“ทุกคนฟังคำสั่ง ห้ามต่อสู้ยืดเยื้อ บุกทะลวงฝ่าวงล้อมออกไป...ฆ่า!” เย่สือซานร้องคำรามออกมา รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอืดอาดยืดยาดหรืออาลัยอาวรณ์ กองกำลังขนาดใหญ่ของศัตรูที่อยู่ด้านหลังกำลังมุ่งตรงเข้ามา ถ้าหากตอนนี้ไม่รีบไปละก็ทุกคนคงต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่กันทั้งหมด
เย่อีพูดได้ถูกต้อง พวกเขาตายไม่เป็ไร แต่ถ้าหากนักรบลูกหลานระดับหัวกะทิของตระกูลทั้งหมดรวมถึงพวกนายน้อยและคุณหนูล้วนจบชีวิตกันอยู่ที่นี่ละก็ พวกเขาทั้งหมดแม้ตายหมื่นครั้งก็มิอาจทดแทนได้ เขาจำต้องฝืนข่มอารมณ์เศร้าเสียใจและโกรธแค้น ออกคำสั่งให้กองกำลังทุกคนบุกโจมตีทะลวงออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก
“ฆ่า!”
เย่สือชีไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองไปยังพวกเย่อีอย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง ควงดาบที่หุ้มด้วยพลังปราณรบสีเขียวพุ่งทะยานแหวกอากาศออกไป ฟันนักรบเผ่าคนเถื่อนที่ขวางหน้าลอยปลิวกระเด็นออกไป
“ไปกันเถอะ!” เย่ชิงหานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำมองไปทางพวกเย่อีเย่จิ่วครั้งหนึ่ง จากนั้นลากเย่ชิงอู่ที่อยู่ข้างๆ พุ่งทะยานติดตามหลังเย่สือซานและเย่สือชีออกไป
“ไป!” ฮวาซินและเฟิงเิมองตากันต่างเห็นได้ถึงความจำใจและความเศร้าสลดที่อยู่ภายในดวงตาของอีกฝ่าย พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก พาฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อบุกทะลวงสังหารออกไป
เพียงแค่นาทีเดียวที่พวกเย่อีบุกเข้าโจมตีช่วยเหลืออย่างดุดันและแข็งกร้าว ทำให้อัตราการาเ็ล้มตายของกองกำลังทั้งสี่ตระกูลลดน้อยลงไปมาก และพวกเขาถือโอกาสในขณะที่ชุลมุนนี้ฝ่าวงล้อมออกมาได้สำเร็จ จากนั้นจึงวิ่งตะบึงออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจต่อนักรบเผ่าคนเถื่อนที่ร้องคำรามออกมาด้วยความขุ่นเคือง
“ปัง! ปัง! ปัง!”
การสู้รบด้านหลังยิ่งนานยิ่งดุเดือดขึ้นทุกที พวกคนเถื่อนหลายครั้งที่คิดแยกกองกำลังส่วนหนึ่งออกมาไล่ล่าสังหารพวกเย่ชิงหาน แต่ก็ถูกพวกเย่อีโจมตีสกัดกั้นเอาไว้ทุกครั้ง พวกเขาแบกรับความเดือดดาลของพวกนักรบคนเถื่อนไว้ทั้งหมด รู้ดีว่าคงไม่รอดเป็แน่แท้จึงต่างคิดอยู่ในใจว่า ในเมื่อเป็เช่นนั้นก็ฆ่าศัตรูให้ได้มากที่สุด ฆ่าคนหนึ่งถือว่าเท่าทุน ฆ่าสองคนถือว่าได้กำไร ครั้นแล้วจึงเปิดฉากการเข่นฆ่าสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่งขึ้น
“ทุกคนมุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง!” เย่สือซานหลับตาข่มความรู้สึกอยากที่จะหันหัวกลับไปดูไว้ ทำได้แค่วิ่งตะบึงไปข้างหน้าพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่นและโกรธแค้น เขาเข้าใจดีว่าอันตรายที่แท้จริงยังไม่ได้ถูกขจัดออกไป พวกเยาขาข่ายังอยู่ด้านหลัง เขาไม่อยากจะให้การเสียสละชีวิตของพวกเย่อีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนีต้องมาสูญเปล่า ดังนั้นจึงฝืนข่มต่อความรู้สึกเ็ปและเศร้าเสียใจสั่งการออกไปให้กองกำลังเร่งระดับความเร็วในการหลบหนีให้เร็วที่สุด
ตูมๆๆๆ...!
