ตอนนั้นเจิ้งป๋อหยวนยังยืนอยู่ข้างทะเลสาบ ในทะเลสาบมีแม่นางกำลังดิ้นรนร้องขอให้ช่วย เริ่มแรกเหล่าป้าๆ ที่ซุ่มอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบก็รีบะโลงไปช่วยนางในน้ำ ต่อมาฮูหยินคนใหม่ของผิงซีโหวเย่ที่อ้างว่าปวดท้องหลังจากทานข้าว จึงพาฮูหยินที่มีความสัมพันธ์ที่ดีนกับจวนผิงซีโหวออกมาเดินเล่น จากนั้นค่อยไปชักชวนให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนตามออกมาด้วยกัน
ทหารม้าจากหลายที่มาเจอกันที่ข้างทะเลสาบ พี่สะใภ้ของแม่เลี้ยงเห็นลูกสาวของตนเองถูกคนช่วยขึ้นมาจากน้ำก็ร้องไห้พร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปหา เสี่ยวเฉินซื่อมองเจิ้งป๋อหยวนที่ทำสีหน้าเย้ยหยัน นางสงบสติก่อนจะเอ่ยปากถาม “หยวนเกอ นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น?”
เจิ้งป๋อหยวนทำความเคารพเสี่ยวเฉินซื่อ พร้อมเอ่ย “ท่านแม่ ข้าขออภัยจริงๆ ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวท่านนี้เห็นข้าก็รั้นจะพุ่งเข้าหาข้าให้ได้ ถึงแม้พวกเราจะเป็ญาติกัน แต่ว่าอย่างไรก็อายุสิบกว่าปีแล้ว หากจะให้พี่สาวมาััตัวข้า ก็คงจะพูดได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก เมื่อไม่มีวิธีแก้ ข้าจึงเบี่ยงตัวหลบ ผู้ใดจะไปรู้ว่าท่านพี่จะตกลงไปในทะเลสาบ ข้ารู้ว่าน้ำมันไม่ลึก บวกกับใกล้ๆ ยังมีสาวใช้คอยเฝ้าดูอยู่ จึงมิได้ลงน้ำไปช่วยขอรับ ท่านแม่ นี่ก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของท่านพี่ ข้าไม่สามารถเอาความคิดที่อยากจะช่วยคนของตนเองแล้วทำให้ชื่อเสียงท่านพี่เสื่อมเสียได้ขอรับ”
เจิ้งป๋อหยวนพูดอย่างมีเหตุมีผล เหล่าฮูหยินข้างกายเสี่ยวเฉินซื่อเป็ฮูหยินที่มีอำนาจดูแลเรือนต่างๆ ล้วนเป็จิ้งจอกพันปีกันทั้งนั้น เมื่อเจิ้งป๋อหยวนพูดจาเช่นนี้ออกมาที่นี่ ยังจะมีผู้ใดไม่เข้าใจอีกหรือว่าภายในนั้นมีความหมายว่าอย่างไร?
