่ขวางหน้าอยู่
ม่านสีฟ้าผืนนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน และยังมีน้ำแข็งก่อตัวขึ้นรอบๆ อีกด้วย
“ปิดผนึกเอาไว้แ่ายิ่งนัก”
เสิ่นเสวียนมองม่านสีฟ้าตรงหน้าพลางถอนหายใจ
เขาเคยเห็นผนึกของยมโลกมาก่อน พลังผนึกของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรยังเทียบกับที่นี่ไม่ได้แม้แต่ครึ่งเดียว คิดจะทำลายผนึกนี้ไม่ใช่เื่ง่าย
อย่าว่าแต่ขั้นหยวนก่อกำเนิดเลย แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นะอยากจะทำลายผนึกนี้ยังเป็เื่ยาก
“ไม่แปลกใจเลย พลังฟ้าดินของที่นี่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ จะมีผนึกเช่นนี้อยู่ก็ไม่แปลกอะไร”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า ในเมื่อเจอจุดหมายที่้าแล้วก็ไม่มีความจำเป็ต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก เขาจึงหันหลังแล้วเดินกลับออกไปทางเดิม
ทว่าในพริบตาที่เขาหันหลัง มีแรงดึงดูดปรากฏขึ้นภายในม่านสีฟ้าด้านหลัง กระชากร่างของเขาเข้าไป
ฟ้าดินหมุนวน ภาพเบื้องหน้ามีแต่สีฟ้า ไม่รู้ว่าต้องเคว้งคว้างอยู่นานเท่าไร ร่างกายเหมือนเสียการทรงตัวไป จากนั้นก็หล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
ตุบ!
ร่างของเสิ่นเสวียนร่วงหล่นจากที่สูงลงไปบนพื้นดำมืด
“นี่คือ?”
เสิ่นเสวียนยังคงมึนงง เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เขาหันหลังจะออกจากถ้ำแล้วก็โดนดูดเข้ามาที่นี่
ที่นี่คือที่ไหน
“ยมโลกอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนประคองร่างที่เ็ปให้ลุกขึ้นยืน แล้วมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
ไอพลังมิติหนาแน่นอยู่รอบๆ และยังมีไอิญญาล่องลอยอยู่ในอากาศ คล้ายกับยมโลกเป็อย่างมาก
“ท่านเซียนสายตาเฉียบแหลม”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูของเสิ่นเสวียน
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เสิ่นเสวียนรู้สึกเครียดขึ้นมาฉับพลัน ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นแก่นทองคำระดับต้นเท่านั้น ในเมืองอวี่ฮว่าอาจไม่เลวนัก แต่กลับเปราะบางมากเมื่อเทียบกับที่อื่น
เ้าของเสียงนั้นหาใช่คนที่เขาจะก้าวล่วงได้ในตอนนี้
พลังเสียดแทงและพลังทำลายล้างที่ผสมผสานอยู่ในน้ำเสียงนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีพลังอยู่ในขั้นะแล้ว
และนี่ยังเป็การประเมินแบบเข้าข้างตนเองอีกด้วย
แต่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายแล้ว แม้เขาจะตื่นใ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็ไม่มีอะไร
“นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของเ้าอย่างนั้นหรือ ไม่กล้าเปิดเผยแม้แต่ใบหน้าของตนเอง”
เสิ่นเสวียนกล่าวจบแล้ว ทุกอย่างกลับเงียบสงัด
แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านเซียนอย่าได้แปลกใจ การเปิดเผยตัวตนของข้าน้อยต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง”
ระหว่างที่เสียงนั้นกล่าว ร่างเงาสูงใหญ่ค่อยๆ หลอมรวมเป็รูปร่างขึ้นเบื้องหน้าเสิ่นเสวียน
ร่างสูงราวหนึ่งจั้งปรากฏขึ้น เขามีร่างเป็มนุษย์ มีหัวเป็ม้า ในมือถือสามง่ามเอาไว้ ทั่วทั้งร่างมีไอพลังสีดำแผ่กระจายออกมา
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ทำให้ไอพลังของเสิ่นเสวียนหดหายไปทันที
“เ้าคือ...หม่าเมี่ยน?[1]”
เสิ่นเสวียนมองคนตัวใหญ่ตรงหน้า เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างไม่มั่นใจนัก
“ท่านเซียนยังจำข้าน้อยได้ ข้าน้อยรู้สึกโชคดีไปทั้งสามชาติ!”