หลังจากผ่านไปหลายนาที พวกเขาออกวิ่งมาได้สิบกว่ากิโลเมตร ทันใดนั้นด้านหลังพลันบังเกิดเสียงะเิดังสั่นะเืเลื่อนลั่นขึ้น พร้อมกับเสียงร้องคำรามด้วยความเดือดดาล
“พี่ใหญ่!”
ในที่สุดเย่สือชีก็อดทนต่อไปไม่ไหว หันหน้ากลับไปมองพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเ็ปรวดร้าวราวกับจิตใจจะแตกสลาย
ทุกคนต่างหันหน้ากลับไปมองพร้อมกัน มองเห็นกระแสพลังฟ้าดินที่ไหลเวียนอย่างสับสนวุ่นวายอันเนื่องมาจากแรงะเิจากพลังงานที่น่ากลัว มองดูควันโขมงที่ลอยฟุ้งอยู่ด้านหลัง ฟังเสียงะเิระคนเสียงร้องขู่คำราม ทุกคนต่างเงียบงันลงในทันที จังหวะฝีเท้าหยุดชะงักลง...พวกเขารู้ว่ากองกำลังของเยาขาข่าและหมันก้านได้มาถึงและเข้าปะทะกับกองกำลังของพวกเย่อีแล้ว ส่วนพวกเย่อีเลือกที่จะะเิตัวเอง การะเิที่รุนแรงเช่นนี้ พลังฟ้าดินที่ไหลเวียนอย่างสับสนวุ่นวายเช่นนี้ มีเพียงการะเิตัวเองจากคนหลายๆ คนพร้อมกันถึงจะสามารถก่อให้เกิดอานุภาพที่รุนแรงเช่นนี้ได้...
“มัวยืนเซ่ออะไรกันอยู่? พวกเ้าอยากให้พวกเขาตายตาไม่หลับหรืออย่างไร? ทั้งหมดรีบวิ่งตะบึงออกไปให้เร็วที่สุดเดี๋ยวนี้ นักฆ่าตระกูลฮวาทั้งหมดรีบออกไปสำรวจเส้นทางอย่างสุดกำลัง!” น้ำเสียงของเย่สือซานเย็นะเื พูดสั่งการออกมาด้วยสีหน้าเ็าอย่างที่สุด
ฟิ้วๆๆ!
ทุกคนเคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบงัน นำความเ็ปและโศกเศร้าเสียใจมาเป็พลังในการวิ่งตะบึงออกไป แม้กระทั่งนักรบสาวของตระกูลเยว่ในตอนนี้ก็วิ่งตะบึงอย่างไม่ได้ใส่ใจต่อภาพลักษณ์ภายนอกของตนเองแม้แต่น้อย คนที่ได้รับาเ็ก็ถูกคนแบกไป คนที่สลบหมดสติก็ถูกสองคนหามไป บางคนก็กัดริมฝีปากหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบๆ ก้มหน้าวิ่งทะยานต่อไป
เย่ชิงหานในตอนนี้ใบหน้าขาวซีดเผือดไม่ได้มีสีหน้าที่เขียวคล้ำเหมือนเช่นแต่ก่อน ไม่มีความเ็ป ไม่มีความโกรธแค้น จะมีก็เพียงแต่ความรู้สึกสิ้นหวังไร้เรี่ยวแรงเหมือนกำลังจะตายซึ่งปรากฏอยู่ภายในดวงตาบนใบหน้าที่ก้มลงอยู่
วิ่ง วิ่ง วิ่ง!