แล้วก็มีคนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ มีคนหนึ่งพูดปลอบใจ เสี่ยวเฉินซื่อคิดไม่ถึงว่าแผนที่วางมาอย่างดีจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ในใจอยากจะฉีกกระชากเจิ้งป๋อหยวน แต่ว่าก็ทำได้แค่กล้ำกลืนความโกรธลงไป
ความจริงแล้วเสี่ยวเฉินซื่อกับผิงซีโหวเย่นั้นแอบมีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว แต่ว่าเป็ท่านปู่ท่านย่าของผิงซีโหวเย่เป็ผู้กำหนดตัวต้าเฉินซื่อให้แต่งงานกัน แต่ผิงซีโหวเย่กลับรักเสี่ยวเฉินซื่อั้แ่ครั้งแรกที่เห็น
สิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบ ความจริงแล้วล้วนเป็การรออีกฝ่ายมานาน ถึงแม้สกุลเฉินจะเป็ตระกูลนักปราชญ์ แต่ก็แบ่งแยกบุตรภรรยาเอกกับอนุออกจากกันอย่างชัดเจน ั้แ่ยังเล็กต้าเฉินซื่อได้รับการสั่งสอนให้เป็ภรรยาเ้าตระกูล ส่วนเสี่ยวเฉินซื่อนั้นกลับถูกสั่งสอนแบบภรรยาครอบครัวคนธรรมดา แต่อนุมารดาของเสี่ยวเฉินซื่อจนถึงตัวเสี่ยวเฉินซื่อเอง ต่างเป็คนที่ความทะเยอทะยานสูง หลังจากต้าเฉินซื่อแต่งงานออกไปแล้วกลับมาในวันที่สาม เสี่ยวเฉินซื่อก็เจอกับผิงซีโหวเย่ ในสายตาที่ผิงซีโหวเย่มองมายังตนเองนั้นเหมือนเห็นความงดงาม อย่างไรที่สตรียากจนอย่างมารดาของเสี่ยวเฉินซื่อสามารถแต่งเข้าสกุลเฉินแล้วมาเป็อนุของจวนได้ ก็เพราะเพราะว่ารูปโฉมงดงาม ส่วนเสี่ยวเฉินซื่อนั้น ก็นับว่าหน้าตางดงามกว่ามารดาของตนเองเสียอีก
พี่ชายของเสี่ยวเฉินซื่อเดินทางอยู่ด้านนอกตลอด สกุลเฉินได้เตรียมร้านค้ากับสวนให้กับบุตรชายลูกอนุในจวนของตัวเองเอาไว้ หลังจากแต่งงานแล้วก็จะส่งมอบให้แต่ละคนไปดูแลด้วยตนเอง เสี่ยวเฉินซื่อจึงอาศัยผลประโยชน์นี้ ให้พี่ชายของตัวเองไปสอบถามความชอบของผิงซีโหวเย่มา แล้วค่อยๆ แต่งตัวในแบบที่ผิงซีโหวเย่ชื่นชอบ ก่อนจะสอบถามการเข้าออกของผิงซีโหวเย่ แล้วจะปรากฏตัวให้ผิงซีโหวเย่เห็น หลังจากทำมาหลายครั้งเข้า ทั้งสองคนก็แอบมีใจให้แก่กัน
ความจริงแล้วบุรุษหลายคนก็มักจะเป็เช่นนี้ หากยังไม่ได้ของสิ่งนั้นมาไว้ในมือก็จะมีความ้าไม่มีที่สิ้นสุด แม่นางน้อยอายุสิบกว่าปีกำลังอยู่ในวัยแรกแย้ม บวกกับมีเป้าหมายอีก ยิ่งทำให้โหวเย่คนหนึ่งลุ่มหลงหนักเข้าไปกันใหญ่ ประจวบเหมาะกับที่ต้าเฉินซื่อเองก็ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ตอนใกล้ที่จะคลอด เสี่ยวเฉินซื่อก็หาข้ออ้างไปเยี่ยมต้าเฉินซื่อที่จวนโหว พลันแกล้งใเผลอหลุดพูดความสัมพันธ์ของตัวเองกับโหวเย่ออกมา ต้าเฉินซื่อที่ได้รับความเสียใจอย่างหนักถึงได้คลอดบุตรยาก
ต้าเฉินซื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่รอดแล้ว จึงเล่าเื่ทั้งหมดให้กับฮูหยินผู้เฒ่าของจวนโหวฟัง ก่อนจะฝากฝังฮูหยินผู้เฒ่าว่าจะต้องช่วยตนเองดูแลลูกทั้งสองคน โดยเฉพาะลูกสาว ทั้งยังบังคับให้โหวเย่สาบาน ว่าต่อไปการแต่งงานของลูกทั้งสองเขารวมถึงฮูหยินคนใหม่ของเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยว ทั้งยังจัดการกับสินเดิมของตัวเอง ไม่ให้ผิงซีโหวเย่รวมถึงเสี่ยวเฉินซื่อมีโอกาสได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสินเดิมของตน
