โจวเฉิงนึกว่าคำขอของตนจะถูกปฏิเสธเสียอีก เพราะถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งเข้าเรียนที่นี่ยังไม่ครบหนึ่งเดือนเต็ม
แต่ใครจะไปคิดว่าคำขอของเขาจะได้รับการอนุญาต
“มีเวลาสองนาทีในการคุยโทรศัพท์ ให้เร็ว!”
โจวเฉิงกะแล้วว่านี่ไม่ใช่การแค่การซ้อมรบธรรมดาสามัญ ทว่าเป็ภารกิจที่อันตรายพอสมควร มีเพียง่เวลาเช่นนี้เท่านั้นที่ทางวิทยาลัยจะอะลุ้มอล่วยให้เป็พิเศษ เพราะกลัวนักศึกษาจะมีห่วงอย่างนั้นหรือ?
โจวเฉิงไม่กล้าชักช้า เขาเคยผ่านเหตุการณ์อันตรายมานักต่อนัก ต่อให้มีลูกะเิมาะเิตรงหน้า ขอเพียงยังไม่ตาย เขาก็จะลุกขึ้นสู้ต่อ
เขาแค่ติดใจเล็กน้อย ว่าภารกิจอะไรถึงจำเป็ต้องให้เด็กรุ่นนี้เป็ผู้ปฏิบัติด้วย ในนี้ไม่ได้มีเพียงคนที่เคยไปแนวหน้าอย่างเขาอยู่เท่านั้น ทว่ายังมีข้าราชการนั่งโต๊ะอีกบางส่วนรวมอยู่ด้วยน่ะสิ
อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องออกเดินทาง ระยะเวลาสั้นขนาดนี้ หากโทรหาเซี่ยเสี่ยวหลาน แฟนสาวของเขายังไม่ทันรับสายเวลาก็คงหมดลงแล้ว
โจวเฉิงจึงตัดสินใจโทรไปที่บ้านโจว
ต่อให้พ่อแม่ของเขาไม่อยู่บ้าน พี่เจิงก็คงอยู่อย่างแน่นอน พี่เจิงจะซื้อวัตถุดิบทำอาหารทุกวันตอนเช้าตรู่ นาฬิกาชีวิตของเธอเป็ระบบมาก ดังนั้นตอนนี้เธอคงกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่
โชคดีที่วันนี้สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีปัญหา แค่ไม่กี่นาทีก็ต่อสายติด
“สวัสดีค่ะ”
ผู้รับโทรศัพท์คือกวนฮุ่ยเอ๋อ แบบนี้ยิ่งดีเลย!
“แม่ ผมเองนะครับ ผมได้รับอนุญาตให้โทรศัพท์ได้อย่างอิสระ ทว่าคงคุยได้ไม่นาน ขอพูดสั้นๆ เลยแล้วกันนะครับ ่นี้แม่ช่วยดูแลเสี่ยวหลานหน่อยได้ไหมครับ มีคนมารังแกว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่... อยู่ดีๆ ก็ไปข่มขู่เสี่ยวหลานถึงที่มหาวิทยาลัย แม่ยังไม่เคยทำเื่แบบนี้ด้วยซ้ำ แล้วคนอื่นมีสิทธิ์อะไรจริงไหมครับ!”
โจวเฉิงพูดรัวเร็วอย่างเร่งรีบ คงกำลังทำเวลาอยู่จริงๆสินะ
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่มีเวลาบ่นลูกชาย ว่าโทรศัพท์สายแรกที่โทรกลับมาหาแม่ดันโทรมาเพื่อเซี่ยเสี่ยวหลาน กวนฮุ่ยเอ๋อหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ความจริงเื่แบบนี้เธอก็เคยทำ นี่โจวเฉิงไม่ได้กำลังประชดเธออยู่ใช่หรือเปล่า?
เวลาสองนาทีไม่ขาดไม่เกิน พอครบกำหนดสายก็ตัดไปทันที
โจวเฉิงไม่ได้บอกเื่ภารกิจ เพราะถ้าแม่เขารู้เข้าคงเป็ห่วงจนนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
ปกติแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะต้องไปปฏิบัติภารกิจที่แนวหน้า เนื่องจากข้าราชการที่มาร่ำเรียนที่วิทยาลัยทหารบกครั้งนี้มาจากทั่วทุกสารทิศ ต่างหน่วยงาน ต่างตำแหน่ง หากส่งคนกลุ่มใหญ่ไปที่แนวหน้ากันหมด ผู้บัญชาการคงสั่งการลำบาก
ทว่าโจวเฉิงก็เดาไม่ออกเช่นกันว่าภารกิจในครั้งนี้คืออะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกกับกวนฮุ่ยเอ๋อ
โจวเฉิงโทรมาคราวนี้พูดเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น แต่กวนฮุ่ยเอ๋อจิตใจว้าวุ่นไปหมด
เธอจะสนใจดีหรือไม่?
