หลินเยว่มองจวงเมิ่งเตี๋ยพร้อมยิ้มเล็กน้อยเขาใช้เงินจำนวน 5 พันหยวนในการลองใจว่าลิมิตของอีกฝ่ายอยู่ที่เท่าไรหากอีกฝ่ายยืมเงินคุณปู่ของตนมาเพียง 1 ล้านหยวนถ้าเช่นนั้น การที่อีกฝ่ายเสนอราคาเพิ่มขึ้นทีเดียว 1 ล้านหยวนก็เพื่อ้าหลอกให้เขาติดกับดักดังนั้น การเพิ่มเงิน 5 พันหยวนของเขาในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็การเพิ่มที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
หากอีกฝ่ายยังเสนอราคาเพิ่มอีกนั่นก็แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขอยืมเงินเพียง 1 ล้านหยวนเท่านั้นถ้าเช่นนั้นเขาก็จะเพิ่มราคาจากราคาของอีกฝ่ายครั้งละ 5 พันหยวนเพื่อเป็การทดสอบถึงลิมิตของอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ขอแค่เขาอย่าใจร้อนจนติดกับดักของอีกฝ่ายเท่านั้นก็พอ
สายตาของทุกๆ คนต่างมองไปทางจวงเมิ่งเตี๋ยแต่พวกเขากลับพบว่าสีหน้าของเธอดูแย่มาก ใบหน้าซีดขาวเธอกำลังกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น สีหน้าของเธอดูเหมือนคนที่ถูกรังแก สายตาเ็าแต่ก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ขณะที่ทุกคนรู้สึกไม่เข้าใจนั้นจวงเมิ่งเตี๋ยก็หันหน้าไปมองหลินเยว่ และก็มีโอกาสสบตากับเขาพอดีสายตาของเธอก็แสดงความโกรธแค้นจนเข้าไปถึงกระดูกขึ้นมาทันที
เป็ความแค้นที่ไม่ตายก็ไม่มีวันหมด!
จวงเมิ่งเตี๋ยรู้สึกอัปยศอดสูอยู่ในใจ เงินเพียง 5พันหยวนก็เป็การทำให้หมากรุกในกระดานที่เธอวางแผนมาอย่างแยบคายต้องหมดค่าไปในทันทีเธอแค้นที่เธอไม่สามารถจับผู้ชายตรงหน้ามาฉีกเป็ชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขข้างถนนกินแต่ถึงจะได้ทำเช่นนี้ ความแค้นของเธอก็ยังยากที่จะหมดไป!
สายตาที่มีความแค้นอยู่ลึกๆของจวงเมิ่งเตี๋ยก็ทำให้หลินเยว่กังวลจนสะดุ้ง
ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอสักเท่าไรไม่ใช่หรอทำไมเธอถึงได้มีความโกรธแค้นราวกับเขาไปฆ่าแกงคนในครอบครัวของเธอขนาดนั้นเลยล่ะ
และเวลานี้เองที่ผู้ดำเนินการประมูลมั่นใจว่าจวงเมิ่งเตี๋ยจะไม่เสนอราคาสู้อีกแล้วเขาจึงประกาศขึ้น “4 ล้าน 5 พันหยวนครั้งที่ 1”
“4 ล้าน 5พันหยวนครั้งที่ 2”
“4 ล้าน 5พันหยวนครั้งที่ 3”
“ปึ้ง!”
“การประมูลสิ้นสุด”
เมื่อเสียงประกาศและเสียงค้อนดังขึ้นในที่สุด...มีดแกะสลักเล่มนี้ก็ตกเป็ของหลินเยว่อย่างแท้จริง
หลินเยว่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะต้องแลกมาด้วยเงินจำนวน 4ล้านหยวนกว่าๆแต่ทว่าเขาก็ยังคงรู้สึกดีใจอยู่ดีในที่สุดเขาก็หาของขวัญเพื่อมอบให้กับอาจารย์ของเขาได้แล้วอาจารย์จะต้องดีใจมากแน่ๆ
แต่สำหรับดวงตาที่มีความแค้นของจวงเมิ่งเตี๋ยหลินเยว่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนักเพราะอีกไม่นานการแข่งขันการพิสูจน์เครื่องเคลือบก็จะมาถึงแล้ว และเมื่อจบการแข่งขันต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางไม่มีโอกาสเจออีกฝ่ายอีกแล้ว และความแค้นพวกนั้น ก็คงต้องรอให้เจอตัวก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน
การแข่งขันอย่างดุเดือดในการประมูลมีดแกะสลักก็ผ่านพ้นไปตามเสียงค้อนที่ดังขึ้นงานประมูลยังคงดำเนินต่อไป แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์ร้อนระอุเมื่อสักครู่แล้วการประมูลในภายหลังก็ดูเงียบเหงาขึ้นมาทันทีถึงแม้ว่าจะมีผู้ร่วมประมูลจำนวนไม่น้อย แต่ทว่าไม่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดเหมือนเมื่อสักครู่อีกแล้วมีคนจำนวนมากแอบคาดหวังอยู่ในใจ พวกเขาอยากให้หลินเยว่กับจวงเมิ่งเตี๋ยคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนเสนอราคาออกมาอีกครั้งแต่ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะจนกระทั่งงานประมูลครั้งนี้สิ้นสุดลงหลินเยว่และจวงเมิ่งเตี๋ยก็ไม่ได้เสนอราคาอีกเลย