ต้าเฉินซื่อใช้ความคิดและจิตใจทั้งหมดทำเพื่ออนาคตของลูก หลังจากพยายามสุดชีวิตที่จะคลอดลูกออกมาก็ตายจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนผิงซีโหวไม่ใช่คนที่สู้คน ั้แ่ไหนแต่ไรนางก็เชื่อฟังบิดา แต่งงานออกไปก็เชื่อฟังสามี พอสามีตายจากไปก็เชื่อฟังลูกชาย โหวเย่อยากจะแต่งงานใหม่ หากเขาอยากจะแต่งใครก็แต่ง แต่ว่าลูกสะใภ้คนก่อนได้ขอให้ตัวเองดูแลลูกทั้งสอง ตนก็จะดูแลเด็กทั้งสองให้ดี เจิ้งป๋อหยวนแย่อยู่นิดหน่อย ต่อไปก็ได้ไปอยู่เรือนด้านนอก ส่วนเด็กหญิงที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน ฮูหยินผู้เฒ่าก็คอยเลี้ยงดูด้วยตัวเองตลอด ปกติแล้วก็เก็บตัวไม่ค่อยออกไปด้านนอก เพื่อจะเลี้ยงดูเด็กน้อยน่าสงสารให้เติบโตขึ้นมา
สำหรับเื่การเป็ชู้ของผิงซีโหวเย่กับเสี่ยวเฉินซื่อ ต้าเฉินซื่อก็ได้พูดกับครอบครัวมารดาของตน แต่คนในจวนเฉินไม่สามารถตัดสินใจเื่ของผิงซีโหวเย่กับเสี่ยวเฉินซื่อในตอนนี้แล้ว สำหรับบิดาของต้าเฉินซื่อ ทั้งสองคนก็ต่างเป็ลูกของตัวเอง ใครจะแต่งให้กับผิงซีโหวเย่ก็เหมือนกัน ที่จะต้องให้ความสำคัญก็คือความสัมพันธ์ของสกุลเฉินกับผิงซีโหว แต่พี่ชายของต้าเฉินซื่อกับมารดาไม่ได้คิดเช่นนั้น พวกเขาไม่อยากให้เสี่ยวเฉินซื่อแต่งเข้าไป แต่น่าเสียดายที่ไม้ซีกงัดไม้ซุงไม่ไหว สุดท้ายเสี่ยวเฉินซื่อก็ได้แต่งเข้าจวนผิงซีโหวไป
พี่ชายของต้าเฉินซื่อเป็คนสู้คน น้องสาวถูกคนทำร้ายจนตายไปเช่นนี้ ท่านพ่อกลับให้คนที่ก่อเื่แต่งเข้าไปในครอบครัวของน้องสาว แล้วมาเป็แม่เลี้ยงให้กับเด็กทั้งสอง พี่ชายของต้าเฉินซื่อไม่ยอมที่จะเห็นลูกของน้องสาวยอมรับคนร้ายเป็แม่ได้ จึงแอบคอยดูแลเจิ้งป๋อหยวนอยู่ห่างๆ แต่ก็กลัวว่าเจิ้งป๋อหยวนอายุน้อย หลังจากรู้ความจริงแล้วจะทำเื่ที่ไม่อาจย้อนคืนกลับมาแก้ไขได้ จึงทำได้แค่อดทน
จนกระทั่งเกิดเื่นี้ขึ้น พี่ชายของต้าเฉินซื่อหรือก็คือลุงของเจิ้งป๋อหยวนรู้สึกว่าได้โอกาสแล้ว จึงอยากจะเล่าความจริงให้ฟัง หลังจากเจิ้งป๋อหยวนรู้เื่ก็ไปหาผิงซีโหวเย่ ซึ่งอีกฝ่ายพอถูกคนมาสะกิดแผนเมื่อหลายสิบปีก่อนเช่นนี้ ก็ต้องอายจนกลายเป็โกรธ เขาตีเจิ้งป๋อหยวนด้วยไม้ไปหนึ่งที
เป้าหมายของเสี่ยวเฉินซื่อคือฮูหยินผู้เฒ่าในจวน นางอยากจะให้ลูกของตนเองเป็ซื่อจื่อ สำหรับมารพันแข็งพันขาที่พี่สาวลูกภรรยาเอกคลอดออกมาของตน เดิมทีคิดจะใช้เื่ฉาวโฉ่ของลูกสาวพี่ชายกับเขามาจัดงานแต่งให้แต่ไม่สำเร็จ เื่นี้ทำให้เสี่ยวเฉินซื่อโมโหไปหลายวัน ผู้ใดจะรู้ว่าผิงซีโหวเย่ตีไปหนึ่งทีทำให้เสี่ยวเฉินซื่อคิดแผนออก ถ้าหากไม่มีลูกชายของภรรยาเอกคนนี้ มันก็ยิ่งจะสบายกว่าไม่ใช่หรือ?