เมื่อได้ยินว่าเสิ่นเสวียนจำตนเองได้ ทำให้หม่าเมี่ยนรู้สึกดีใจเหมือนเด็กสามขวบ เพราะรูปร่างของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากเลยทีเดียว
เสิ่นเสวียนไม่ได้ผ่อนคลายลงเพราะท่าทางของอีกฝ่าย อย่าเห็นว่าทางนั้นส่งยิ้มมาให้แล้วจะวางใจได้ ในตอนนั้นที่เขาก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น เหมือนจะโจมตีโดนอีกฝ่ายครั้งหนึ่งโดยไม่ทันได้ระวัง ตอนนี้พลังของพวกเขาต่างกันขนาดนี้ หากอีกฝ่ายคิดจัดการเขา เขาไม่มีทางหนีรอดไปได้เลย
วิธีเดียวที่มีคือเข้าไปซ่อนในมิติของผังเมืองซานเหอ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผล
ผู้มีพลังขั้นะคนหนึ่ง มีนับร้อยวิธีที่จะบดขยี้ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นแก่นทองคำคนหนึ่ง
“ข้าน้อยรับคำสั่งจากท่านอู๋ฉางให้เข้ามาช่วยเหลือท่านเซียน”
หม่าเมี่ยนก้มหัวให้เสิ่นเสวียนด้วยท่าทีของความภักดี
“ท่านอู๋ฉางััได้ว่ามีคนใช้ท่าร่างของเขาทำสิ่งชั่วร้ายต่อท่านเซียน แต่ท่านอู๋ฉางไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงสั่งให้ข้าน้อยมาช่วยท่านเซียนเป็พิเศษ”
“นับว่าเ้านั่นยังมีน้ำใจอยู่บ้าง เ้าจำได้ไหมว่าข้าคือใคร”
“จำได้ ชื่อเสียงของท่านเซียนเลื่องลือไปสามโลก ใครๆ ต่างรู้จัก”
“เ้ายังจำได้ไหมว่าแต่ก่อนข้าเคยโจมตีเ้ามาก่อน”
“ข้าจำได้ ได้โดนท่านเซียนโจมตีนับเป็เกียรติของข้าแล้ว และหลังจากที่โดนโจมตีทำให้ข้าน้อยได้รับโอกาสและโชค เลื่อนขั้นเป็เซียนิญญา”
ได้ยินเสิ่นเสวียนกล่าวเช่นนี้ทำให้หม่าเมี่ยนพูดไปเรื่อย และหลังจากครั้งนั้น หนิวโถว[2] ก็มิอาจลืมตาอ้าปากได้อีกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ผ่านมาเจ็ดร้อยปีแล้ว หนิวโถวเพิ่งเลื่อนขั้นเป็เซียนิญญาได้สำเร็จ กล่าวได้ว่าที่เขากลายเป็เซียนิญญาได้นั้นเกี่ยวข้องกับเสิ่นเสวียนโดยตรง
เมื่อได้ยินคำของหม่าเมี่ยน เสิ่นเสวียนเชื่อสามส่วนสงสัยอีกเจ็ดส่วน ด้วยนิสัยของเขาแล้ว เขาไม่มีทางรู้สึกดีต่อคนที่โจมตีตนเองอย่างเด็ดขาด
โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตในยมโลก ที่แต่ละคนเสาะแสวงหาแต่การแก้แค้น
เขายังจำได้ชัดเจนว่าตอนนั้นตนเองเข้ามาขโมยดอกบัวเจ็ดสีของราชันตี้ฉางแห่งยมโลก แล้วโดนเ้านั่นเรียกพญายมทั้งสิบมาไล่ล่าเขาถึงสามร้อยปี
สุดท้ายเขาต้องใช้ศาสตราเซียนขั้นสูงชิ้นหนึ่งชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แม้แต่เบื้องบนยังเป็แบบนี้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเบื้องล่างเลย
“ข้าน้อยยอมติดตามท่านเซียน เพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่”
เห็นเสิ่นเสวียนยังไม่ค่อยเชื่อตนเอง หม่าเมี่ยนจึงคุกเข่าลงตรงหน้าของเสิ่นเสวียน แต่แม้ว่าเขาจะคุกเข่าลงไปแล้ว ด้วยร่างที่ใหญ่โตทำให้หัวยังคงสูงกว่าเสิ่นเสวียนอยู่ไม่น้อย ทว่ากลับทำให้เสิ่นเสวียนมองเห็นความจริงใจในแววตาของเขา
ความจริงใจนี้อาจคงอยู่ไม่นาน แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน และอีกอย่าง มีผู้ช่วยมาเพิ่มเช่นนี้โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย รับเขาไว้ก็แล้วกัน
“เห็นแก่ความจริงใจของเ้า ข้าจะเชื่อในตัวเ้า แต่ร่างอวตารของเ้ามิอาจออกจากยมโลกได้ใช่ไหม”
“แม้ข้าน้อยออกไปไม่ได้ แต่ข้าน้อยจะค่อยๆ เคลื่อนย้ายร่างจริงมาที่นี่ ส่วนนี่คือยันต์เรียกตัวของข้าน้อย ก่อนที่ร่างจริงของข้าจะมาถึงท่านสามารถเรียกข้าได้สามครั้ง ไม่ว่าท่านเซียนจะอยู่ที่ใดในโลกนี้ เพียงแค่เรียกข้าน้อยจะปรากฏตัวขึ้นทันที”
หม่าเมี่ยนเหมือนจะเตรียมการทุกอย่างมาเป็อย่างดี รอเพียงแค่เสิ่นเสวียนติดกับเท่านั้น แล้วเขาก็ส่งมอบยันต์ิญญาขนาดเท่าฝ่ามือให้เสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนรับแผ่นยันต์มาพลางพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ท่านเซียน้าสั่งสิ่งใดอีกหรือไม่ หากข้าน้อยทำได้จะไปจัดการอย่างแน่นอน”
หม่าเมี่ยนดีใจเป็อย่างมาก เขารู้ดีถึงกำลังแฝงของเสิ่นเสวียน ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจทำให้เขาก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวะโได้จริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยข้าหลอมรวมสิ่งนี้แล้วกัน”
ระหว่างที่กล่าว คลื่นพลังมิติสั่นะเือยู่ใจกลางฝ่ามือของเสิ่นเสวียน แล้วหลินจือโมราก็ปรากฏขึ้น
...............................................................
[1] หม่าเมี่ยน เป็ยมทูตในตำนานของชาวจีน มีร่างเป็คน หัวเป็ม้า มือถือตะขอเหล็กและโซ่ บางครั้งก็ถือสามง่ามเป็อาวุธ มักปรากฏตัวคู่กับหนิวโถว
[2] หนิวโถว เป็ยมทูตในตำนานของชาวจีน มีร่างเป็คน หัวเป็วัว มีอาวุธคือง้าว สามง่าม และโซ่