บทที่ 2 : แว่นแตกกับป่าดงดิบพันปี
"โอ๊ย..."
เสียงครางแ่เบาเล็ดลอดออกจากริมฝีปากที่แห้งผาก แป้งหอมรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่างราวกับเพิ่งถูกรถสิบล้อทับแล้วถอยมาทับซ้ำอีกรอบ กลิ่นดินชื้นแฉะและกลิ่นหญ้าเหม็นเขียวเตะจมูกอย่างรุนแรงจนเธอต้องย่นจมูก
‘นี่ฉันอยู่ที่ไหน? โรงพยาบาลเหรอ? แต่ทำไมโรงพยาบาลถึงมีกลิ่นเหมือนปุ๋ยหมักแบบนี้ล่ะ?’
เด็กสาวพยายามฝืนลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของห้องฉุกเฉิน หรือใบหน้าดุๆ ของครูฝ่ายปกครอง แต่กลับเป็... ใบไม้
ใบไม้ขนาดั์เท่าร่มแม่ค้าที่แผ่กิ่งก้านสาขาบดบังแสงอาทิตย์จนแทบมิด!
แป้งหอมเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง เธอดันร่างท้วมๆ ของตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล เศษใบไม้แห้งร่วงกราวออกจากผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง
"นะ... นี่มันที่บ้าอะไรกันเนี่ย?"
ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบหยุดหายใจ มันคือป่า... แต่ไม่ใช่ป่าธรรมดาที่เคยเห็นในสารคดี เพราะต้นไม้แต่ละต้นสูงเสียดฟ้าจนต้องแหงนคอตั้งบ่า ขนาดลำต้นกว้างชนิดที่ว่าเอาคนสิบคนมาโอบก็คงไม่รอบ เถาวัลย์เส้นเท่าแขนห้อยระโยงระยางลงมาราวกับงูั์ พืชพรรณธัญญาหารรอบตัวดูแปลกประหลาดและมีขนาดมหึมาผิดปกติ เฟิร์นก้านเดียวสูงท่วมหัวเธอเสียอีก
ความทรงจำสุดท้ายฉายวาบเข้ามาในหัว... พิพิธภัณฑ์... แผ่นดินไหว... กระจกโบราณ... แล้วก็แสงสีขาว
"กรี๊ดดด! ผีหลอก! หรือว่าฉันตายแล้วตกนรก!" แป้งหอมกรีดร้องเสียงหลง ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง เพียะ!
"เจ็บ! เจ็บโคตรๆ... แปลว่ายังไม่ตาย!"
ความเ็ปยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และที่นี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน แป้งหอมเริ่มสติแตก หันซ้ายหันขวามองหาทางออก หรืออย่างน้อยก็ป้ายบอกทาง แต่รอบตัวมีเพียงความเวิ้งว้างของป่าดงดิบที่ดูอันตราย
"กล้า! ต้นกล้า! นายอยู่ไหน!"
เธอะโเรียกชื่อคนคนเดียวที่จับมือเธอไว้ก่อนจะมาโผล่ที่นี่ ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ ถ้าต้องมาติดอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์คนเดียว เธอคงตายภายในครึ่งวันแน่ๆ แค่เดินสะดุดรากไม้เธอก็คงขาหักแล้ว
"แ... ป้ง..."
เสียงเรียกแ่เบาดังมาจากพุ่มไม้รกทึบด้านซ้ายมือ แป้งหอมหูผึ่ง รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น แม้น้ำหนักตัวจะทำให้การเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่ความร้อนรนทำให้เธอก้าวขาฉับๆ แหวกพงหญ้าเข้าไปทันที
"กล้า! นายอยู่นี่เอง!"
ภาพที่เห็นทำเอาแป้งหอมใจหายวาบ ต้นกล้านอนขดตัวอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ สภาพดูไม่จืด เสื้อนักเรียนสีขาวขาดวิ่นจนเห็นผิวเนื้อที่มีรอยถลอกเืซึม กางเกงนักเรียนเปรอะเปื้อนโคลนตม แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ... เขากำลังใช้มือคลำไปตามพื้นดินอย่างสะเปะสะปะด้วยท่าทางตื่นตระหนก
"แว่น... แว่นเรา... แว่นอยู่ไหน" เสียงของเขาสั่นเครือ ดวงตาที่ไม่มีกรอบแว่นบดบังหรี่ลงพยายามเพ่งมอง แต่ดูเหมือนมันจะไร้ผล
แป้งหอมรีบกวาดสายตามองหา ก่อนจะสะดุดตากับวัตถุแวววาวที่ตกอยู่ไม่ไกล... มันคือซากแว่นตาที่ขาหักไปข้างหนึ่ง และเลนส์ทั้งสองข้าง...