หลังจากเจิ้งป๋อหยวนถูกตีไปก็ต้องไปหาหมอหายา เสี่ยวเฉินซื่อคิดจะทำหนังสือเปลี่ยนยาให้กับเจิ้งป๋อหยวน
คนต่างพูดกันว่าไม่ว่าเสือจะดุร้ายเพียงใดก็จะไม่กินลูกของตน แต่ผิงซีโหวเย่ถูกลูกชายของตัวเองเอาเื่ฉาวโฉ่ในตอนนั้นออกมาพูดใส่หน้าตนเองเช่นนี้ แล้วก็เพราะเ้าลูกชายทะเลาะกับเขายกใหญ่ ผิงซีโหวเย่อับอายจนกลายเป็โกรธ บวกกับปกติเสี่ยวเฉินซื่อก็พูดเป่าหูตัวเองอยู่แล้ว ผิงซีโหวเย่จึงเกิดความคิดที่จะฆ่าลูกชายคนโต แล้วให้เสี่ยวเฉินซื่อเปลี่ยนยา
แล้วก็เป็ชะตาของเจิ้งป๋อหยวนที่ไม่ควรตาย เื่นี้ถูกคนใช้ที่ลุงของเขาซื้อเอาไว้ในจวนโหวมาบอกข่าว ลุงใหญ่สกุลเฉินโกรธมาก แต่ชีวิตของหลานชายก็ต้องช่วยออกมาให้จงได้ จึงรีบคิดวิธีหนึ่งออกมาได้ ทุกวันมารดาของเสี่ยวเฉินซื่อจะออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ทุกวัน จึงอาศัยในตอนที่นางออกไปเดินเล่น แล้วสั่งคนให้นางผลักนางล้มที่ตีนเขา ล้มแรงเกินไปหน่อยจนเป็ลมไปในตอนนั้น
มารดาของเสี่ยวเฉินซื่อไม่ใช่ไม่มีความคิดที่จะเป็ภรรยาเอกของสกุลเฉิน เพียงแต่น่าเสียดายที่เส้นทางทำเงินสำคัญของจวนถูกพี่ชายใหญ่ของต้าเฉินซื่อกุมเอาไว้ ส่วนมารดาของต้าเฉินซื่อก็สู้คน ตอนอยู่กับบิดาของต้าเฉินซื่อ มารดาของเสี่ยวเฉินซื่อ รวมถึงผู้าุโสกุลเฉินก็ยังเคยตะคอกใส่ ความคิดนี้แม้แต่คิดเล่นๆ ก็ไม่เคยคิด หากมีวันนั้นจริงๆ บนถนนใหญ่ทั้งเมืองหลวงก็จะถูกคนแปะเื่ฉาวโฉ่ของจวนเฉิน มารดาของเสี่ยวเฉินซื่อจึงทำได้แค่ปล่อยไป แต่ก็ยังทำตัวให้คนเกรงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
ลุงใหญ่ของเจิ้งป๋อหยวนเห็นคนในสวนดอกไม้จัดการได้แล้ว ก็รีบให้คนส่งจดหมายไปแจ้งที่จวนผิงซีโหว เสี่ยวเฉินซื่อก็ไม่สนใจทางด้านเจิ้งป๋อหยวนแล้ว เพราะกลัวว่าคนในจวนเฉินจะอาศัยจังหวะนี้ลงมือกับมารดาตัวเอง จึงขอให้โหวเย่กับตัวเองร่วมมือกัน ทั้งสองคนนั่งรถม้าไปที่จวนเฉิน ลุงใหญ่ของเจิ้งป๋อหยวนก็สั่งคนอาศัยจังหวะนี้พาเจิ้งป๋อหยวนออกมาจากจวนผิงซีโหว
