สิ้นเสียงของลั่วเสี่ยวซี เสียงพูดคุยของทั้งห้องก็เงียบกริบเหลือเพียงเสียงจากหน้าจอ บางคนถึงขนาดเผลอกลั้นหายใจ
ทำไม...เร็วจัง?
ให้ตายเถอะ นี่เธอกำลังสงสัยในสมรรถภาพด้านนั้นของลู่เป๋าเหยียนอยู่อย่างนั้นเหรอ! ถึงแม้พวกเขาจะอยากรู้เหมือนกันก็เถอะ แต่ลั่วเสี่ยวซีจะใจกล้าเกินไปแล้ว!
ลั่วเสี่ยวซีเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด เธอมองสีหน้านิ่งเกร็งของคนรอบข้างก่อนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างจึงรีบอธิบาย
“บอสคะ อย่าเข้าใจผิดนะ! ฉันไม่ได้หมายถึงบอสอันนั้นเร็ว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่จะพูดว่า...”
พรืด...คนที่หลุดขำออกมาเป็คนแรกคือเสิ่นเยว่ชวน เขาหัวเราะก๊ากจนลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นพรม
ลั่วเสี่ยวซีพูดแบบนี้ยิ่งชัดเลยไม่ใช่หรือไง?
มู่ซือเจวี๋ยกับคนอื่นพากันหัวเราะอย่างอดไม่ได้ มีเพียงซูอี้เฉิงเท่านั้นที่นั่งหน้าตึง
“ลั่วเสี่ยวซี หุบปากซะ!” ซูอี้เฉิงตะคอกอย่างเหลืออด
“ขอฉันอธิบายก่อนสิ!” ลั่วเสี่ยวซียังคงพยายามอธิบายเื่ที่เกิดขึ้น แต่ยิ่งพูดกลับยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“ลั่วเสี่ยวซี หุบปากเดี๋ยวนี้!” ซูอี้เฉิงแทบคลั่ง เขาลากลั่วเสี่ยวซีมานั่งข้างกายก่อนออกคำสั่ง
“นั่งดีๆ อย่าให้ฉันได้ยินเสียงเธออีก!”
ปกติลั่วเสี่ยวซีดูไม่เกรงกลัวใครก็จริง แต่นั่นเฉพาะกับคนที่มาจีบเธอหรือไม่ก็ซูอี้เฉิง เพราะตอนนี้มีผู้ชายอยู่เต็มห้อง เธอจึงไม่เก่งกล้าอย่างทุกที ทำได้แต่นั่งนิ่งก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างกายซูอี้เฉิง
“พอๆ” เสิ่นเยว่ชวนลุกขึ้นมาจากพื้น “เสี่ยวซี กล้าถามคำถามแบบนี้กับผอ.ลู่ เธออนาคตไกลแน่ๆ!”
ซูอี้เฉิงเตะเสิ่นเยว่ชวนไปหนึ่งที
“พอหรือยัง?”
“เอ๋?” เสิ่นเยว่ชวนหัวเราะในลำคอ “โอเคๆ ผอ.ซูเริ่มไม่พอใจซะแล้ว ฉันหุบปากแล้วดูบอลต่อดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะซวยเอา”
ั้แ่พวกเขาเริ่มเอะอะโวยวายลู่เป๋าเหยียนก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา สุดท้ายจึงได้โอกาสพูดเสียที
“พวกนายดูกันไป ฉันไปนอนแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน!” มู่ซือเจวี๋ยเรียกเขาไว้ “ตามกติกา ต้องลงเดิมพันเลือกข้างก่อนถึงจะไปได้”
ลู่เป๋าเหยียนเดิมทีไม่ค่อยสนใจเื่กีฬาสักเท่าไร มีแค่บางครั้งที่เขาจะดูการแข่งขันของทีมที่ชอบ แต่เื่พนันเป็เหมือนธรรมเนียมของพวกเขาไปเสียแล้ว เขาเปิดบ่อนถูกกฎหมายอยู่ที่มาเก๊าโดยมีมู่ซือเจวี๋ยเป็คนดูแล
เขานิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“หนึ่งล้าน เยอรมันชนะ”
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบกริบทั่วห้อง
ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ จึงแตะมือซูอี้เฉิงเบาๆ
“พวกนายทำอะไรกัน? หรือว่าใกับการวางเดิมพันของบอสลู่?”