ตอนที่งานประมูลสิ้นสุดลงก็เป็เวลาเที่ยงครึ่งแล้วหลินเยว่ชำระเงินและถือมีดแกะสลักไว้ในมือ หลังจากนั้นจึงตามท่านเฮ่อฉางเหอออกไปจากงานประมูลแห่งนี้
พวกเขาเจอท่านจวงตงเฟิงและจวงเมิ่งเตี๋ยที่กำลังรอรถอยู่ทางด้านหน้าของงานประมูล
แต่พวกเขายังไม่ได้ทักทายกันรถของอีกฝ่ายก็มาถึงเสียแล้ว ท่านจวงตงเฟิงยิ้มอย่างขอตัวกับท่านเฮ่อฉางเหอและหลินเยว่หลังจากนั้นจึงเดินขึ้นรถไปส่วนจวงเมิ่งเตี๋ยก็เดินตามคุณปู่ของเธอขึ้นรถ แต่ทว่าก่อนที่เธอจะขึ้นรถ เธอได้ถลึงตาใส่หลินเยว่แล้วส่งเสียหึในลำคอ
“ยัยหนูคนนี้แค้นคุณแล้ว ต่อไปคุณต้องระวังตัวแล้วล่ะ”
ท่านเฮ่อฉางเหอหัวเราะฮ่าๆ
“จะแค้นหรือไม่แค้นก็ไม่เป็ไร เพราะไม่ว่ายังไง พอกลับจากจิ่งเต๋อเจิ้นแล้วก็คงไม่ได้เจอกันอีก”หลินเยว่ตอบอย่างไม่ได้สนใจนัก
“มันก็ไม่แน่หรอกนะขอแค่คุณยังอยู่ในวงการการพิสูจน์เครื่องเคลือบ พวกคุณสองคนก็คงจะได้พบกันสักวันฮ่าๆ พวกเราอาจารย์ลูกศิษย์สองคนนี่ก็มีโชคชะตาเหมือนกันเลยคุณมาจิ่งเต๋อเจิ้นครั้งแรกก็ผูกความแค้นกับจวงเมิ่งเตี๋ยเสียแล้ว ส่วนอาจารย์ครั้งแรกที่มาที่นี่ก็ปะทะกับเฉินเฟย ไม่มีใครยอมใคร แต่อาจารย์ไม่ได้โชคดีเหมือนคุณเพราะความแค้นของคุณไปผูกไว้กับสาวสวยคนหนึ่ง ฮ่าๆ”
ท่านเฮ่อฉางเหอพูดแซวหลินเยว่
เมื่อหลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็ทำหน้าประหลาดเขายิ้มพร้อมพูดขึ้น “ยังมีหลี่เฉียนโจวอีกคน ผมกับเขาก็ผูกความแค้นกันไว้แล้ว”
“ไม่ถือว่าเป็การเพิ่งผูกความแค้นเพราะพวกคุณสองคนมีความแค้นกันมาั้แ่แรกอยู่แล้ว เพราะคุณเป็ลูกศิษย์ของอาจารย์ไงล่ะ”
น้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอดูเป็ธรรมชาติมากราวกับว่ากำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่แสนธรรมดาเื่หนึ่ง
ไม่รู้ว่าเป็เพราะสาเหตุใดท่านเจี่ยเหวยเกิ่งและจางฮุยิอาจารย์ลูกศิษย์สองคนนี้ถึงเพิ่งเดินออกมาจากภายในงานเมื่อพวกเขาเห็นท่านเฮ่อฉางเหอและหลินเยว่ จึงรีบเดินเข้ามาหาทันที
“ตาแก่เฮ่อในที่สุดวันนี้ก็ได้ระบายความแค้นไปบางส่วนใช่ไหมล่ะ” ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งพูดพร้อมรอยยิ้ม“หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ผมคงสงสัยว่าคนที่วางแผนหลอกเฉินเฟยในวันนี้ไม่ใช่คุณตัวจริงไม่เจอกันมาหลายปี คาดไม่ถึงว่าคุณจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
“เพื่อต่อกรกับตาแก่นั่น ผมก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงบ้างสิ”
เมื่อพูดถึงเฉินเฟย น้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งยิ้มเล็กน้อยหลังจากนั้นจึงมองไปทางหลินเยว่“การกระทำของเสี่ยวเยว่ในวันนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณเลยนะ 5 พันหยวนนี้ก็เป็การบีบให้ยัยหนูสกุลจวงถึงกับต้องปล่อยมือแล้วความใจกล้ากับการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลก็มีไม่น้อยเลยล่ะ”
“ท่านเจี่ยชมเกินไปแล้ว” หลินเยว่พูดอย่างถ่อมตัว
“ไม่ได้ชมเกินไป” ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งส่ายศีรษะ“ตอนที่อาจารย์ของคุณอายุเท่าคุณ เขายังไม่มีความกล้าขนาดนี้เลยตอนนั้นพวกเรายังคงดิ้นรนกับการใช้ชีวิตอยู่ แต่ดูคุณในตอนนี้สิกลายเป็เศรษฐีเสียแล้ว เก่งจริงๆ คุณต้องมีอนาคตไกลอย่างแน่นอนประโยคนี้พูดไม่ผิดหรอกนะ”
