เสียงออดอ้อนแ่เบาเหมือนกับจะเลือนหายไปหากเพียงแค่ลมพัดผ่าน
ถ้าให้ลั่วเสี่ยวซีจำกัดความเสียงแบบนี้คือ แค่ได้ยินก็ปวดหัว แต่ถ้าผู้ชายได้ยินคงจะปวด “อย่างอื่น”
ซูหยวนหยวนเดินมาหยุดตรงหน้าลู่เป๋าเหยียนด้วยท่าทางไร้เดียงสา
“พี่เขยคะ ฉันเข้ามาก็เห็นพี่เป็คนแรกเลยนะ” พูดจบก็ทำท่าเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นูเี่อัน “อุ๊ย พี่เจี่ยนอัน มากับพี่เขยเหรอคะ ได้ข่าวว่าพี่ถูกเด็กม.ปลายดักทำร้าย ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม แม่กับฉันเป็ห่วงพี่แทบแย่”
ขนตางอนที่ผลุบขึ้นลงช้าๆ บวกกับสายตาที่เต็มเป็ด้วยความห่วงใย ช่างดูสมจริง
แอคติ้งเป็เลิศ!
ูเี่อันยิ้มพลางกุมมือลู่เป๋าเหยียนอย่างอ่อนหวาน “พี่เขยของเธอมาได้ทันเวลา ฉันเลยไม่าเ็อะไร แล้วขาเธอล่ะ หายดีหรือยัง”
ชาตินี้ซูหยวนหยวนคงลืมเื่ทีู่เี่อันเรียกรถพยาบาลมารับเธอไปไม่ลง สายตาของเธอฉาบไปด้วยความเกลียดชังในชั่วเสี้ยววินาที แล้วรอยยิ้มอันแสนบริสุทธิ์ก็กลับมาอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในครั้งนี้คนปกติคงมองไม่ทัน
“หายดีแล้วล่ะค่ะ ต้องขอบคุณพี่มาก”
แสดงเก่งเสียจริงนะ รอยยิ้มของูเี่อันยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
“ไม่เป็ไร”
ลู่เป๋าเหยียนขยับเข้ามาโอบเอวูเี่อัน “ขอตัวก่อนนะครับ คุณหนูซู”
เขากำลังจะพาูเี่อันเดินออกไป แต่ซูหยวนหยวนยังกัดไม่ปล่อย เธอทำสีหน้าเหมือนหมดหนทาง
“พี่เขยคะ พวกพี่จะไปไหนกันเหรอ พาฉันไปด้วยได้หรือเปล่าคะ ที่นี่ฉันไม่รู้จักใครเลย”
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนเริ่มขมวดเป็ปม ูเี่อันรู้ดีว่าเขาเริ่มไม่สบอารมณ์ แต่เพราะความเป็สุภาพบุรุษทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธออกไปได้
เธออยากรู้จริงๆ ว่าเขาจะสลัดซูหยวนหยวนออกไปอย่างไร
ลู่เป๋าเหยียนเห็นูเี่อันกำลังเพลิดเพลินกับความลำบากของเขา เขาหรี่ตาลงพลางใช้ความคิด ว่าแล้วจึงพาูเี่อันเดินไปยังระเบียงที่ไม่มีใครอยู่
ซูหยวนหยวนรีบเดินตามมาอย่างกระตือรือร้น “พี่เขยพาพี่เจี่ยนอันมาที่นี่ทำไมคะ”
ูเี่อันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ดวงตาคู่งามมองจ้องลู่เป๋าเหยียนอย่างหาคำตอบ
ลู่เป๋าเหยียนมองลึกเข้าไปในั์ตาคู่นั้น แล้วจึงดันูเี่อันชิดเข้าผนังอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ จากนั้นจึงประทับริมฝีปากลงมาบนเรียวปากของเธอ
ซูหยวนหยวนยืนช็อกเหมือนคนโง่
ูเี่อันเองก็เช่นเดียวกัน