“ไม่ได้ใ แค่คิดไม่ตก” มู่ซือเจวี๋ยตอบ “เวลาลู่เป๋าเหยียนแทงข้างไหนพวกเรามักจะดูไม่ออกว่าเขาคิดดีแล้วหรือเปล่า บางครั้งลงเงินตามเขากลับแพ้ไม่เป็ทาง แต่บางครั้งก็พลิกล็อกชนะซะอย่างนั้น ครั้งนี้พวกเขากำลังลังเลว่าจะลงตามลู่เป๋าเหยียนดีไหม”
“ฉันไม่เอาด้วยดีกว่า” เสิ่นเยว่ชวนตัดสินใจ “หนึ่งล้าน อาร์เจนตินาชนะชัวร์!”
ทุกคนต่างพากันเลือกพนันข้างที่ตนหมายตาไว้ การถ่ายทอดย้อนหลังได้จบลงแล้ว ในที่สุดการแข่งขันนัดชิงก็เริ่มต้น
ผลของรอบชิงออกมาแล้วเรียบร้อย ทีมชาติเยอรมนีเป็ฝ่ายชนะ คนทั้งห้องพากันส่งเสียงเฮ ะโโลดเต้นอย่างดีใจ
ลั่วเสี่ยวซียิ้มร่า เธอลังเลอยู่นานก่อนจะลงตามลู่เป๋าเหยียนไป เลยชนะได้เงินมาก้อนเล็กๆ
ถึงจะดีใจที่ได้เงินมาแต่ก็ไม่อาจต้านทานความง่วงในตอนนี้ได้ เธอฝืนลุกขึ้นจากโซฟา แต่แล้วก็ยืนไม่อยู่ล้มลงไปนอนบนนั้นอีกครั้ง
ซูอี้เฉิงดึงเธอให้ลุกขึ้น
“ตื่น กลับได้แล้ว”
ลั่วเสี่ยวซีพยายามอยู่นานกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ ตอนนี้ทั้งห้องว่างเปล่า
“คนอื่นล่ะ”
“กลับกันหมดแล้ว”
“อ้อ” เธอยกมือปิดหน้า “งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”
พูดจบเธอก็เดินไปทางหน้าต่าง ซูอี้เฉิงรั้งตัวเธอเข้ามาก่อนจะจูงเธอลงไปที่ชั้นล่าง และจับเธอให้นั่งลงในรถของเขา
สภาพของลั่วเสี่ยวซีในตอนนี้ ถ้าปล่อยให้เธอขับรถดีไม่ดีได้เจอเธออีกทีอาจจะกลายเป็ศพแล้วก็ได้
ลั่วเสี่ยวซีง่วงถึงขนาดลืมรัดเข็มขัดนิรภัย เธอหลับทันทีหลังจากหย่อนกายลง ซูอี้เฉิงจึงจำใจช่วยเธอรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยก่อนจะสตาร์ทรถ
กว่าจะถึงอพาร์ทเมนต์ของลั่วเสี่ยวซี แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่ก็มาเยือน ซูอี้เฉิงขับรถมาตลอดทางจึงเริ่มเพลียแล้วเหมือนกัน เขาลองปลุกลั่วเสี่ยวซีอยู่หลายั้แ่เธอก็ไม่ตื่น เลยถือวิสาสะอุ้มเธอขึ้นห้องไป
เหมือนจะมีคนส่งเสียงทักทายเขาตอนอยู่ในลิฟต์ เมื่อเขาเดินออกมาจึงนึกขึ้นได้ว่าคนคนนั้นคือรองผู้จัดการที่บริษัท
คนเราเวลาเหนื่อยถึงขีดจำกัด ปฏิกิริยาตอบสนองมักจะช้าลงเสมอ ซูอี้เฉิงไม่รู้ตัวเลยว่าการที่รองผู้จัดการเห็นเขาอุ้มลั่วเสี่ยวซีขึ้นห้องมาแบบนี้จะถูกเข้าใจผิดไปไหนต่อไหน
กว่าจะส่งลั่วเสี่ยวซีให้ถึงห้อง ซูอี้เฉิงก็แทบหมดแรง เขาล้มตัวลงนอนข้างลั่วเสี่ยวซีก่อนจะหลับตาลง
หลังโดนูเี่อันกำชับ เขาก็นอนไวมาโดยตลอด แต่ส่วนใหญ่เขามักจะนอนข้างนอกบ้านเสียมากกว่า
อพาร์ตเม้นท์ของเขาอยู่ในทำเลทองหรูหราใจกลางเมือง แต่ก็เพราะสาเหตุนี้ทำให้เขารู้สึกอ้างว้าง กลับไปที่นั่นทีไรเขามักรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างประหลาด สุดท้ายจึงต้องไปหาแฟน และลงเอยด้วยการนอนข้างนอกบ้านทุกที
เมื่อก่อนในหนึ่งเดือนเขามักจะนอนที่บ้านของตนประมาณสิบกว่าวัน แต่ทุกครั้งกว่าจะหลับก็ยากเหลือหลาย แถมยังตื่นง่ายกว่าปกติ ใน่สองเดือนที่ผ่านมานี้เขานอนที่บ้านทุกวัน ทำให้อาการนอนไม่หลับเริ่มหนักขึ้น จนเขาต้องหันไปพึ่งยานอนหลับ
นานมากแล้วที่เขาไม่หลับทันทีที่หัวถึงหมอนแบบนี้ แถมยังหลับลึกเสียด้วย
ทั้งสองคนหลับยาวจนถึงบ่ายสองโมง ลั่วเสี่ยวซีตื่นขึ้นมาในท่าเดิมไม่ต่างจากตอนล้มตัวลงนอนแรกๆ เธอจึงปวดแขนไปหมด
ว่าแต่การที่ใบหน้าของซูอี้เฉิงมาอยู่ข้างหมอนเธอแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้น? นี่เธอเบลอจนตาฝาดงั้นเหรอ?