เจิ้งป๋อหยวนสลบมาตลอดสองวันถึงตื่นขึ้นมา ลุงใหญ่ของเขาเล่าเื่ราวทั้งหมดให้เขาฟัง ตอนนั้นเขาอยากจะกลับไปถามให้เข้าใจ แต่ถูกลุงใหญ่ของเขาขวางเอาไว้ ตอนนี้เลี้ยงหลานชายคนโตให้โตก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้อายุเขายังน้อย ยังไม่มีความสามารถที่จะไปต่อต้านกับไอ้โง่ผิงซีโหวเย่ได้
เจิ้งป๋อหยวนรักษาตัวอยู่ที่สวนนอกเมืองมาตลอด แต่ผู้ใดจะรู้ว่ามีคนคลำมาจนเจอที่นี่ แล้วมาจุดไฟเผาที่สวน เขาที่พักฟื้นได้พอสมควรแล้วก็ถูกคนพาหนีออกจากสวน ลุงใหญ่ของเจิ้งป๋อหยวนรู้เื่นี้ว่าเก้าในสิบส่วนเป็ฝีมือน้องสาวลูกอนุคนนั้นเป็คนทำ ตอนนี้ไม่เพียงแต่เจิ้งป๋อหยวนบุตรภรรยาเอกของจวนโหวคนนี้แล้ว แม้แต่ตัวเองตอนนี้ก็เป็คนธรรมดา จะมีเื่กับจวนโหวนั้นก็ไม่ใช่ผลดี จึงได้แต่กัดฟันอดทน คิดได้ว่าคนของสกุลจางรู้ว่าตนเองมีร้านค้าหนานเป่ยอยู่ที่เหอซี จึงส่งเจิ้งป๋อหยวนไปที่เหอซี
ลุงใหญ่ของเจิ้งป๋อหยวนกับจางจ้าวจื่อคุณชายสามของสกุลจางรู้จักกันมาั้แ่เด็กๆ ตอนนั้นที่สกุลจางหนีออกจากเมืองหลวงไปทางใต้ พี่ชายของสกุลเฉินก็ช่วยไว้ไม่น้อย เพราะเื่นี้ ต่อมาตอนที่ทั้งสองคนไปเจอกันที่ทางใต้ก็ร่วมมือทำการค้าขายกัน ไม่เช่นนั้นการค้าขายของสกุลเฉินก็คงไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเหมือนอย่างในตอนนี้
ความสัมพันธ์ของลุงของเจิ้งป๋อหยวนกับจางจ้าวจื่อค่อนข้างเป็ความลับ คนที่รู้มีไม่มาก ต่อมารู้ว่ามีคนยังมาสอบถามเื่ของเจิ้งป๋อหยวน จึงฝากฝังไว้ที่จางจ้าวจื่อ ทางจางจ้าวจื่อรู้สึกว่าที่บ้านน้องสาวของตัวเองเอาคนไปซ่อนได้ไม่เป็อันใด จึงส่งเขาไปที่ครอบครัวสกุลสวี่
เจิ้งป๋อหยวนพูดคุยกับสวี่ไป่ตลอดทั้งสาย สวี่ไป่ฟังแล้วหัวใจก็เหมือนจะบินออกมา จนกระทั่งสวี่จือมาเรียกพวกเขาสองคนไปทานอาหารกลางวัน ถึงได้ไปทานอาหารกันอย่างอิดออด
เพียงแต่น่าเสียดายที่หลังจากครั้งนี้ เจิ้งป๋อหยวนก็ปิดปากเงียบ ไม่พูดเื่ของตัวเองออกมาอีกเลย ทุกวันเพียงแต่ฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ และอ่านหลังสือเงียบๆ