"แตกละเอียด..." แป้งหอมอุทานเสียงเบา
"แป้งเหรอ? แป้งใช่ไหม?" ต้นกล้าหันหน้ามาตามเสียง ดวงตาของเขาดูล่องลอยไม่โฟกัส "เรามองไม่เห็น... มันเบลอไปหมดเลย หาแว่นให้เราหน่อย"
แป้งหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ หยิบซากแว่นขึ้นมา แล้ววางลงบนมือของต้นกล้า
"ทำใจดีๆ นะกล้า... คือ... สภาพมันไม่น่าจะใช้การได้แล้วอะ"
ต้นกล้าคลำซากแว่นในมือ นิ้วเรียวสั่นระริกเมื่อััเจอแต่เศษแก้วแตกๆ และกรอบพลาสติกที่บิดเบี้ยว ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงทันที
"ซวยแล้ว..." เขาพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "เราสั้นเก้าร้อย... ถ้าไม่มีแว่น เราก็เหมือนคนตาบอดดีๆ นี่เอง"
แป้งหอมฟังแล้วอยากจะร้องไห้ตาม สั้นเก้าร้อย! นั่นมันระดับที่มองหน้าคนยังแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็ใครในระยะหนึ่งเมตร!
สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตระดับสีแดงเข้ม
หนึ่งคือสาวอ้วนที่วิ่งร้อยเมตรใช้เวลาสองนาที แถมหอบเหมือนหมาหืดขึ้นคอ
สองคือหนุ่มเนิร์ดอัจฉริยะที่ตอนนี้กลายเป็คนพิการทางสายตา
แล้วดันมาตกอยู่ในป่าดงดิบที่ต้นไม้สูงเท่าตึกใบหยกเนี่ยนะ?
"เอาน่า... ใจเย็นๆ ก่อน" แป้งหอมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ปลอบทั้งเขาและปลอบทั้งตัวเอง "อย่างน้อยเราก็ยังไม่ตายนะ นายยังมีฉันอยู่... ถึงฉันจะดูพึ่งพาไม่ได้ก็เถอะ แต่ฉันตาดีนะ!"
ต้นกล้านั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติสมกับเป็เด็กเรียนดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการ แม้จะมองไม่เห็น แต่สมองเขายังทำงานอยู่
"แป้ง... ฟังเรานะ" เขาพูดเสียงเครียด "ที่นี่ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ อากาศ ความชื้น เสียงแมลง... มันไม่เหมือนยุคเราเลย เป็ไปได้สูงว่า... เราอาจจะย้อนเวลากลับมา หรือไม่ก็หลุดมิติ"
"หลุดมิติ!?" แป้งหอมตาโต "แบบในนิยายที่ฉันชอบอ่านน่ะเหรอ? อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวจะมีระบบเด้งขึ้นมาบอกภารกิจน่ะ!"
ติ๊ง...
(ความเงียบ)
ไม่มีเสียงระบบ ไม่มีหน้าต่างโฮโลแกรม มีแต่เสียงจิ้งหรีดั์ร้องระงม
"โอเค... ไม่มีระบบ" แป้งหอมคอตก
"ตอนนี้เราต้องหาที่ปลอดภัยก่อน" ต้นกล้าพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เพราะมองไม่เห็นพื้นต่างระดับทำให้เขาเซถลาจะล้ม
"ว้าย! ระวัง!" แป้งหอมพุ่งตัวเข้าไปรับ... หรือพูดให้ถูกคือ เอาตัวเข้าไปกระแทกรับร่างของเขาไว้
อั๊ก!
แรงกระแทกจากน้ำหนักตัวของต้นกล้าทำให้แป้งหอมเซเล็กน้อย แต่ด้วยฐานที่มั่นคง (เพราะน้ำหนักเยอะ) ทำให้เธอยืนหยัดอยู่ได้ ต้นกล้าคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนอวบอัดของเธอไว้แน่นราวกับคนจมน้ำเกาะขอนไม้
"ขอโทษ..." หน้าของเขาแดงระเรื่อเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเกาะแขนผู้หญิงแน่นขนาดไหน แถมระยะห่างตอนนี้... หน้าเขาแทบจะซุกอยู่ตรงไหล่เธอแล้ว
"มะ... ไม่เป็ไร" แป้งหอมเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน "นาย... เกาะแขนฉันไว้แน่นๆ นะ ฉันจะเป็ตาให้นายเอง"
"อืม... ฝากด้วยนะ"
คำพูดนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของแป้งหอมพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาแวบหนึ่ง... ปกติเธอเป็แค่ภาระ เป็แค่ตัวตลก แต่ตอนนี้ ต้นกล้า... ผู้ชายที่เธอแอบชอบ กำลังพึ่งพาเธอ!