ไม่มีอารมณ์ใดๆ ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ ไม่มีการกระทำที่มากมายใดๆ อื่นอีก ทุกคนดูราวกับฝูงมดที่ทำงานหนักอยู่บนพื้นฉันนั้น ต่างพากันวิ่งทะยานลัดเลาะไปภายในป่า ภายในช่องเขาและข้ามแม่น้ำลำธาร
“รายงาน! กองกำลังเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนตอนนี้ห่างจากพวกเราสามสิบกิโลเมตร พวกมันกำลังมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางพี่พวกเราอยู่”
“รายงาน! ระยะทางเบื้องหน้าห้าสิบกิโลเมตรปลอดภัย หากพวกเราเดินทางรุดหน้าต่อไปอีกราวหนึ่งชั่วโมงจะบรรลุถึงเขตพื้นที่จุดรวมพลชั่วคราวของกองกำลังเขตปกครองเทพา!”
นักฆ่าของตระกูลฮวาทำงานหนักที่สุด วิ่งออกสำรวจเส้นทางไปกลับพร้อมทั้งลาดตระเวนเฝ้าระวังภัย ดีที่พลังความเร็วของนักฆ่าตระกูลฮวาเป็หนึ่งเมื่อเทียบกับผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตเดียวกัน มิเช่นนั้นแค่วิ่งไปมาก็คงทำให้พวกเขาเหนื่อยหมดแรงไปเสียก่อนแล้ว ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ กองกำลังของพวกเย่อีล้วนเสียชีวิตทั้งหมด การเสียสละของพวกเขาทำให้กองกำลังของสี่ตระกูลมีเวลาสิบนาทีในการหลบหนีทิ้งระยะห่างจากศัตรูด้านหลังออกมาอีกสามสิบกิโลเมตร
หลังจากที่เยาขาข่าและหมันก้านบดขยี้กองกำลังของพวกเย่อีสำเร็จ พวกมันรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมากที่เหยื่อกำลังจะอยู่ในกำมือกลับหนีรอดไปได้ หลังจากจัดการกับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบในกลุ่มกองกำลังของเย่อีจนหมด จึงได้รวมรวบกำลังคนออกติดตามไล่หลังพวกเย่ชิงหานออกมาอย่างบ้าคลั่ง
การมาของพวกเย่อีทำให้แผนการตาข่ายฟ้าของพวกเขาที่ประณีตบรรจงกางไว้ดักจับพวกเย่ชิงหานถูกทำลายจนหมดสิ้น
ทำให้เป็ดที่ถูกตุ๋นจนสุขดีแล้วอย่างเย่ชิงหานบินหนีไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการะเิตัวเองก่อนตายของพวกเย่อีทำให้ทั้งเผ่าปีศาจและเผ่านักรบคนเถื่อนเสียหายยับเยินเป็อย่างมาก ทำเอาเยาขาข่าและหมันก้านกระทืบเท้าด่าพ่อล่อแม่ออกมาด้วยความเ็ปใจ สาบานว่าหากไม่บดขยี้กองกำลังทั้งสี่ตระกูลให้ราบเป็หน้ากลองจะไม่ถอยกลับไปเป็อันขาด
ครั้นแล้วการไล่ล่าสังหารครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์งานประลองาระหว่างเขตปกครองก็เริ่มเปิดฉากขึ้น ระดับความเร็วของทั้งสองฝ่ายต่างบรรลุถึงขีดสุด ไม่สนใจต่อหนทางเบื้องหน้าว่าจะเป็แบบใด เจอูเาก็ปีนเขา เจอแม่น้ำลำธารก็แหวกว่ายข้ามไป เจอถ้ำก็มุดถ้ำ
“แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ สือซานพวกเรามีคนเจ็บมาด้วย แถมยังเพิ่งผ่านการสู้รบมาสองครั้งติด ไม่ว่าจะเป็พลังกาย พลังปราณรบ และพลังใจในการสู้รบล้วนไม่ใช่คู่มือของทั้งสองเผ่านั้น หากเป็เช่นนี้ต่อไปไม่เกินสิบนาทีพวกเราจะถูกตามทันได้!” ฮวาซินจังหวะฝีเท้ายังคงพลิ้วไหวละมุนละม่อมเช่นเดิม เพียงแต่ความรู้สึกเป็กังวลที่ปรากฏบนใบหน้านั้นเด่นชัดเป็อย่างมาก