ถ้าสนใจเธอควรทำอย่างไร?
ใจจริงเธอไม่อยากสนใจแม้แต่น้อย เพราะเธอยังไม่เห็นด้วยกับการคบหากันระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิง!
ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ ตราบใดที่โจวเฉิงไม่เป็ฝ่ายขอเลิก เซี่ยเสี่ยวหลานก็คือคู่ครองของเขา ถ้าเธอไม่สนใจเื่นี้แล้วปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานถูกรังแก ตระกูลโจวก็จะเสียหน้าเป็อย่างมาก ตระกูลโจวไม่ชอบหาเื่ใคร และไม่กลัวใครจะมาหาเื่เช่นกัน ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่คู่ครองของโจวเฉิง แต่สาวน้อยจากต่างถิ่นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างขยันขันแข็งสมควรถูกคนอื่นรังแกอย่างนั้นหรือ?
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ใช่คนเลว
เธอคงไม่มีปัญญาสนใจเื่อยุติธรรมทั้งหมดของโลกใบนี้ แต่หากมีเื่ไหนที่เธอสามารถช่วยได้ก็คงไม่ทนดูอยู่เฉยๆ แน่นอน
หากตัดเื่เซี่ยเสี่ยวหลานเหมาะสมกับโจวเฉิงหรือไม่ออกไป ตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็นับว่าเป็เด็กที่น่าชื่นชม ในชีวิตประจำวันของกวนฮุ่ยเอ๋อ ถ้าเจอรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่เช่นนี้ เธอก็คงยินดียื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่รุ่นน้องที่ทำงาน แต่เป็แฟนสาวลูกชายเธอ!
โจวกั๋วปินเลิกงานกลับมา กวนฮุ่ยเอ๋อก็เล่าเื่ที่รับรู้จากโจวเฉิงให้สามีฟัง
“จะรังแกกันเกินไปหน่อยไหม อายุอานามตั้งเท่าไรแล้ว ดันไปหาเื่เด็กสาวคนหนึ่งเสียได้!”
ตระกูลจี้อะไรนั่นไม่เคยไปมาหาสู่กับตระกูลโจว ทั้งสองตระกูลไม่ได้อยู่ในแวดวงสังคมเดียวกัน ตระกูลคนเถื่อนอย่างพวกเขาจะรู้จักมักจี่กับตระกูลผู้ดีมีการศึกษาอย่างตระกูลจี้ได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าโจวกั๋วปินเคยได้ยินชื่อผู้เฒ่าจี้
โจวกั๋วปินนึกว่าตัวเองกำลังฟังเื่ตลกอยู่
“ผู้นำตระกูลพวกเขาเพิ่งทำพิธีฝังศพไปไม่กี่วันนี่เอง”
ผู้เฒ่าจี้เพิ่งจากโลกใบนี้ไปได้ไม่นาน ตระกูลจี้ก็ทำอะไรบุ่มบ่ามเสียแล้ว ช่างเหยียบย่ำชื่อเสียงของผู้เฒ่าจี้ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตเหลือเกิน
เื่นี้ไม่ได้ทำให้ตระกูลจี้ดูมีเกียรติ ทว่ากลับทำให้ตระกูลจี้อับอายขายหน้ามากยิ่งขึ้น
ตระกูลโจวไม่เคยทำเื่เช่นนี้เลยสักครั้ง ต่อให้โจวเฉิงไม่พาเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาที่บ้าน เขากับกวนฮุ่ยเอ๋อก็คงไม่มีใครไปหาเื่เซี่ยเสี่ยวหลานถึงบ้าน แล้วบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานไสหัวไป!
“เื่นี้จะปล่อยผ่านไม่ได้ คุณไปถามเสี่ยวหลานดูสิ เธอยังเป็เด็กไม่มีประสบการณ์ ดีไม่ดีอาจจะถูกคนตระกูลจี้ทำให้เสียขวัญได้”
กวนฮุ่ยเอ๋อต้องช่วยอยู่แล้ว แต่เธอเป็คนปากอย่างใจอย่าง
“เด็กแบบเธอเสียขวัญเป็ด้วยหรือ”
กวนฮุ่ยเอ๋อจำได้ว่าตอนที่เธอไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยตนเอง เซี่ยเสี่ยวหลานพูดจาฉะฉานร่ายเหตุผล ไม่เหมือนคนใเลยสักนิด
เซี่ยเสี่ยวหลานตอกกลับความคิดเห็นของเธออย่างมีหลักการ และไม่ยอมเลิกรากับโจวเฉิง เด็กสองคนยังคงรักกันดีตราบจนทุกวันนี้
เธอไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานแต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใ พอคนตระกูลจี้ไปหา เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเสียขวัญอย่างนั้นหรือ?