ว่าแล้วจึงยกมือขึ้นตบหน้าเขาดัง เพี้ยะ! คราวนี้เธอถึงกับตื่นเต็มตา
ลั่วเสี่ยวซีลุกพรวดขึ้นมานั่ง ตาเบิกกว้างมองจ้องซูอี้เฉิงที่อยู่บนเตียงของตน ก่อนจะรีบมองเสื้อผ้าของตัวเอง ดีที่ทุกอย่างยังคงเรียบร้อย ซูอี้เฉิงเองก็ยังคงหลับสนิทไม่รู้เื่
พวกเธอนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่กลับไม่เกิดเื่อะไรขึ้นเลย
คิดไปคิดมา ทำไมเธอรู้สึกว่าแบบนี้มันน่าเศร้ายิ่งกว่าโดนเขาเอาเปรียบเสียอีก?
เธอก็ไม่อาจปฏิเสธว่าซูอี้เฉิงในตอนนี้ยังคงหล่อเหลาไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เขาสวมชุดเดิมของเมื่อวานที่เริ่มยับยู่ยี่จากการนอน ทรงผมเองก็ไม่เนี้ยบอย่างทุกที ใต้ตาคลำเล็กน้อย ไรหนวดเริ่มขึ้นที่คาง
ถึงเขาในยามนี้จะไม่ได้ดูเพอร์เฟคอย่างทุกครั้ง แต่กลับดูไม่เหินห่างอย่างทุกที
ลั่วเสี่ยวซีก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าของเขา
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเธอ้าอะไร เธอแค่อยากทำแบบนี้ อยากเข้าใกล้เขาอีกนิด อีกสักนิดก็ยังดี...
ตอนนั้นเองซูอี้เฉิงเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมา ลั่วเสี่ยวซีตั้งตัวไม่ทัน ตาของเธอเบิกกว้างขณะที่หน้ายังคงอยู่ที่เดิม หากคนอื่นมาเห็นภาพนี้ คงคิดว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่แน่ๆ แถมลั่วเสี่ยวซียังเป็ฝ่ายเริ่มก่อนอีกด้วย
ซูอี้เฉิงยังคงนิ่งเหมือนทุกครั้ง
“เธอมั่นใจว่าจะทำแบบนี้กลางวันแสกๆ?”
“บ้าเหรอ!” ลั่วเสี่ยวซีรีบผละตัวออกมา “ฉันก็แค่อยากมองหนวดนายให้ชัดๆเท่านั้นเอง นายคิดว่าฉันจะทำอะไรนายฮะ! แอบหอมแอบจูบเื่พรรค์นั้น ฉันทำมาเยอะจนเบื่อแล้ว!”
ซูอี้เฉิงช็อกที่ลั่วเสี่ยวซีพูดเื่พวกนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย เขาลูบคางตัวเองก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาััข้างแก้ม
“ลั่วเสี่ยวซี เธอตบฉันหรือเปล่า?”
ลั่วเสี่ยวซีไม่กล้ายอมรับ เธอรีบส่ายหน้า
“ฉันไม่ใช่พวกชอบความรุนแรงนะ จะตบนายทำไมกัน? ว่าแต่...นายควรจะอธิบายหน่อยมั้ยว่าทำไมถึงมานอนบนเตียงฉันได้?”