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ลืมหายใจไปชั่วขณะ สมองขาวโพลน ร่างกายอ่อนแรงเหมือนโดนสกัดจุดอย่างไรอย่างนั้น
มีเพียงริมฝีปากเย็นและลมหายใจอุ่นๆ ของลู่เป๋าเหยียนเท่านั้นที่เธอััได้อย่างชัดเจน
ััของเขาเหมือนอาบยาพิษ ทำให้คนที่ได้รับมันรู้สึกอยากจะหลับตาลงดื่มด่ำรสััให้ลึกซึ้งกว่าเดิม
ูเี่อันรู้สึกเหมือนถูกแขวนอยู่ตรงปากเหว หากตกลงไปร่างกายก็แตกสลาย แต่จะให้ปีนขึ้นมา...ก็เกินกำลัง
เธอถูกแขวนอยู่ที่ปากเหวแห่งนี้มานับสิบปี หากเธอขึ้นไปได้ เธอคงปีนขึ้นมาและหนีจากหุบเขานี้ไปนานแล้ว
ตอนนั้นเองซูหยวนหยวนก็เริ่มได้สติ เธอรีบปิดตาพลางร้องอุทานอย่างใ
ลู่เป๋าเหยียนค่อยๆ ปล่อยูเี่อันอย่างช้าๆ นิ้วเรียวยาวลูบแก้มนวลของูเี่อันอย่างเบามือ
“วันนี้คุณสวยมากจนผมควบคุมตัวเองไม่อยู่” เขาหันกลับมามองซูหยวนหยวน “คุณหนูซู จะอยู่ดูต่อเหรอครับ”
ซูหยวนหยวนอับอายเสียจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“พี่เขยบ้าที่สุด!” เธอยกมือขึ้นปิดหน้าซ่อนความริษยา แล้ววิ่งจากไป
ูเี่อันยังคงยืนนิ่งพิงอยู่ตรงผนังที่เดิม เธออึ้งเสียจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งลู่เป๋าเหยียนโอบเธอเข้าสู่อ้อมกอด
“ยัยโง่ หายใจลึกๆ!”
หลังสูดหายใจให้อากาศเข้าสู่ปอดไปเฮือกใหญ่ ูเี่อันก็รู้สึกเหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง หน้าเธอแดงไปหมดจนไม่รู้จนเริ่มพูดจากตรงไหนดี ผ่านไปชั่วอึดใจถึงพูดขึ้นมาว่า
“ลู่เป๋าเหยียน นะ นาย นายจะมากไปแล้วนะ!”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้ว “ฉันทำอะไรมากไป หือ?”
หางเสียงแสนเ้าเล่ห์ของเขาทำเอาเธอพูดคำว่า “ก็นายจูบฉัน” ไม่ออก เธอโมโหจนหน้ามืดไปหมด ว่าแล้วจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่งานดีกว่า
ลู่เป๋าเหยียนรั้งเธอไว้ “ฉันขอโทษ แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ คงจะสลัดซูหยวนหยวนไม่หลุดแน่”
ูเี่อันถลึงตาใส่เขา “ไม่ต้องมาอ้าง นายคิดจะเอาเปรียบฉันชัดๆ ตาโรคจิต!”
ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปากยิ้ม “อย่างน้อยเวลาฉันจะเอาเปรียบเธอก็ยังอุตส่าห์คิดหาข้ออ้างอยู่บ้าง ไม่เหมือนเธอที่ทำโดยข้ออ้างสักข้อก็ไม่มี”
เขาใส่ร้ายเธออีกแล้ว! เธอไปเอาเปรียบเขาตอนไหนกัน!?
เธอชักจะทนตาบ้านี่ไม่ไหวแล้วนะ!
ูเี่อันพูดอย่างโมโห “ถ้าฉันจะเอาเปรียบใครจริงๆ ก็คงไม่มาเอาเปรียบนายหรอกย่ะ!”
เธอก็เลือกคนเอาเปรียบนะจะบอกให้
“เื่ตอนเด็กเธอลืมไปแล้วจริงๆ?” ลู่เป๋าเหยียนจ้องตาูเี่อัน “ไหนจะงานเลี้ยงเมื่อเดือนก่อนอีก”
เอ่อ ตอนเด็กงั้นเหรอ ตอนเด็กเธอ...
