เฟิงซื่อและหลินต้าเหอฟังคำพูดของหลินฟู่อินจบ ก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะกลับมาได้สติ
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองหลินฟู่อินด้วยความนับถือและอิจฉา
ถั่วปากอ้าที่แม้แต่คนอย่างพวกเขายังไม่เห็นค่า แต่หลินฟู่อินกลับหาทางทำเงินจากมันได้
คู่สามีภรรยาคู่นี้มิใช่คนโง่ แม้ตอนนี้ถั่วปากอ้าจะไร้ค่า แต่พอย่างเข้าหน้าหนาวมันก็จะมีค่าขึ้นมาอย่างที่หลินฟู่อินกล่าวไว้ หน้าหนาวที่พืชผักเป็สิ่งหายาก ทว่ายังมีสิ่งนี้อยู่!
หลินต้าเหอแอบเสียดายขึ้นมาที่หลินฟู่อินเป็คนค้นพบวิธีการนี้ หากเป็คนอื่น บ้านของพวกเขาและหลินฟู่อินเองก็คงออกไปเก็บถั่วปากอ้าไว้เพื่อรับหน้าหนาว จะได้มีช่องทางทำเงินได้ในตอนนั้น ซึ่งมันคงดีมิใช่น้อยเลยไม่ใช่หรือ?
แต่เฟิงซื่อไม่คิดเช่นนั้น เมื่อหายตะลึงแล้ว นางจึงกล่าว “ฟู่อินไม่ต้องห่วง ลุงสองของเ้ากับข้าต่างก็มีประสบการณ์ในการเก็บไข่มาแล้ว พวกชาวบ้านที่ขายไข่ต่างก็เชื่อพวกข้า”
หลินฟู่อินยิ้มแล้วพยักหน้า ในเมื่อเฟิงซื่อกล่าวเช่นนั้น จึงเป็ธรรมดาที่นางจะเบาใจลงได้
“แต่ฟู่อิน เ้าจะคิดราคาถั่วปากอ้าพวกนี้เท่าไรหรือ?” เฟิงซื่อคิดว่า ในเมื่อปีที่แล้วถั่วปากอ้าเหล่านี้มันขายไม่ได้ หลินฟู่อินจึงคิดจะไปรวบรวมมา และคนที่มีเก็บไว้เยอะๆ คงพร้อมจะขายให้ในราคาถูกแน่นอน
หลินฟู่อินเองก็คิดเื่นี้มาสักพักแล้ว ถั่วปากอ้าแช่หนึ่งจินจะได้ออกมาเป็ถั่วเปียกสองจิน หากเข้าหน้าหนาวที่ผักขาดแคลนแล้ว นางคิดจะขายให้ร้านอาหารในราคาสองอีแปะต่อหนึ่งจิน
ด้วยราคานี้ ถั่วปากอ้าพวกนี้ก็จะทำกำไรได้พอๆ กับไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนเลยทีเดียว
เพราะอากาศมันร้อนมาก แม้นางจะอยู่ในบ้าน นางก็ยังเหงื่อโชกอยู่ดี นางจึงนั่งเช็ดตัวไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมานิ่งๆ “คงขายสักหนึ่งอีแปะต่อสองจิน”
เฟิงซื่อและหลินต้าเหอสะดุ้งทันที โบกไม้โบกมือพัลวัน “แบบนั้นมีแต่ขาดทุนนะ ขาดทุน!”