จะตรุษจีนแล้ว แม่นมลู่จึงทำชุดใหม่ให้กับเด็กๆ ทุกคน โดยไม่ลืมทำให้เจิ้งป๋อหยวนชุดหนึ่งด้วย วันสิ้นปีเจิ้งป๋อหยวนก็ใส่ชุดใหม่ ฉลองปีใหม่ด้วยกันกับคนในครอบครัวสกุลสวี่อย่างอบอุ่น
หลังจากตรุษจีน สวี่ตี้ก็จัดการงานในสวนจนหมด พอรู้สึกว่างานในมือไม่เยอะแล้ว ก็อยากจะออกไปดูด้านนอก หลังจากพูดเื่นี้กับสวี่เหราแล้วก็จางจ้าวฉือ ทั้งสองคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เจิ้งป๋อหยวนรู้เื่แล้ว หลังจากคิดอยู่หลายวันก็ขอสวี่ตี้ออกไปด้วย
จะออกเดินทางไกล แน่นอนว่าจะต้องเตรียมสัมภาระเดินทาง สวี่ตี้เตรียมของที่จำเป็จะต้องใช้ชีวิตในป่า ตอนนี้ต้าเหลียงสงบสุขแล้ว หลังจากกำจัดศัตรูด้านนอกไป โจรูเาภายในเขตก็จัดการไปได้พอสมควรแล้ว ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็เป็ภาพของประชาชนที่ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข นี่จึงเป็เหตุผลที่สวี่ตี้อยากจะออกไปด้านนอก ถ้าหากไม่ปลอดภัย สวี่ตี้ก็คงไม่ออกไปเสี่ยงอันตราย เขาไม่อยากจะเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง
สวี่จือช่วยแม่นางลู่จัดสัมภาระ ตอนนี้คนงานในเรือนมีน้อย เสื้อผ้าอาภรณ์กางเกงชั้นในต่างๆ ที่สวี่ตี้ใส่ด้านในก็ล้วนเป็แม่นมลู่ที่ช่วยทำออกมา ต่อมาเจิ้งป๋อหยวนมาอยู่ด้วย ทั้งยังไม่ได้พกของอันใดติดตัวมา แม่นมลู่ก็ช่วยทำให้ มีบางครั้งทำไม่เสร็จสวี่จือก็ช่วยทำ แม่นมลู่รู้สึกว่าสวี่จือยังเด็กจึงไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ ก็เหมือนตอนนี้ กลัวว่าอากาศด้านนอกจะร้อน สวี่จือก็ใช้ผ้าเนื้อละเอียดที่ซับเหงื่อดีมาทำให้สวี่ตี้สองตัว แน่นอนว่าทำให้เจิ้งป๋อหยวนอีกสองตัว
มองกองสัมภาระที่วางอยู่บนเตียงอุ่น แม่นมลู่ก็ถอนหายใจ “เอาเงินไปมากหน่อย ของจะเอาไปมากน้อยเป็เื่รอง”
สวี่จือเคยติดตามจวนติ้งกั๋วกงย้ายที่อยู่มาก่อน รู้ว่าด้านนอกถึงแม้จะมีเงินก็ซื้อของไม่ได้ จึงส่ายหน้าแล้วบอก “แม่นม หากพกไปเองได้ก็พกไปเถิดเ้าค่ะ หากระหว่างทางซื้อของไม่ได้ล่ะเ้าคะ?”