สายตาลุกวาวของูเี่อันค่อยๆ อ่อนลง
สำหรับเธอในวัยสิบขวบ พี่เป๋าเหยียนไม่เหมือนกับพี่ชายคนอื่นๆ ที่เธอรู้จักั้แ่ยังเล็ก มีเพียงลู่เป๋าเหยียนที่อยู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในชีวิตเธอตอนนั้น เขาเป็คนแปลกหน้าสำหรับเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เธอรู้ว่า บนโลกใบนี้ยังมีคนที่หล่อพอๆ กับพี่ชายของเธออยู่อีกคน
แต่หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เขากลับบอกว่าต้องไปอเมริกา
เธอในตอนนั้นยังไม่เคยไปอเมริกาสักครั้ง เธอไม่รู้ว่าอเมริกาห่างจากเมือง A มากแค่ไหน แต่แม่บอกกับเธอว่า อเมริกาอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก ต้องนั่งเครื่องบินเท่านั้นถึงจะไปได้
พอนึกขึ้นได้ว่าอีกหน่อยไม่ใช่แค่นั่งรถไปสิบนาทีก็ได้เจอลู่เป๋าเหยียนแล้ว ูเี่อันก็ร้องไห้โฮจนน้ำตาไหลไม่ขาดสาย ถังอวี้หลันจึงแหย่เธอว่า
“เจี่ยนอัน หนูจุ๊บพี่เขาหนึ่งที พี่เขาก็ไม่ไปไหนแล้วลูก”
เวลาเธออยากได้อะไรจากซูอี้เฉิงเธอก็มักจะจุ๊บเขา ดังนั้นเธอเลยคิดว่าจุ๊บพี่เป๋าเหยียนก็คงเหมือนๆ กัน ว่าแล้วเธอจึงเข้าไปกอดลู่เป๋าเหยียนพร้อมทั้งน้ำตา ลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่คิดว่าเธอจะเชื่อฟังขนาดนั้น เขาหันกลับมาอย่างประหลาดใจ ส่วนเธอก็จุ๊บปากเขาในทันที
พวกผู้ใหญ่หัวเราะกันเสียงดัง ลู่เป๋าเหยียนเองก็ทำหน้าไม่ถูก มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอเอาแต่จับมือเขาไว้แล้วพูดว่า
“พี่จะไม่จากหนูไปแล้วใช่ไหมคะ” เธอพูดพลางปาดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างน่าสงสาร
แต่สุดท้ายแล้วลู่เป๋าเหยียนก็จากเธอไปอยู่ดี จนกระทั่งตอนนี้พวกเธอถึงได้พบหน้าและแต่งงานกัน
ส่วนเื่งานเลี้ยงเมื่อหนึ่งเดือนก่อน...
ตอนนั้นเธอจูบเขาเพราะ้าแสดงละครให้สมจริงเท่านั้น อีกอย่างก็แค่ที่แก้มเองนะ! นั่น...นับเป็การเอาเปรียบด้วยเหรอ?
เธอมองลู่เป๋าเหยียนอย่างประท้วง ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออก
“นึกออกหมดแล้วล่ะสิ” ลู่เป๋าเหยียนยิ้มพลางดันตัวเธอให้แนบชิดกับผนังอีกครั้ง “จะว่าไป เธอยังติดหนี้ฉันอยู่อีกทีหนึ่งนะ”
ูเี่อันถึงกับกลอกตา “ทั้งสองครั้งฉันก็แค่จุ๊บนายเบาๆ เอง แต่เมื่อกี้...นาย...ทำนานมาก! ขี้โกง!”