เหลวไหลเกินไปแล้ว แยกแยะหน่อยได้ไหมว่าใครสำคัญกว่า!
ไม่ได้ จะปล่อยเื่นี้ไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้
โจวกั๋วปินยังคงรู้สึกเป็ห่วง จึงพูดเสริมต่อว่า “คุณควรชวนเด็กคนนั้นมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ นะ เธอจากบ้านเกิดมาเรียนที่ปักกิ่ง สาเหตุหลักๆ ก็เพราะลูกชายคุณ บ้านเราใช่ว่าจะเป็คนไร้น้ำใจเสียเมื่อไร อีกหน่อยมีโอกาสก็พาเธอออกงานด้วยกันบ้าง จะได้ไม่เจอเื่แบบนี้อีก”
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังคบหาอยู่กับโจวเฉิง นอกจากคนตระกูลโจวก็มีแค่หร่านซูอวี้ที่เคยเจอโดยบังเอิญเท่านั้น
แต่การพาออกงานอย่างเป็ทางการนั้นไม่เหมือนกัน นี่เท่ากับเห็นดีเห็นงามกับอนาคตของเซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงไม่ใช่หรือ?
กวนฮุ่ยเอ๋อกลอกตาอย่างหงุดหงิด ผู้ชายแซ่โจวทำไมถึงแปรพักตร์ง่ายดายกันขนาดนี้!
โจวเฉิงโทรมาหา โจวกั๋วปินพูดกำชับ กวนฮุ่ยเอ๋อเก็บเื่นี้มาใส่ใจ ดังนั้นตอนเลิกงานเธอไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที แต่บอกให้คนขับรถขับอ้อมไปที่มหาวิทยาลัยหัวชิง ครั้งก่อนที่มาเยือน เธอบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานไปจากชีวิตของโจวเฉิง... แก้มของกวนฮุ่ยเอ๋อร้อนผ่าวขึ้นทันที ที่จริงเธอก็เคยทำเื่แบบเดียวกัน ตอนนั้นเธอถูกโทสะเข้าครอบงำ พอคนแซ่จี้ทำเื่แบบเดียวกันบ้าง เธอกลับดูแคลนคนตระกูลจี้ แต่ขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็ทำให้เธอตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของตนในตอนนั้นไม่เหมาะสมยิ่งนัก
เธอมีสิทธิ์อะไรไปบังคับลูกคนอื่น?
ถ้าจะบังคับก็ควรบังคับโจวเฉิง โจวเฉิงต่างหากคือลูกของเธอ
ขนาดโจวเฉิงเธอยังคุมไม่ได้ ยังทำใจบังคับลูกชายไม่ลง ดังนั้นวิ่งมาบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานเลิกราถึงที่มหาวิทยาลัยแล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า
กวนฮุ่ยเอ๋อสั่งให้คนขับรถจอดรถั้แ่ยังไม่ถึงหน้ามหาวิทยาลัย เธอเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนล้อมประตูใหญ่ โหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่สนใจเื่พวกนี้ แต่ทำไมเหมือนเธอจะเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในกลุ่มคนตรงนั้น?
ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานมีเอกลักษณ์มากเหลือเกิน ต่อให้เป็คนจำหน้าคนยากแค่ไหนก็ไม่มีทางจำเซี่ยเสี่ยวหลานผิด
กวนฮุ่ยเอ๋อได้ยินเสียงเจือความกรุ่นโกรธของเซี่ยเสี่ยวหลาน
“คุณน้า ถ้าป่วยก็กินยาสิคะ ฉันมีแฟนแล้ว ไม่ได้เป็อะไรกับลูกชายของคุณทั้งนั้น ต่อให้บ้านพวกคุณมีเงินทองกองสูงเป็พะเนิน ฉันก็ไม่อยากได้พอใจหรือยังคะ คุณน้าอยากให้ใครไปต่างประเทศกับลูกชายคุณก็เชิญ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ฉัน! ถ้าฉันเซี่ยเสี่ยวหลานอยากไปต่างประเทศ ฉันจะไปด้วยความสามารถของตัวเองเท่านั้น!”
กวนฮุ่ยเอ๋อขมวดคิ้ว
เธอไม่ได้ขมวดคิ้วเพราะคำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เป็เพราะวิธีการพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานต่างหาก
เสียงเบาขนาดนั้น นี่ทะเลาะเป็หรือเปล่า?!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้