หลินฟู่อินยิ้มบาง “ข้าแค่จะรวบรวมมันมาเพื่อเอาไว้ต่อรองเท่านั้น ต่างจากตอนไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสน ไข่เยี่ยวม้ากับไข่ดอกสนเป็สูตรของแม่ข้าที่มีแต่ข้าเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ไหนทำได้อีก แต่วิธีเตรียมถั่วปากอ้าเป็วิธีที่ใครๆ ก็รู้กันได้ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ข้าอยากจะทำคือการทำขายในหน้าหนาวนี้หนึ่งครั้ง แล้วในปีถัดไปค่อยให้พวกลุงสองป้าสองหรือชาวบ้านทำขายกันเอง หากใช้ราคาที่ข้าให้ไว้แล้วออกไปซื้อจากหมู่บ้านไกลๆ ก็คงได้กลับมามากขึ้นอีก”
ได้ยินที่หลินฟู่อินบอก หลินต้าเหอและเฟิงซื่อจึงหันมามองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แต่หลินฟู่อินกลับหัวเราะแล้วกล่าว “ปีนี้ข้าจะเป็คนนำร่องก่อน โดยจะให้พี่อาเฟินและพี่อาฟางตามข้าไปพบเหล่าเ้าของกิจการทั้งหลายด้วย เพื่อที่ทั้งสองจะได้ทำกิจการของตัวเองได้ในปีหน้า”
นี่เป็สิ่งที่หลินฟู่อินคิดมาลอด แม้นางจะตัดสินใจฝึกทั้งสองเพื่อให้มาเป็ผู้ช่วยของตนแล้ว แต่ก็คิดจะอนุญาตให้พวกนางทำกิจการของตัวเองได้ด้วย
แม้ทั้งสองจะเลือกที่จะทิ้งนางไปในอนาคต นางก็จะสนับสนุนความตั้งใจของทั้งสองอยู่ดี
แต่นี่เป็สิ่งที่หลินฟู่อินบอกเฟิงซื่อและหลินต้าเหอไม่ได้ เป็การดีหากนางจะหาโอกาสคุยกับหลินเฟินและหลินฟางถึงเื่นี้ในอนาคต
ตอนนี้ต้องทุ่มเทไปกับการทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อน
“ไม่ได้นะ ฟู่อิน บ้านพวกข้าเป็หนี้เ้าเยอะแล้ว นี่เป็กิจการที่เ้าคิดขึ้นมาเอง แม้บ้านอื่นจะทำได้ แต่พวกข้าน่ะทำไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็การเนรคุณไม่ใช่หรือ?” เฟิงซื่อหลับตาไปครู่ใหญ่ แล้วจึงลืมตาขึ้นมากล่าว
หากพ่อแม่พี่น้องของนางรู้เข้า นางคงถูกก่นด่าจนสิ้นท่าแน่ นางจะยอมเสียหน้าเช่นนั้นไม่ได้!
เมื่อหลินฟู่อินเห็นนางซื่อตรงขนาดนี้ ก็ได้แต่หัวเราะออกมา “ท่านป้าสอง สิ่งที่คนอื่นทำได้ ท่านก็ทำได้ หากมีโอกาส เหตุใดท่านถึงไม่ใช้มันเพื่อหาเงินเสียล่ะเ้าคะ?”
หลินต้าเหอซาบซึ้ง ขยิบตาให้เฟิงซื่อถี่ยิบ
เฟิงซื่อเมินเขา แล้วจึงคุยกับหลินฟู่อินเื่หลินซานหลางและลูกสาวทั้งสอง
หลินฟู่อินรู้อยู่แล้วว่าหลินซานหลาง หลินเฟิน และหลินฟางไม่ใช่คนปากรั่ว นางจึงพยักหน้า
เฟิงซื่อจึงคุยกับนางเื่ไร่ต่อ “ฟู่อิน คราวก่อนเ้าบอกข้าไว้ใช่หรือไม่ว่าอยากปลูกผักกาด? ตอนนี้ฤดูก็มาถึงแล้ว ข้าว่าได้เวลาเริ่มแล้วละ” หยุดคิดไปครู่หนึ่ง นางจึงกล่าว “ลุงสองของเ้ากับข้าเองก็รดน้ำบนที่ดินไปสองครั้ง และฝังเถ้าไว้ข้างใต้เรียบร้อยแล้วด้วย”
หลินฟู่อินขอบคุณเฟิงซื่อและหลินต้าเหอ ก่อนกล่าวต่อ “เช่นนั้นข้าจะกลับไปเอาเมล็ดผักกาดมาให้ จากนั้นต้องขอฝากให้ท่านป้าสองและลุงสองช่วยข้าปลูกแล้วเ้าค่ะ”
แม้นางจะพอมีความรู้เื่การทำไร่อยู่บ้าง แต่นางก็ไม่ได้ลงมือทำเองมาหลายปีแล้ว ทั้งร่างของนางก็ยังเล็กมากจนยกถังน้ำได้เพียงครึ่งถังเท่านั้น ไม่มีแรงมากพอที่จะพรวนดินและรดน้ำแน่
หลินต้าเหอเป็คนที่ทำงานใช้แรงได้ดี จึงกล่าวทันที “ให้เป็หน้าที่ของพวกข้าเอง บ้านของพวกข้าได้ค่าจ้างจากเ้าทุกวัน หากไม่ปลูกให้แล้วมันจะมีค่าอะไรกัน?”