ูเี่อันเชิดคางขึ้นอย่างดื้อรั้นเหมือนปีศาจน้อยที่ไม่ยอมแพ้ใคร ลู่เป๋าเหยียนมองเรียวปากสีกุหลาบของเธอ พลางนึกถึงรสละมุนอ่อนหวานดั่งลูกกวาดที่ได้ลิ้มลองเมื่อครู่ เขาจึงประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาอยากจะทำแบบนี้มาั้แ่เมื่อไร ที่เขาอดทนมาจนถึงวันนี้ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์
คราวนีู้เี่อันเริ่มตั้งตัวได้บ้าง เธอไม่ตัวแข็งทื่อเหมือนเมื่อครู่แล้วก็จริง แต่ทว่าหายใจได้ยากลำบากเหลือเกิน เธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดถูกลิ้นของเขาสูบออกไปจนหมด
ทว่าลู่เป๋าเหยียนกลับไม่พอใจเพียงแค่นั้น เขารั้งเธอเข้ามาจนเธอต้องโอบเอวเขา จากนั้นก็ประคองท้ายทอยของเธอให้แนบชิดกว่าเดิม ทำให้จูบครั้งนี้ยิ่งลึกซึ้งขึ้นไปอีก
ริมฝีปากของเขาไม่เย็นเหมือนเมื่อครู่แล้ว ในตอนนี้มันร้อนรุ่มขึ้นมาเฉกเช่นเดียวกับลิ้นของเขา นั่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเธอกำลังถูกหลอมละลาย
ูเี่อันจับเสื้อเขาไว้แน่น จนกระทั่งผ่านไปสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่า
ทำไมเธอไม่ผลักเขาออกล่ะเนี่ย! ไม่ก็กัดเขาเหมือนในละครซะก็ยังดี!
เหมือนลู่เป๋าเหยียนจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาจึงรัดเอวเธอแน่นยิ่งขึ้นพลางกระซิบข้างหูเธอ
“เชื่อฟังฉัน เด็กดี”
เขาทิ้งหางเสียงที่ดูเย้ายวนแล้วขบกัดริมฝีปากเธอเบาๆ ูเี่อันรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่าง ดวงตาคู่งามปรือลงอย่างไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม ก้มลงจูบเธออีกครั้ง
ตอนนี้เขารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
ต่อให้ถลำลึกลงไปกว่านี้ ต่อให้เสียการควบคุมไปมากกว่านี้ เขาก็ยอม
เพราะชั่วชีวิต คงมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
รอบนีู้เี่อันไม่รู้ตัวเลยว่าเธอถูกเขาจูบไปนานแค่ไหน ตอนที่เขาผละออกจากเธอ เรียวปากงามของเธอรู้สึกเจ็บนิดๆ ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่แพ้กัน ริมฝีปากเขาเองก็เลอะลิปสติกของเธออย่างเห็นได้ชัด ทว่ามันไม่ได้ทำให้เขาดูหล่อน้อยลงกว่าเดิมเลย
ผู้ชายคนนี้นี่ปีศาจชัดๆ!
ปีศาจตนนี้เหมือนยิ่งได้ใจ เขาใช้มือหนึ่งดันกำแพงไว้ แล้วยกอีกมือขึ้นมาเช็ดลิปสติกที่เลอะมุมปากของเธออย่างแ่เบา
“เธอติดหนี้ฉันมาเป็สิบปี ก็ต้องคิดดอกเบี้ยเพิ่มสักหน่อยจริงไหม”
“...” เพราะแบบนี้เขาเลยจูบเธอซะนานขนาดนั้น?
เอ่อ เหมือนมีอะไรทะแม่งๆ แต่ว่ามันก็จริงนี่เนอะ
ลู่เป๋าเหยียนเห็นูเี่อันเหมือนจะยังตั้งตัวไม่ติด เขาจึงจูงมือเธอขึ้นมา
ผ่านไปชั่วอึดใจูเี่อันจึงถามขึ้นว่า “นายจะพาฉันไปไหน”
“ลิปสติกเธอเลือนหมดแล้ว” ลู่เป๋าเหยียนพาเธอไปที่ห้องแต่งหน้า “วางใจได้ ต่อให้ฉันคิดจะทำอะไรเธอ ก็คงไม่ทำตรงนี้”
ูเี่อันหยิบลิปสติกออกมาแล้วพูดว่า
“ตาบ้าโรคจิต!”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ปากเขาเองก็เลอะลิปสติกเธออยู่บ้าง เขารู้ดีว่าไม่ควรออกไปพบคนอื่นในสภาพแบบนี้ แต่พอคิดว่าลิปสติกที่เลอะอยู่เป็ของูเี่อัน เขากลับไม่รังเกียจสักนิด
เขาหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดรอยลิปสติกออกไป ผอ.ลู่ผู้สง่างามและน่าเกรงขามคนเดิมก็กลับมาอีกครั้ง
ูเี่อันเองก็เติมหน้าเรียบร้อย เธอเก็บลิปสติกกลับเข้ากระเป๋า ถลึงตาใส่ลู่เป๋าเหยียนอย่างเคืองๆ
“ดอกเบี้ยฉันก็จ่ายไปแล้ว เราสองคนหมดหนี้หมดสินกันแล้วนะ!”