“ข้ารู้! เพียงแต่...พวกเรานอกจากวิ่งหนีแล้วยังทำอะไรได้อีก? เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนทำไมถึงรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราได้ถูกต้องแม่นยำถึงเพียงนี้? มันดูไม่สมเหตุสมผลเป็อย่างมาก!” ความเศร้าเสียใจที่แสดงออกบนใบหน้าของเย่สือซานยังคงเด่นชัด เพียงแต่ไม่มากมายเหมือนสิบกว่านาทีก่อน คนที่ตายก็ตายไปแล้วตอนนี้ต้องคิดเผื่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องคิดหาทางพาคนที่ยังเหลือรอดอยู่อีกร้อยกว่าชีวิตนี้กลับไปอย่างปลอดภัยให้ได้
ฮวาซินเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน พูดขึ้นด้วยความสงสัย “ใครจะไปรู้ได้ว่าเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนอาจค้นพบวิชาอาคมหรือเวทมนตร์อะไรใหม่ที่สามารถใช้ติดตามร่องรอยของเป้าหมายได้ เมื่อก่อนไม่เคยปรากฏเื่เช่นนี้มาก่อน มารดามันเถอะ...ครั้งนี้เจอของจริงเข้าอย่างจัง!”
“พยายามเร่งความเร็วเข้าเถอะ หวังว่าเมื่อใกล้เข้าเขตพื้นที่จุดรวมพลชั่วคราวของกองกำลังเขตปกครองเทพาจะได้พบกับกองกำลังพวกเดียวกันบ้าง หรือพวกเยาขาข่าและหมันก้านทำการถอยร่นกลับไปก่อน” เย่สือซานนิ่งเงียบไปสักพักแต่จากนั้นก็ส่ายหัวพูดออกมาอย่างอับจนหนทางเช่นเดียวกัน
.................................
ไล่ติดตามอย่างบ้าคลั่งอยู่ราวครึ่งชั่วโมง ระยะห่างของกองกำลังทั้งสองฝ่ายยิ่งขยับใกล้เข้ามาทุกที ตอนนี้ระยะห่างเหลือเพียงแค่สิบกิโลเมตรเท่านั้น หลังจากที่ต่างพากันวิ่งตะบึงกันมาครึ่งชั่วโมง อาณาเขตตำแหน่งจุดรวมพลชั่วคราวของนักรบเขตปกครองเทพาก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแล้ว
ถ้าหากเคลื่อนทัพในระดับความเร็วเช่นนี้ต่อไป ถึงแม้เยาขาข่าและหมันก้านจะติดตามกองกำลังของทั้งสี่ตระกูลจนทัน แต่ก็จะเข้าถึงเขตพื้นที่จุดรวมพลของกองกำลังเขตปกครองเทพาแล้ว และพื้นที่เ่าั้อาจจะมีกองกำลังของเขตปกครองเทพาโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ ภายในเขตพื้นที่จุดรวมพลชั่วคราวมีกองกำลังของเขตปกครองเทพาเป็จำนวนมาก หากว่ามีการสู้รบกันเกิดขึ้นจะต้องดึงดูดกองกำลังทั้งหลายที่อยู่ภายในออกมาแน่ ถึงตอนนั้นแม้แต่เยาขาข่าและหมันก้านก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ตรงนั้น
เพียงแต่วินาทีต่อมา นักฆ่าของตระกูลฮวาที่ออกไปสำรวจเส้นทางเบื้องหน้านำข่าวสารอย่างหนึ่งกลับมารายงาน ทุกคนที่ได้ฟังล้วนรู้สึกไม่ต่างจากถูกคนโยนความหวังทิ้งลงไปยังก้นเหวลึกมืดมิดไร้แสงสว่างอย่างไรอย่างนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้