ซูอี้เฉิงถูกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยไม่รู้ตัว
“ตอนเช้าที่ฉันมาส่งเธอ ฉันง่วงมากเลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย”
“เลยตามเลย?” ลั่วเสี่ยวซีถลึงตาใส่เขา “ฉันไม่เคยปล่อยให้ผู้ชายคนไหนเฉียดใกล้เตียงฉันมาก่อนเลยนะ แต่นายกลับสบโอกาสตอนฉันหลับมาขโมยครั้งแรกไปแบบนี้ ยังจะพูดว่าเลยตามเลยอีกเหรอ?”
ซูอี้เฉิงยกมุมปากเล็กน้อย
“เธออยากจะบอกอะไร”
“ฉันจะสื่อว่านายเอาเปรียบคนอื่นแท้ๆ ยังจะกล้าทำหน้าตาแบบ ‘ที่จริงก็ไม่อยากทำหรอกนะ’ ใส่ฉันอีกเนี่ยนะ!” ลั่วเสี่ยวซีโวย “อยากให้ฉันถีบนายลงไปใช่ไหม!”
ซูอี้เฉิงกดขาเธอเอาไว้อย่างง่ายดาย ก่อนจะสังเกตว่าหลังผ่านการเทรนตลอด่ที่ผ่านมา เรียวขาของลั่วเสี่ยวซีสวยงามได้สัดส่วนมากขึ้น ยิ่งดูเย้ายวนเซ็กซี่เข้าไปใหญ่
เขาเว้นจากเื่นั้นมานาน พอเจอแบบนี้ก็ยากที่จะไม่รู้สึกอะไรจึงรีบเบือนสายตาหนี
“มีเบอร์พวกเดลิเวอรี่บ้างหรือเปล่า สั่งอาหารมาหน่อย ฉันหิวแล้ว” เขาลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำไป ผ่านไปสักพักจึงหันกลับมาถามลั่วเสี่ยวซี
“จริงสิ เธอเอาพวกแปรงสีฟันกับผ้าเช็ดตัวสำรองไว้ที่ไหน ฉันหาไม่เจอ”
ลั่วเสี่ยวซีพูดไม่ออก บนโลกนี้คนที่ทำให้เธอพูดไม่ออกแบบนี้ได้มีไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำ
ทำไมเขาถึงได้ทำตัวตามสบายแบบนี้ ทำได้ยังไงกัน! นอนบนเตียงเธอก็แล้ว ยังทำท่าเหมือนสามีถามภรรยาว่าวางของเอาไว้ที่ไหนอีก นี่เขาคิดจะทำอะไรเนี่ย!?
“ไม่ตอบงั้นฉันใช้ของที่วางในห้องน้ำนะ” ซูอี้เฉิงพูดจบก็ตั้งท่าจะหันกลับ
นั่นมันของของเธอ จะให้เขาใช้ได้ยังไง!
ลั่วเสี่ยวซีแทบจะะโออกมา “หยุดนะ! ที่ลิ้นชักด้านขวาของอ่างล้างหน้ามีแปรงสีฟัน ผ้าขนหนูสีขาวที่อยู่บนชั้นคืออันที่ยังไม่ได้ใช้”
ซูอี้เฉิงยิ้มก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างพอใจ เขาหยิบของตามที่ลั่วเสี่ยวซีบอกก่อนจะจัดการชำระล้างร่างกาย
ลั่วเสี่ยวซีนั่งทึ้งผมตัวเองอย่างกลุ้มใจอยู่บนเตียงแต่ก็คงไม่ทันแล้ว
นี่เธอกำลังตามใจซูอี้เฉิงอยู่งั้นเหรอ แต่...เธอทำไปโดยไม่รู้ตัว เธอกระทำทุกอย่างลงไปโดยไม่ได้ใช้สติคิดให้ดีก่อนเลยด้วยซ้ำ
ถ้าเธอมีสติมากพอ คงถีบเขาตกจากเตียงและไล่เขาออกไปั้แ่วินาทีแรกแล้ว
ทว่าตอนนี้เธอกลับกดโทรศัพท์สั่งอาหารมาสองชุด
จบกัน เธอนี่เกินเยียวยาแล้วจริงๆ...
แต่เกินเยียวยาก็ช่างปะไร แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่คิดจะถอนตัวออกจากการรักข้างเดียวในครั้งนี้อยู่แล้ว
หลังอาบน้ำเสร็จซูอี้เฉิงก็ดูสดชื่นขึ้น เขากลับมาเนี้ยบตามเดิมอีกครั้ง ลั่วเสี่ยวซีลองส่องกระจกจึงได้เห็นตัวเองในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าดูไม่ได้ แถมเสื้อผ้ายังยับยู่ยี่อีก
ให้ตาย เธอกับเขาจะแตกต่างกันเกินไปแล้ว!