กล่าวจบ สายตาของหลินต้าเหอก็ทอประกายความอยากทำงานขึ้นมา หลินฟู่อินรู้ดีว่าชาวไร่เช่นหลินต้าเหอย่อมรักผืนดินเป็อย่างมาก และยังมองมันเป็ดั่งเส้นชีวิต ซึ่งถือว่าเป็เื่น่านับถือ
การทำงานกับดินควรจะมีความรู้สึกเช่นนี้อยู่ในอกเสมอ
เฟิงซื่อเข้าใจความคิดของสามีดี จึงเย้าหลินต้าเหอเล่น “อะไรกัน ซานหลางกับอาเฟินอาฟางบอกเราแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าพวกเราจะทำงานให้ฟู่อิน แล้วเ้าจะได้เป็เ้าของที่ในอนาคตน่ะ!”
หลินต้าเหอโบกไม้โบกมือเป็พัลวัน “เ้าของที่อะไรกัน ข้าไม่กล้าเป็หรอก หลายปีมานี้แค่มีที่สี่ไร่นี่ข้าก็พอใจมากแล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าหลินซานหลางจะแต่งงานไป หรืออาเฟินอาฟานจะแต่งงานไป ก็คงมีสักบ้านที่ช่วยดูแลที่นี่ต่อแน่”
หลินฟู่อินรู้อยู่แล้ว ว่าหลินต้าเหอต้องเก็บความ้าของตนมาเป็เวลานานในตอนที่ยังอยู่ที่บ้านเดิม แม้เขาจะเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างหลังรับเลี้ยงหลินซานหลาง แต่เขากลับยังมีความมั่นใจในตัวเองต่ำ และยังคงใจอ่อน
นางจึงไม่พูดอะไรมาก และตกลงกับเฟิงซื่อว่าจะเอาเมล็ดผักกาดมาส่งให้หลังมื้อเย็น ก่อนจะจากไป
หลินซานหลาง หลินเฟิน และหลินฟางต่างก็ออกไปเก็บสมุนไพร หลินฟู่อินจึงไปหาพวกเขาเพื่อบอกให้ไปเก็บกัญชาเทศก่อน
แม้บ้านสองจะสนับสนุนเื่การเรียนอ่านเขียนของหลินซานหลาง แต่หลินซานหลางเองก็ให้ความสำคัญกับบ้านสองที่ให้ความสำคัญกับเขามาก เขาจึงขอตามหลินเฟินและหลินฟางออกไปเก็บสมุนไพรด้วยในเวลากลางวัน แล้วจึงกลับมาฝึกเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน หมึก และกระดาษที่หลินฟู่อินซื้อให้ในตอนเย็น
หลินฟู่อินคิดว่าการซื้อร้านหรือบ้านในเมืองคงมิใช่เื่ง่ายแน่ นางจึงตามไปดูการฝึกเขียนของหลินซานหลางก่อน และเมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว นางจะไปขอให้หมอหลี่ช่วยแนะนำหลินซานหลางให้ได้เข้าเรียนในสถานศึกษาในเมืองหลังจากนั้น
หลินฟู่อินพบหลินเฟิน หลินฟาง และหลินซานหลางในูเา แต่ก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงวัยประมาณสิบขวบอีกสองคนในชุดฤดูร้อนใหม่เอี่ยมสีฟ้าแดง หยุดยืนอยู่ด้านหน้าหลินซานหลาง โดยมีหลินเฟินและหลินฟางกำลังต่อว่าพวกนางอย่างเดือดดาล
หลินฟู่อินถึงกับเก็บความใไว้ไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้นกัน?