"เอาล่ะ! ฮึบ!" แป้งหอมสูดลมหายใจเข้าปอด เรียกพลังใจ "เราจะเดินไปทางทิศตะวันออก... มั้งนะ เห็นแสงแดดรำไรทางนั้น เผื่อจะเจอแม่น้ำ"
เธอจับมือต้นกล้าให้วางบนไหล่ของเธอ เพื่อให้เขาเดินตามได้สะดวกขึ้น
ััจากมือหนาที่วางแหมะอยู่บนไหล่ แม้จะผ่านเนื้อผ้าชุดนักเรียนที่เปียกชื้น แต่ก็ทำให้แป้งหอมรู้สึกร้อนวูบวาบ
ทั้งสองเริ่มออกเดินอย่างทุลักทุเล
แป้งหอมต้องคอยใช้มือกวาดกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่ขวางทาง พลางส่งเสียงบอกทางคนข้างหลังตลอดเวลา
"ระวังนะ ตรงนี้มีรากไม้... ยกเท้าสูงๆ หน่อย... โอเค ตรงนี้พื้นลื่นนะ จิกเท้าแน่นๆ"
การเดินป่าสำหรับคนทั่วไปก็ยากแล้ว แต่สำหรับแป้งหอมที่แบกน้ำหนักตัวกว่าแปดสิบห้ากิโลกรัม มันคือการทรมานสังขารชัดๆ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เหงื่อเม็ดโป้งก็ผุดพรายเต็มใบหน้า ลมหายใจเริ่มหอบถี่ ขาที่รับน้ำหนักเริ่มสั่นพั่บๆ
"แป้ง... ไหวไหม?" ต้นกล้าถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจแรงของคนข้างหน้า "พักก่อนไหม? เสียงเธอเหมือนคนกำลังจะขาดใจตายเลย"
"ปากเสีย!" แป้งหอมหันไปค้อนขวับ (แม้เขาจะไม่เห็น) "ฉันแค่... แค่ฟิตเนสปอดเฉยๆ ย่ะ! เดินต่อเถอะ ขืนหยุดตอนนี้ฉันคงรากงอกลุกไม่ขึ้นแน่"
แต่ทันใดนั้นเอง...
โฮกกกกกกกก!
เสียงคำรามต่ำๆ ที่สั่นะเืไปถึงขั้วหัวใจดังขึ้นจากความมืดของป่าด้านหน้า
ฝูงนกบินแตกตื่นขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงแมลงที่เคยร้องระงมเงียบกริบลงทันที
แป้งหอมชะงักกึก ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ขาที่สั่นอยู่แล้วพลันแข็งทื่อก้าวไม่ออก
ต้นกล้าบีบไหล่เธอแน่นขึ้นโดยสัญชาตญาณ "เสียงอะไรน่ะแป้ง? เสือเหรอ?"
"มะ... ไม่รู้" แป้งหอมเสียงสั่น พยายามเพ่งมองเข้าไปในดงไม้ทึบเบื้องหน้า
สายตาของเธอปะทะเข้ากับดวงตาสีเหลืองอำพันคู่หนึ่งที่วาวโรจน์อยู่ในเงามืด... ดวงตาที่อยู่สูงจากพื้นเกือบสองเมตร!
"กล้า..." แป้งหอมกระซิบเสียงแหบพร่า "ฉันว่า... เราเจอเ้าถิ่นแล้วล่ะ... และดูเหมือนมันจะหิวโซซะด้วย"
เ้าของดวงตาคู่นั้นค่อยๆ เยื้องย่างออกมาจากเงามืด
มันไม่ใช่เสือ... แต่เป็สัตว์รูปร่างคล้ายหมาป่า แต่มีขนาดตัวใหญ่เท่ารถตู้! ขนสีดำทมิฬ แผงคอตั้งชัน และเขี้ยวโง้งยาวที่มียางไม้เหนียวหนืดไหลย้อยลงมา
แป้งหอมกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอ รู้สึกเหมือนความตายกำลังกวักมือเรียกอยู่ตรงหน้า
ต่อให้วิ่งหนี... ด้วยรูปร่างแบบนี้ เธอคงเป็ได้แค่อาหารว่างให้มันเคี้ยวเล่นไม่ถึงสามคำ!
"กล้า... ฟังนะ" เธอพูดเสียงสั่นน้ำตาคลอ "ถ้านับหนึ่งถึงสาม... นายวิ่งไปทางซ้ายนะ ฉันจะ... ฉันจะล่อมันไปทางขวาเอง"
"พูดบ้าอะไร!" ต้นกล้ากระชากไหล่เธอ "จะให้ทิ้งเธอได้ไง! จะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ!"
"ไอ้บ้า! นายมองไม่เห็น นายจะสู้อะไรมัน! วิ่งไปเซ่!"
โฮกกกกก!
เ้าหมาป่าั์ไม่รอให้ทั้งสองตกลงกันเสร็จ มันย่อตัวลงเตรียมกระโจนเข้าใส่เหยื่ออันโอชะตรงหน้า
แป้งหอมหลับตาปี๋ ยกแขนขึ้นบังหน้าตามสัญชาตญาณ
‘จบกันชีวิตนี้... ยังไม่ทันได้ผอม ยังไม่ทันได้สวย ก็ต้องมากลายเป็ขี้หมาป่าซะแล้ว!’