หน้าแดงๆ และเรียวปากที่บวมนิดๆ ยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนกว่าครั้งไหนๆ ลู่เป๋าเหยียนมองภาพนั้นแล้ว ในใจคิดอยากจะจับเธอมัดขึ้นรถพากลับบ้านเสียตอนนี้
เขาเลิกคิ้ว “แล้วยังไง”
“เพราะฉะนั้น นายห้ามใช้มันมาเป็ข้ออ้างที่จะเอาเปรียบฉันอีก!”
พูดจบูเี่อันก็เดินออกไป ขายาวๆ ของลู่เป๋าเหยียนเดินตามติดมาในไม่ช้า เขาจูงมือเธออย่างเป็ธรรมชาติ
ูเี่อันอยากจะสะบัดมือออก แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับเตือนขึ้นว่า
“แขกน่าจะมาครบแล้ว”
นั่นหมายความว่า พวกเธอจะต้องเล่นละครกันอีกครั้ง เพราะฉะนั้นการที่เขาจับมือเธอจึงไม่นับว่าเป็การเอาเปรียบ
ูเี่อันยอมให้เขาประสานมือเธอทั้งๆ ที่ในใจยังคงประท้วง จากนั้นจึงค่อยๆ แย้มยิ้มออกมา
“เป๋าเหยียน เจี่ยนอัน” ถังอวี้หลันโบกมือเรียกสองสามีภรรยา “รีบเข้ามาเร็ว งานประมูลจะเริ่มแล้วนะ”
ลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้า งานประมูลในค่ำคืนนี้ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็ทางการ
ของที่จะประมูลในครั้งนี้เป็สิ่งของที่ทางแขกผู้มีเกียรติบริจาคมา รวมทั้งสิ้นกว่ายี่สิบชิ้น คาดว่าจะใช้เวลาประมูลของทั้งหมดภายในหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที
เวลากำลังดี ไม่ต้องนั่งนานจนเกินไป ูเี่อันคิด
ด้านข้างของทุกที่นั่งจะมีสมุดภาพรายชื่อของที่จะประมูลในวันนี้วางไว้ เมื่อูเี่อันเปิดดู สายตาเธอก็ไปหยุดอยู่ที่กำไลหยกชิ้นหนึ่ง เธอจ้องมันไม่วางตา
ลู่เป๋าเหยียนเห็นูเี่อันดูผิดปกติ เขามองตามสายตาเธอไป ก็พบว่าชื่อของคนที่บริจาคกำไลคือ เจี๋ยงเสวี่ยลี่ แม่เลี้ยงของเธอ
เขาขมวดคิ้ว และได้ยินูเี่อันพูดขึ้นว่า
“นี่มันกำไลของแม่ฉัน”
เธอเห็นแม่ใส่กำไลวงนี้มาั้แ่เด็ก เป็กำไลมีราคาที่คุณยายให้แม่เธอมา หลังจากที่แม่เสีย เธอคิดจะช่วยเก็บรักษามันไว้แทนแม่ แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ
ที่แท้มันตกไปอยู่ในมือของเจี๋ยงเสวี่ยลี่ แถมเธอยังกล้าเอามาบริจาคงานการกุศลอีก!
การจะเอามันกลับคืนมา มีวิธีเดียวคือต้องชนะการประมูล แต่ทว่าราคาเริ่มต้นสูงถึงสามแสนหยวน เธอไม่มีเงินมากขนาดนั้น
คงต้องพึ่งพี่ชาย
ว่าแล้วเธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาซูอี้เฉิง
ลู่เป๋าเหยียนเฝ้ามองการกระทำทั้งหมดของเธอ คิ้วขมวดเป็ปมแน่น ดูท่าเธอยังจำสิ่งที่เขาเคยพูดไปไม่ได้สินะ