เมื่อเผชิญหน้ากับการชมเชยของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งใบหน้าของหลินเยว่ก็ขัดเขินมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกแปลกๆ เวลาคนอื่นชมเขาเพราะเขาคิดว่าเวลาคนอื่นชมเขาก็เหมือนกับการตำหนิเขาเลย เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ดีอย่างที่ทุกคนเอ่ยชมแต่เขากลับถูกชื่นชมมากมายขนาดนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังถูกประชดบอกว่าเขาไม่ได้เื่ประมาณนั้นเลย
จางฮุยิที่อยู่ด้านข้างก็กวาดตามองหลินเยว่ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งเก็บตกเครื่องเคลือบเตาเผาหลงเฉวียนได้เงิน 1ล้านหยวนแต่ไม่ว่าเขาจะดูหน้าตาท่าทางของอีกฝ่ายอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็คนที่กล้าจ่ายเงินเป็หลักล้านหยวนได้เลย อีกทั้งยังจ่ายด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับว่าเงินหลักล้านหยวนนั้นไม่ได้มีค่าอะไร
เด็กขนาดนี้แต่มีทรัพย์สินเกินหนึ่งล้านหยวน...เราไม่สามารถตัดสินคนด้วยลักษณะภายนอกจริงๆ!
ขณะที่จางฮุยิกำลังรำพึงอยู่ในใจนั้นท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็ได้เสนอขึ้นมา “พวกคุณเก็บตัวอยู่ในห้องมา 5 วันแล้ว และพวกเราก็ยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างจริงจังวันนี้พวกเราทานข้าวด้วยกันเถอะ ผมเลี้ยงเอง ไปกัน”
ขณะที่พูดก็ไม่ได้รอถามความเห็นจากคนอื่นเขาจับท่านเฮ่อฉางเหอแล้วพากันเดินไปยังบริเวณที่รอรถเพื่อรอรถที่จัดไว้เป็พิเศษโดยเฉพาะ
ท่านเฮ่อฉางเหอจึงต้องตกลงอย่างจำใจดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ วันนี้เขาคงไม่มีโอกาสสอนหลินเยว่ต่อแล้ว
และก็เป็เหมือนกับการเจอในครั้งแรกหลินเยว่และจางฮุยิต้องติดตามผู้าุโทั้งสองขึ้นรถไปโดยไม่มีทางเลือกอื่น
......
ชั่วพริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีก 5 วัน นับั้แ่งานประมูลครั้งนั้นแล้วหลินเยว่ก็อยู่แต่ในห้องเพื่อศึกษาความรู้ด้านเครื่องเคลือบจากท่านเฮ่อฉางเหอเขาไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย แม้กระทั่งอาหารก็ยังให้พนักงานของโรงแรมส่งมาถึงห้องพัก
5 วันมานี้หลินเยว่ไม่ได้ออกจากห้อง ดังนั้น เขาจึงไม่มีโอกาสได้เจอกับจวงเมิ่งเตี๋ยเขาไม่ได้ถูกเอาคืนและก็ไม่มีโอกาสเจอเฉินเฟยกับหลี่เฉียนโจวที่เป็อาจารย์ลูกศิษย์ที่แสนน่าเบื่อคู่นั้น
พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแข่งขันการพิสูจน์เครื่องเคลือบแล้วท่านเฮ่อฉางเหอถูกลากตัวไปประชุม หลินเยว่จึงถูกทิ้งอยู่ในโรงแรมคนเดียวเขาจึงถือโอกาสนี้พักผ่อนเสียหน่อยและเป็การทบทวนความรู้ที่เขาเรียนมาในหลายวันนี้ แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้ทบทวนจนเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
หลินเยว่รีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูเมื่อประตูเปิดออกเขาจึงพบว่าคนที่อยู่หน้าประตูคืออาจารย์เฮ่อฉางเหอของตน
“อาจารย์ครับ อาจารย์ไม่ได้ไปประชุมหรอกหรือ?”
หลินเยว่อึ้งไปชั่วขณะ
“ประชุมเสร็จแล้ว”
ท่านเฮ่อฉางเหอเดินเข้ามาในห้องของหลินเยว่หลังจากนั้นจึงลากเก้าอี้มาหนึ่งตัวแล้วนั่งลง
“ประชุมเสร็จแล้ว? ทำไมถึงเร็วนักล่ะครับ?อาจารย์เพิ่งออกไปสิบนาทีเองไม่ใช่หรอ?”
หลินเยว่ถามอย่างสงสัย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้