แม่นมลู่ฟังแล้วก็ครุ่นคิด นางหัวเราะก่อนจะกล่าว “ก็จริงนะ ของข้าใช้หนังทำเป็กระเป๋าเล็กๆ หลายใบ ด้านในใส่พวกเกลือแล้วก็เครื่องปรุง หากพลาดที่พักไปจริงๆ ก็ต้องไปพักกันในป่า ไปตกปลากันในน้ำ แล้วก็ทำได้แค่ทำอาหารกินกันตรงนั้น”
เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว สวี่ตี้ก็มองถุงผ้าใหญ่ๆ หลายใบ แล้วก็มองถุงใบเล็กที่ทำจากหนังแกะบางๆ ด้านในถุงเล็กไม่ได้มีแค่กระเป๋าเดียว ยังแบ่งออกเป็หลายช่องเอาไว้ใส่เกลือ แล้วก็เครื่องปรุงที่จำเป็
สวี่ตี้พาองครักษ์สองคนกับเจิ้งป๋อหยวนไปด้วยกัน จางจ้าวฉือกับสวี่เหราพาพวกเด็กๆ มาส่งที่หน้าประตู ก่อนที่จางจ้าวฉือจะถอนหายใจ “ไม่ใช่เ้าเคยบอกว่าหากพ่อแม่อยู่จะไม่ไปเที่ยวไกลไม่ใช่หรือ เ้าดูเ้าสิ ดื้อจะออกไปข้างนอกเอาในตอนนี้”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วกล่าว “ท่านแม่ ดูท่านพูดเข้าสิ ท่านกับท่านพ่อตอนนี้ยังร่างกายแข็งแรง ข้าก็ต้องอาศัยจังหวะนี้ออกไปดูโลกภายนอก รอต่อไปพวกท่านทั้งสองอายุมากแล้ว ข้าแต่งงานแล้ว ในครอบครัวมีทั้งคนแก่และเด็กจะออกไปก็ไม่สบายใจแล้วนะขอรับ”
จางจ้าวฉือกล่าว “เอาล่ะๆ รีบไปเถิด เดินทางก็ระวังความปลอดภัยด้วย ดูแลป๋อหยวนให้ดี ตอนเก็บเกี่ยวข้าวคาดว่าคงจะกลับมาไม่ทัน แต่สิ้นปีจะต้องกลับมาให้ได้นะ”
สวี่ตี้กล่าว “ท่านวางใจเถิด สิ้นปีข้าจะกลับมาแน่นอนขอรับ”
ที่สวี่ตี้อยากจะไปคือเจียงหนาน ก็เพราะว่าตอนนี้เขากำลังสนใจกับข้าวของที่เจียงหนานอยู่ คิดว่าหากเดินทางตอนนี้ ค่อยๆ เดินทางไป รอจนถึงตอนเก็บเกี่ยวข้าวก็คงจะไปถึงที่นั่นพอดี แล้วค่อยดูว่าจะสามารถหาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกลับมาปลูกได้อีกหรือไม่ ทางด้านเหอซีหากอยากจะขยายการปลูกข้าวให้กระจายไปในพื้นที่กว้างนั้น ก็คงยังเป็เื่ยากอยู่
ส่วนเจิ้งป๋อหยวนนั้น แค่อยากจะตามสวี่ตี้ออกไปดู เพื่อไม่สร้างความลำบากให้กับสวี่ตี้ จึงปลอมตัวเป็บ่าวรับใช้ของสวี่ตี้ ทั้งสองคนปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ก็ปล่อยให้คนของจวนผิงซีโหวคิดกันไป คาดว่าคงไม่มีทางคิดถึงว่าคุณชายใหญ่ของตนเองจะปล่อยตัวเป็บ่าวรับใช้แล้วตามไปที่เจียงหนานหรอกกระมัง
ทั้งสองคนออกเดินทางจากเหอซี แล้วเลาะทางชายขอบเมืองลงไปทางใต้ ตลอดทางผ่านโบราณสถานที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียง ก็จะสำรวจอยู่หลายวัน ถึงแม้นี่จะไม่ใช่การเดินทางไกลครั้งแรกของเจิ้งป๋อหยวน แต่ครั้งที่แล้วจะต้องหนีเอาตัวรอด มีหรือจะมีจิตใจไปดูว่าตัวเองผ่านที่ใดมาบ้าง แต่ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่เพียงจะเดินเล่นไปทั่ว ยังสามารถชิมอาหารอร่อยจากสถานที่มากมาย เขารู้สึกว่าท้องฟ้าบนหัวของเขาสดใสขึ้นมา เื่ที่เดิมทีกดทับจิตใจของเขาพวกนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเบาลง
วันนี้ทั้งสี่คนพลาดที่พักไป จึงต้องหาสถานที่กว้างๆ ในป่า แล้วกางกระโจมที่สวี่ตี้พกมาด้วย ซึ่งกระโจมนี้สวี่ตี้เป็คนออกแบบเอง ใช้หนังแกะบางๆ มาทำ พร้อมพกไม้ไผ่ที่ทำออกมาพิเศษ ตอนใช้ก็เอาไม้ไผ่ออกมาก่อโครง จากนั้นก็ค่อยใช้หนังแกะคลุมไว้้า อีกทั้งยังทำประตู เวลาใช้จึงสะดวกมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้